กวนเซี่ยวโค้งคำนับกล่าวว่า “ขอน้อมรับคำสั่งของพระสนมพ่ะย่ะค่ะ”
อินชิงเสวียนพยักหน้าให้ฟางรั่ว แล้วจึงจากไปพร้อมกับฉินเทียนและหลี่ชี
เรื่องเส้นทาง นางได้เลือกไว้ให้ฟางรั่วแล้ว ส่วนจะเดินไปในทิศทางใด ก็ขึ้นอยู่กับตัวนางเองแล้ว
เหตุผลที่อินชิงเสวียนมองฟางรั่วแตกต่างออกไปมากนั้น ประการแรกก็เพราะอุปนิสัยของนางตรงกับนิสัยของอินชิงเสวียน
ในตัวฟางรั่วนั้น นางมักจะมองเห็นตัวเองในตอนที่เป็นเด็กอยู่ เพื่อที่จะบรรลุความปรารถนาที่จะออกจากหมู่บ้าน นางไม่ย่อท้อ ฝ่าฟันขวากหนามไปในทิศทางนั้นอย่างแน่วแน่
อีกประการหนึ่งคือ ความรู้สึกละอายใจที่ยังคงอยู่เสมอ
ถ้านางไม่ยุยงเสี้ยมสอนให้ฟางรั่วปลอมเป็นตัวเอง ฟางรั่วก็คงไม่ถูกลงโทษด้วยการจับนั่งม้าไม้...
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจเบาๆ
“กลับวังกันเถอะ”
ในเวลาเดียวกัน ที่ด้านล่างของยอดเขาบรรจบสวรรค์กำลังตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน
ชาวยุทธ์หลายคนค้นพบสถานที่แห่งนี้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะที่นี่มีค่ายกลแนวป้องกันเขา และคนจำนวนมากหลงทางในค่ายกลแปดทิศ
อย่างไรก็ตาม ใต้หล้าไม่เคยมีค่ายกลใดที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่กี่วันต่อมา ชาวยุทธ์ที่เชี่ยวชาญด้านค่ายกลก็พบเห็นเบาะแส ใช้เวลาสองวันก็สามารถทำลายค่ายกลโดยสมบูรณ์
ทุกคนต่างดีใจจนแทบคลั่ง รีบบุกขึ้นไปบนยอดเขาทันที
สถานที่แห่งนี้ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก ปราณเทพลอยล่อง แค่มองก็รู้ว่านี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดา และทุกคนก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่ามีหนังสือสวรรค์ไร้อักษรอยู่ที่นี่
บนยอดเขา
สีหน้าของผู้อาวุโสหันเขียวขุ่น
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ศิษย์คนหนึ่งคุกเข่าลงพูดว่า “ได้ยินว่าพวกเขามาที่นี่ เพราะสิ่งที่เรียกว่าหนังสือสวรรค์ไร้อักษรขอรับ”
ผู้อาวุโสหันถามอย่างเย็นชา “แล้วสิ่งนั้นคืออะไร”
“ศิษย์ก็ไม่ทราบเช่นกัน ศิษย์พยายามเกลี้ยกล่อมแล้ว แต่พวกเขาไม่ฟังเลย ไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็จะบุกขึ้นมาให้ได้”
ผู้อาวุโสหันทุบโต๊ะ จากนั้นอีกครู่หนึ่ง เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “เรียกฮั่วเทียนเฉิงเข้ามา”
“ศิษย์ไม่ทราบ”
ผู้อาวุโสหันกล่าวเยาะอย่างเย็นชา “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนให้ความสำคัญกับมิตรภาพ เจ้าปล่อยพวกนางไป ข้าจะไม่คิดบัญชีก็ได้ แต่ว่า เจ้าต้องจับตัวนางเด็กแซ่อินนั่นมาให้ได้”
ฮั่วเทียนเฉิงรีบโค้งคำนับและพูดว่า “ผู้อาวุโสหันโปรดวางใจ ศิษย์จะพาคนกลับมาที่ตำหนักเทพ อย่างแน่นอน”
ดวงตาของผู้อาวุโสหันกวาดไปด้านหลังศีรษะ ทำให้รู้สึกเยียบเย็น จากนั้นจึงพยักหน้า
“ดีมาก ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง ฉางเฮิ่นเทียนบอกว่าสามีของอินชิงเสวียนก็แซ่เย่ เจ้าใช้เวลาอยู่ที่เป่ยไห่มาระยะหนึ่งแล้ว เจ้าคิดว่าเขามีอะไรพิเศษหรือไม่”
ฮั่วเทียนเฉิงคิดอย่างละเอียด นอกเหนือจากความหล่อเหลาแล้ว เย่จิ่งอวี้ก็ไม่มีอะไรพิเศษ แม้ว่าในบรรดาชาวยุทธ์นั้น วรยุทธ์ของเขาจะไม่เรียกว่าด้อยนัก แต่ในตำหนักเทพ กลับเรียกว่าธรรมดาสามัญเท่านั้น แต่น้องชายคนนั้นของเขาต่างหาก ที่ดูต่างออกไป
อายุน้อยแต่ดูเป็นผู้ใหญ่ ทั้งยังสามารถสร้างอาวุธเหล็กอันทรงพลัง และเรือใหญ่ที่ซับซ้อนมากได้
หากต้องการเข้าสู่วิถีแห่งสวรรค์ จำเป็นต้องเข้าใจกลไกบางอย่าง หากสามารถเปิดได้ด้วยพลังยุทธ์ คงไม่ถูกปิดผนึกมาหลายปีเช่นนี้
ครั้นแล้วเขาก็บอกสิ่งที่ตัวเองวิเคราะห์ได้กับผู้อาวุโสหันทันที
ผู้อาวุโสหันเดินสองก้าว จากนั้นหันกลับมาพูดว่า “ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล เช่นนั้นข้าจะส่งคนไปเชิญเขามาที่นี่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...