ความเร็วของฮั่วเทียนเฉิงว่องไวมาก เรียกขานว่าสายฟ้าก็ไม่เกินจริง
เวลาเพียงชั่วพริบตา ความคิดนานาประการผุดขึ้นมาในหัวของเย่จิ่งหลาน
กำบังกาย? ยิงปืน? เลื่อนตัวหนีไป?
แต่ล้วนเป็นไปไม่ได้
ดังนั้น...
ฮั่วเทียนเฉิงไม่คิดว่าตัวเองจะพลาดท่า เขาจับตัวเย่จิ่งหลานได้แล้วจริงๆ แต่กลับเกิดเรื่องที่ทำให้เขาคาดคิดไม่ถึง ทัศนียภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
จู่ๆ ริมทะเลเป่ยไห่ก็เปลี่ยนเป็นห้องสีขาวรอบด้าน ด้านในมีสามเตียง และผ้าห่มก็เป็นสีขาวสะอาดสะอ้าน หัวและปลายเตียงทำจากโลหะหายาก
เขามองสำรวจทัศนียภาพรอบด้านด้วยใบหน้าที่ตื่นตกใจ โจวหนิงและต้วนจื่อฉู่ที่อยู่ด้านหลังก็มีสีหน้ามึนงงเช่นกัน
สรุปว่าคือความฝัน หรือตาลายกันแน่?
โจวหนิงยื่นมือออกมาหยิกที่ต้นขาของตัวเอง ต้วนจื่อฉู่ก็ออกแรงขยี้ตา เมื่อพวกเขาได้สติกลับมา ภาพตรงหน้ายังคงเป็นเช่นเดิมเหมือนเมื่อครู่
“ที่นี่คือที่ใดกัน?”
ฮั่วเทียนเฉิงปล่อยมือลงโดยไม่รู้ตัว
ครั้งนี้ เย่จิ่งหลานไม่ได้ถอยหลังออกไป
สามวันก่อนหน้านี้ เขารักษาชาวบ้านคนหนึ่งที่มีเนื้องอกในสมองจนหายดี และได้รับคะแนนการผ่าตัดระดับสุดยอด มิติจึงได้รับการแจ้งเตือนให้อัปเกรดอีกด้วย
การอัปเกรดครั้งนี้มาพร้อมกับทักษะมิติที่ยอดเยี่ยม ซึ่งก็คือเขาไม่กลัวการโจมตีใดๆ ภายในมิติ และสามารถเคลื่อนย้ายวัตถุในมิติได้ตามต้องการ รวมถึงผู้คนด้วย
ดังนั้น เย่จิ่งหลานในตอนนี้จึงแน่นิ่งอย่างมาก ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร
“ที่นี่คือสถานที่ที่เป็นของข้า”
เย่จิ่งหลานแอบสวมไมโครโฟน เสียงจึงสะท้อนไปรอบทิศทางผ่านลำโพงที่อยู่ในมุม
ฮั่วเทียนเฉิงจึงต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว ยืนประกบกันเป็นรูปสามเหลี่ยมพร้อมกับโจวหนิงและต้วนจื่อฉู่ สายตาแสดงความหวาดกลัวออกมา
ดูท่าทางว่าเขาคาดเดาได้อย่างถูกต้อง คุณชายเย่น้องผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย เกรงว่าจะเก่งกาจเสียยิ่งกว่าเย่จิ่งอวี้ด้วยซ้ำ
ต้วนจื่อฉู่ถามอย่างอดไม่ได้ว่า “ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?”
เย่จิ่งหลานยักไหล่ เขาดึงเก้าอี้ออกมาตัวหนึ่งและนั่งลง จากนั้นก็ยกขานั่งไขว่ห้าง และจุดบุหรี่อย่างไม่รีบร้อน
เขาพ่นควันออกมาอย่างสง่างาม จึงพูดขึ้นว่า “ข้าจะพาพวกท่านไปยังเกาะตงหลิว ท่านฮั่วเป็นบุคคลผู้ชอบธรรม หรือว่าไม่อยากช่วยออกแรงเพื่อประเทศชาติของตัวเอง?”
ความจริงแล้วด้วยความสามารถของเย่จิ่งหลานในตอนนี้ เขาไปฆ่าล้างเกาะตงหลิวด้วยตัวเองได้โดยสิ้นเชิง เพียงนำพวกเขาเข้ามาด้านในมิติและฆ่าตายทีละคน น่าเสียดายที่เขาไม่ต้องการให้สิ่งสกปรกเหล่านั้นมาแปดเปื้อนดินแดนศักดิ์ศิทธิ์ของตัวเอง
อีกอย่าง การเดินเรือจำเป็นต้องใช้คน เขาไม่สามารถขับเรือสำราญได้เพียงลำพัง
ฮั่วเทียนเฉิงรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย
“ข้ามีเรื่องที่สำคัญกว่าการโจมตีเกาะตงหลิว ขอเพียงท่านช่วยพวกข้าเปิดวิถีแห่งสวรรค์ อย่าว่าแต่เกาะตงหลิวเลย ต่อให้เป็นทั้งต้าโจว ตำหนักเทพหอทองคำของพวกข้าก็สามารถกำราบได้”
เย่จิ่งหลานแค่นเสียงหัวเราะและพูดอย่างนิ่งเฉยว่า “ด้านในวิถีแห่งสวรรค์มีสิ่งใดกัน เกรงว่าพวกท่านก็ยังไม่แน่ใจเช่นกัน เหตุใดต้องเสียเวลาให้แก่จุดหมายที่เป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน การสร้างความสุขสงบแก่ประชาชนเป็นสิ่งที่พวกเราควรทำ”
ฮั่วเทียนเฉิงรีบพูดว่า “นั่นไม่เหมือนกัน เกาะตงหลิวไม่หนีไปไหน จะโจมตีเวลาใดก็ย่อมได้ แต่วิถีแห่งสวรรค์ทำเช่นนั้นไม่ได้ หากพวกเราไม่สามารถชนะได้ในครั้งนี้ วิถีแห่งสวรรค์จะต้องตกอยู่ในมือของพวกไร้ประโยชน์อย่างอิ๋นเฉิง หากต้องการประลองอีกครั้ง ก็ต้องรออีกห้าสิบปี”
“อิ๋นเฉิงที่ท่านพูดถึงคือที่ใดกัน?”
เย่จิ่งหลานไม่ได้รีบร้อน เพราะเขากินอิ่มแล้ว กำลังเบื่อหน่ายไม่มีอะไรทำ
อุปกรณ์โดยรวมของเรือได้รับการติดตั้งแล้ว มีเพียงรายละเอียดบางส่วนที่ขาดหายไป และช่างฝีมือเหล่านั้นสามารถทำหน้าที่ได้อย่างดี
สายตาของฮั่วเทียนเฉิงมองไปที่ประตู ทันใดนั้นก็ตะโกนร้องขึ้นมาเสียงดัง
“รีบวิ่ง!”
ทันทีที่สิ้นเสียง เขาก็ใช้วิชาตัวเบาโฉบบินไปที่หน้าประตูห้อง วินาทีถัดมาก็กลับมายังตำแหน่งเดิม แม้แต่ตำแน่งที่ทั้งสามคนยืนก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
“ได้ พวกข้ารับปากท่าน แต่ท่านต้องรับประกันว่าจะกลับมายังเป่ยไห่ภายในสามเดือน”
เย่จิ่งหลานดีดนิ้ว ยิ้มแล้วพูดว่า “หลายวันต่อจากนี้รบกวนท่านทั้งสามพักผ่อนที่นี่ก่อน เมื่อเรือออกทะเลแล้ว ข้าจะให้พวกท่านได้ชื่นชมทิวทัศน์บนเรืออย่างเพลิดเพลิน”
เย่จิ่งหลานพูดจบ เขาก็หายตัวไป
ฮั่วเทียนเฉิงและคนอื่นๆ ตกลงมากลางอากาศ พวกเขาแต่ละคนมีวิทยายุทธ์ขั้นสูง จึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
แม้ว่าโจวหนิงและต้วนจื่อฉู่อายุน้อยกว่า แต่หากเลือกออกมาคนหนึ่ง กลับอยู่ในระดับเดียวกันกับเจ้าสำนักเซี่ยว ทว่าไม่มีประโยชน์ใดๆ ในมิติแห่งนี้
พวกเขาเดินสำรวจไปทั่วห้องทั้งหมด แต่ยังคงหาประตูทางออกไม่พบ
ไม่ว่าเปิดประตูบานไหน สุดท้ายก็ยังคงปรากฏสถานที่ที่เยือกเย็นน่าหวาดกลัวนั้น ด้านในทางเดินที่ล้อมรอบด้วยผนังสีขาว
“ศิษย์พี่ฮั่ว ชายสกุลเย่ผู้นี้คงไม่ใช่ผีหรอกนะ”
ตอนเด็กโจวหนิงเคยฟังเรื่องผีตีกำแพงอยู่บ่อยครั้ง จึงเริ่มมีความหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่อาจห้ามใจได้
“บนโลกนี้มีผีที่ไหนกัน จะต้องเป็นมิติที่เหมือนกับกำไลของอินชิงเสวียนอย่างแน่นอน”
ฮั่วเทียนเฉิงครุ่นคิดเรื่องนี้มาโดยตลอด นี่เป็นความคิดที่สมเหตุสมผลที่สุดที่เขาพูดออกมาจากการคาดเดาหลายประการ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทั้งสองคนต่างก็โล่งใจ
ไม่ใช่ผีก็ดีแล้ว ตราบใดที่เย่จิ่งหลานต้องการพวกเขา ย่อมต้องมีโอกาสออกไปจากที่นี่
ขณะนั้นเอง ฮั่วเทียนเฉิงสงบจิตใจลงได้แล้ว เขานั่งลงบนเตียงและรู้สึกว่านุ่มอย่างน่าประหลาด สบายยิ่งกว่าแผ่นหินที่ตัวเองนอนเสียอีก
“เย่จิ่งหลานพูดถูก เวลาสามเดือนมากพอที่พวกเราจะกลับมา ในเมื่อมาแล้วก็พักก่อนเถอะ พวกเราเร่งเเดินทางไกลคงเหนื่อยกันแย่ พักผ่อนให้ดีกันก่อนเถอะ”
พูดจบก็ถอดรองเท้า ห่มผ้าแล้วนอนหลับไป
โจวหนิงและต้วนจื่อฉู่ก็รู้สึกเหนื่อยล้าเช่นกัน จึงทำตามและไม่ได้คิดสิ่งใดมากอีกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...