อินชิงเสวียนตกใจเล็กน้อย
นางเพิ่งคุยกับเย่จิ่งอวี้เรื่องของนักพรตเต๋าเสร็จ ก็ได้พบนักพรตเต๋าจำนวนมากมายพอดี คาดว่ามีประมาณสิบกว่าคน
เมื่อมองดูเสื้อผ้าที่ซอมซ่อและเรียบง่ายของพวกเขา แต่ละคนมีรูปร่างผอมซูบ ดูเหมือนผ่านความยากลำบากมามาก แต่กลับมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นที่เผยให้เห็นความสดใสและเงียบสงบ
นี่เป็นครั้งแรกที่อินชิงเสวียนได้พบนักพรตเต๋าพเนจรแบบนี้ ซึ่งแตกต่างจากนักบวชเหล่านั้นในวัดยุคปัจจุบัน
คนเหล่านี้เป็นนักพรตเซียนเต๋าที่สง่างามทุกคน สีหน้าและแววตาจริงจัง ทำให้คนเกิดความเคารพและยำเกรงโดยไม่รู้สาเหตุ
พวกเขาเดินผ่านอินชิงเสวียนไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้หยุดลงและยังคงเดินต่อไปด้านหน้า สายตาแน่วแน่และนิ่งสงบ
จนกระทั่งถึงนักพรตเต๋าน้อยผู้นั้นที่หน้าตาสะอาดและหล่อเหลา เมื่อเดินผ่านอินชิงเสวียนไปก็หันกลับมาเหลือบมองนาง
เมื่อสบสายตากัน อินชิงเสวียนก็ใจสั่นเล็กน้อย
ดวงตาคู่นั้นพิเศษอย่างแท้จริง สดใสราวกับกระจก ไม่แปดเปื้อนโคลนตม ใสสะอาดจนทำให้คนรู้สึกต่ำต้อย
นักพรตเต๋าน้อยผู้นี้สูงส่งงดงาม เขายิ้มให้อินชิงเสวียนอย่างเป็นมิตร และเดินตามรอยเท้าของท่านอาจารย์ไป
อินชิงเสวียนยังคงยืนอยู่ที่เดิม มองเขาด้วยความตะลึง จนพวกเขาเดินลับหายไป เย่ไห่ถังจึงใช้ข้อศอกกระทุ้งนางเล็กน้อย
“เสด็จพี่สะใภ้ ท่านรู้จักเขางั้นหรือ?”
เย่ไห่ถังถามด้วยใบหน้าแปลกใจ
อินชิงเสวียนส่ายหน้า
“ไม่รู้จัก”
เย่ไห่ถังเอียงศีรษะถามว่า “เช่นนั้นเหตุใดท่านจึงจ้องเขาอยู่ตลอด หากเสด็จพี่รู้เข้า จะต้องริษยาเป็นแน่”
อินชิงเสวียนเม้มปากหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่มีทาง เสด็จพี่ของท่านมั่นใจในเรื่องนี้มาโดยตลอด ข้ามองเขาก็เพราะว่าบนตัวของเขาให้ความรู้สึกถึงผู้ที่สละทางโลก นี่ไม่ได้หมายถึงลักษณะของเขา แต่เป็นความรู้สึกที่เขาสละทางโลกอย่างแท้จริง”
บุคคลนี้สละความหยาบโลนของมนุษย์โดยสิ้นเชิง และเป็นเหมือนเทพอมตะที่มาสู่โลกมนุษย์
เย่ไห่ถังไม่เข้าใจความรู้สึกของอินชิงเสวียน นางเพียงเห็นว่านักพรตเต๋าน้อยผู้นี้ดูดีกว่าคนอื่นเล็กน้อย นอกจากนั้นนางก็มองไม่เห็นสิ่งใดอีกเลย
เมื่อเห็นใบหน้าที่งุนงงของสาวน้อย อินชิงเสวียนก็ไม่ได้พูดอะไรมาก จึงแตะเบาๆ ที่มือของนาง
“กระหม่อมขอถวายบังคมหวงกุ้ยเฟย ขอถวายบังคมองค์หญิงไห่ถัง”
ระหว่างการสนทนา รองผู้อำนวยการได้ยกชุดคลุมเดินเข้ามาต้อนรับ
“ใต้เท้าลุกขึ้นเถิด จอมพลเฒ่ากวนไม่อยู่งั้นหรือ?”
อินชิงเสวียนเหลือบมองด้านหลังเขา
รองผู้อำนวยการยิ้มแล้วพูดว่า “จอมพลเฒ่ามีอาการปวดศีรษะกะทันหันพ่ะย่ะค่ะ วันนี้จึงขอลางานชั่วคราว”
อินชิงเสวียนพยักหน้ารับ ความรู้สึกผิดแวบขึ้นมาในดวงตาของนาง
วันที่เย่จิ่งหลานรักษาบาดแผลให้กวนฮั่นหลิน กลับลืมให้เขาสแกนสมองจอมพลเฒ่าด้วย
ทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็นึกถึงคุณย่าที่ปวดหัวและเวียนหัวอยู่บ่อยๆ เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลพบว่าเป็นความดันโลหิตสูง จอมพลเฒ่าอายุมากแล้ว และยังมีนิสัยชอบดื่มสุรา ไม่แน่ว่าอาจมีปัญหาเรื่องความดันโลหิต ไหนๆ ก็ออกจากวังพอดี อีกเดี๋ยวค่อยเข้าไปเยี่ยมสักหน่อย
ระหว่างที่ครุ่นคิดก็ได้ยินเสียงของเย่ไห่ถังถามขึ้นอย่างอดใจไม่ได้ว่า “วันนี้คุณชายรองอินมาหรือไม่เพคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...