“พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร”
ผู้อาวุโสหันยืนห่างจากพวกเขาทั้งสองสิบก้าว น้ำเสียงสงบราบเรียบ ไม่มีอำนาจคุกคามแต่อย่างใด
ทว่าฉางเฮิ่นเทียนยังคงเหงื่อแตกพลั่ก
เฉกเช่นกับคำที่ว่ามรรคอันยิ่งใหญ่เรียบง่ายที่สุด หวนสู่ความเรียบง่ายบริสุทธิ์
ด้วยร่างกายปัจจุบันของเขา เกรงว่าเพียงแค่ชายชราขยับปลายก้อย อาจจะบดขยี้เขาจนตายได้
ฮั่วเทียนเฉิงยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้น มองดูพื้นตรงหน้าแล้วพูดว่า “ศิษย์เห็นฉุยอวี้จริง แต่นางกับเฟิงเอ้อร์เหนียงร่วมกันวางแผน ตอนนี้ทั้งสองได้หนีจากเป่ยไห่แล้ว ศิษย์ไม่รู้ว่าควรติดตามต่อดีหรือไม่ จึงกลับสำนักมาขอคำชี้แนะ”
เขาหยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า “ส่วนเรื่องพลังวิญญาณ ศิษย์ได้สืบทราบแล้ว ของสิ่งนี้มาจากสตรีที่มีนามว่าอินชิงเสวียน ซึ่งเป็นหลานสะใภ้ของเซี่ยวติ่งเทียนเจ้าสำนักของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีศิษย์ต้องการพานางกลับมาที่ตำหนักเทพ แต่ไม่คาดคิด ว่าแม่หนูนั่นจะมีพลังมหัศจรรย์ สามารถหลบหนีไปจากสายตาของศิษย์ได้ ตอนนี้นางน่าจะกลับไปที่ภูเขาอวิ๋นฉีแล้ว”
“โอ้?”
ผู้อาวุโสหันเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาสีเข้ม ถามว่า “แม่หนูนั่นมีพลังมหัศจรรย์อย่างไร”
ฮั่วเทียนเฉิงจัดระเบียบคำพูด แล้วตอบว่า “ศิษย์ยังไม่ทราบ สรุปก็คือ จู่ๆ นางก็หายตัวไป คิดว่ามีพลังวิญญาณในตัวเพียงพอ ถึงมีวิธีอื่นในการฝึกฝนวิชา”
ผู้อาวุโสหันตอบอืม และสายตาก็หันไปมองที่ฉางเฮิ่นเทียน กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย
“นี่คือผู้ใด และเขามีคุณสมบัติอะไรถึงสามารถขึ้นสู่ยอดเขาบรรจบสวรรค์ได้”
แค่มองปราดเดียวเขาก็รู้ทันทีว่าฉางเฮิ่นเทียนไม่มีวรยุทธ์หรือฌานตบะ แค่เก่งกว่าคนทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่รู้ว่าทำไมฮั่วเทียนเฉิงถึงพาเขาขึ้นมา
ฮั่วเทียนเฉิงกล่าวขึ้นโดยเร็ว “คนผู้นี้มาจากเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง รู้ความลับมากมาย ศิษย์ไม่แน่ใจว่าเขาจะมีประโยชน์กับตำหนักเทพหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของผู้อาวุโสหัน”
“โอ้?”
ผู้อาวุโสหันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“อิ๋นเฉิงของเจ้าไม่ได้ปิดผนึก ห้ามเข้าออกไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้าถึงออกมา”
ผู้อาวุโสหันพูดเยาะเย้ยอย่างเย็นชาว่า “ถ้าอิ๋นเฉิงมีความสามารถนี้จริงๆ ทำไมไม่ไปหาคนแซ่เย่เองล่ะ เจตนาไม่ซื่อของเฮ่อยวน จะปิดบังข้าได้อย่างไร”
จากนั้นก็พูดด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ในฐานะเจ้าเมืองแห่งอิ๋นเฉิง กลับเขาไม่คิดก้าวหน้า คิดถึงแต่เรื่องความรัก แต่งงานกับฮูหยินสองคนแล้วยังไม่พอใจ ยังหมายตาธิดาเทพแห่งตำหนักเทพหอทองคำอีก คนถ่อยต่ำช้าเช่นนี้ สมควรแล้วรึที่จะเป็นเจ้าเมืองอิ๋นเฉิง!”
ฉางเฮิ่นเทียนพูดด้วยความเคารพ “ผู้อาวุโสพูดถูก ได้ยินมาว่าฮูหยินใหญ่ที่เสียชีวิตไปยังไม่ถูกฝัง แต่ถูกผนึกไว้ในโลงน้ำแข็งในอิ๋นเฉิง”
ผู้อาวุโสหันแค่นเสียงหึอย่างเหยียดหยาม
“หนุ่มสาวรักกันเนิ่นนาน วีรบุรุษใจแคบ เฮ่อยวนเป็นเศษสวะจริงๆ”
จากนั้นก็โบกมือให้ฮั่วเทียนเฉิง
“พาเขาลงยอดเขาเถอะ!”
ฉางเฮิ่นเทียนรีบโค้งคำนับและพูดว่า “ผู้เยาว์ทำอาหารอร่อยมาก ยินดีที่จะอยู่ที่นี่เพื่อรับใช้ผู้อาวุโส หวังว่าท่านผู้อาวุโสจะรับผู้เยาว์ไว้ด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...