หลินหยางงงเป็นไก่ตาแตก มองไปทางหลัวฟู่หรงด้วยสายตาที่สับสน
ผู้คนที่อยู่โดยรอบเดือดพล่านขึ้นมาทันที
“อะไรนะ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”
“พระเจ้า เสี่ยวหวู่เขาบ้าไปแล้วเหรอ?”
“รุ่นพี่ซีโหรนเซียนเป็นถึงอันดับหกของสิบอัจฉริยะเลยนะ โม่เสี่ยวหวู่คิดจะทำตัวเป็นคางคกหวังกินเนื้อห่านฟ้าเหรอ? ถึงขั้นกล้าไปตามจีบซีโหรนเซียน?”
“เหอะเหอะ ไม่ส่องกระจกดูเงาของตัวเองบ้างเลย?”
“ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”
ผู้คนที่อยู่โดยรอบหัวเราะและเยาะเย้ยอย่างเย็นชา
ในตอนนั้นเอง หลัวฟู่หรงผลักหลินหยางออกอย่างกะทันหัน พูดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ “ถึงแม้รุ่นพี่ซีโหรนเซียนจะไม่รายงานเรื่องนี้ต่อเบื้องบน แต่ผมไม่มีทางทำเป็นเหมือนกับเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผมจะไปบอกอาจารย์เดี๋ยวนี้ คุณเตรียมตัวโดนไล่ออกได้เลย แต่ก่อนหน้านั้น ถ้าหากผมไม่ได้สั่งสอนคุณสักหน่อยก็คงจะรู้สึกไม่สบายใจ! เพียงแต่กระทืบคุณมันจะทำให้มือผมสกปรกเสียเปล่า!”
พูดจบ เขาก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว ส่วนนักเรียนตัวสูงใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของเขาก้าวออกมา แต่ละคนกำหมัดแน่น เดินตรงเข้าไปทางหลินหยางพร้อมกับรอยยิ้มที่เย็นชา
“พวกคุณคิดจะทำอะไร?” หลินหยางถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“ทำอะไร? กระทืบมัน!” หลัวฟู้หรงตะคอกเสียงดัง
นักเรียนทั้งกลุ่มพุ่งเข้าไปหาหลินหยาง…
เกรงว่าคงจะไม่มีใครคิด ที่หลัวฟู่หรงมาที่นี่ก็เพื่อคิดบัญชีกับโม่เสี่ยวหวู่
และยิ่งไม่มีใครเคยคิด โม่เสี่ยวหวู่คนนี้ถึงขั้นกล้าจีบซีโหรนเซียน!
ซีโหรนเซียนเป็นใคร? เธอเป็นถึงหญิงสาวผู้เย่อหยิ่งที่เป็นอัจฉริยะอันดับหก! เป็นเทพธิดาในดวงใจของผู้คนมากมาย
โม่เสี่ยวหวู่บ้าไปแล้วเหรอ? หรือเขาคิดจะเป็นศัตรูกับผู้ชายทุกคนในบ้านโอสถฉี?
ผู้หญิงแบบนั้นอยู่ไกลเกินที่จะเอื้อม!
ทุกคนล้วนแต่ไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องพวกนี้
นักเรียนพวกนั้นพุ่งเข้าไปทางหลินหยางอย่างบ้าคลั่ง แต่ละคนเหวี่ยงหมัดตรงเข้าไปที่ใบหน้าของเขาอย่างไม่เกรงใจ
ทุกอย่างโกลาหลมาก
สีหน้าของหลินหยางเคร่งขรึมลง ก้าวถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว แต่สายตายังคงจ้องมองคนกลุ่มนี้ไม่กระพริบ เดิมทีเขาคิดจะโต้ตอบกลับ แต่หลังจากเห็นทางด้านของหลัวฟู่หรงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับตัว ส่วนแววตาลุกวาวเป็นประกาย หลินหยางเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง จึงหลบอย่างเดียวโดยไม่คิดจะลงมือ
ถึงแม้นักเรียนกลุ่มนี้มีร่างกายที่ค่อนข้างใหญ่ กำปั้นใหญ่ แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาทื่อมาก แต่ละคนชกหมัดออกไปอย่างแรง แต่กลับไม่มีใครสัมผัสโดนหลินหยางแม้แต่นิดเดียว
การเคลื่อนไหวของเขาลื่นไหลเหมือนกับปลาไหล
“พวกแกทำอะไรกันอยู่? ยังไม่รีบจัดการให้ลูกสุนัขคนนี้อีก?” หลัวฟู่หรงเริ่มหัวเสียแล้ว จึงตะคอกเสียงดัง
คนทั้งกลุ่มก็เริ่มรู้สึกร้อนรน พุ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สามารถสัมผัสโดนหลินหยาง
ถึงแม้สีหน้าของหลินหยางจะดูตื่นตระหนกและดูเสียเปรียบมาก แต่การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมาก เคลื่อนไหวไปมาอยู่ระหว่างคนกลุ่มนี้
“ไอ้เวรเอ้ย!”
หลัวฟู่หรงตะคอกด้วยความโกรธ กวาดสายตามองนักเรียนที่อยู่ด้านข้างทั้งสองฝั่ง “พวกแก ลุยเข้าไปเลย! จัดการหมอนี่ให้ได้!”
นักเรียนที่มามุงดูเหตุการณ์รู้สึกอึ้ง มีหลายคนยังลังเล แต่หลังจากเห็นสายตาที่ดุร้ายของหลิวฟู่หรง เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความไม่พอใจให้กับหลัวฟู่หรง พวกเขาจึงทำได้แต่กัดฟันแน่นพุ่งเข้าไป
เพียงแต่…การเคลื่อนไหวของโม่เสี่ยวหวู่คนนี้ลื่นไหลมาก แม้เขาจะโดนคนทั้งกลุ่มปิดล้อมเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถสยบเขาได้
เขาในตอนนี้เหมือนกับเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ
พวกคนที่รู้จักโม่เสี่ยวหวู่ต่างพากันรู้สึกประหลาดใจ
“หมอนี่มันเป็นอะไรไป? เขาเปลี่ยนมากระฉับกระเฉงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“หมอใช้ได้เลย คนเยอะขนาดนี้แต่จับเขาไม่ได้?”
“หรือว่าหมอนี่มีศิลปะการต่อสู้ติดตัว?”
เสียงถกเถียงดังขึ้นไม่หยุด
แต่สีหน้าของหลัวฟู่หรงยิ่งอยู่ก็ยิ่งเย็นชาและดูร้อนรนมากขึ้น เขาก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือของตัวเองเป็นครั้งคราว ราวกับกำลังคอยระวังอะไรบางอย่าง
จนกระทั่งในตอนนั้นเอง ประตูเปิดออกอย่างกะทันหันแล้วมีคนคนหนึ่งเดินเข้ามา หลังจากนั้นมีเสียงตะคอกที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของความโกรธดังขึ้น
“ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้!”
ภายในห้องเงียบลงทันที ทุกคนหยุดการกระทำของตัวเองแล้วหันไปมองทางประตูพร้อมกัน
ตรงประตูมีหญิงวัยกลางคนอ้วนเล็กน้อยสวมแว่นยืนอยู่ตรงนั้น
หญิงวัยกลางคนถือตำราสอนไว้ในมือ ใบหน้าที่ซีดเหลืองของเธอถูกปกคลุมด้วยความโกรธ
นักเรียนที่อยู่โดยรอบพูดขึ้นพร้อมกัน
“อาจารย์หวง คุณต้องทวงความเป็นธรรมให้กับพวกเรา ลงโทษโม่เสี่ยวหวู่เดรัจฉานคนนี้ให้หนัก ตอนแรกเขาทำร้ายหลิวเฉียว ผมเข้าไปห้าม ปรากฏว่าแม้แต่ผมก็โดนเขาทำร้ายด้วยอีกคน”
“อาจารย์หวง โม่เสี่ยวหวู่คนนี้มันบ้า! มีความเป็นไปได้ที่สมองของเขาไม่ปกติ!”
“คนบ้าแบบนี้อยู่ในบ้านโอสถฉีของเราจะต้องเป็นก้อนเนื้อร้ายแน่นอน”
“ถ้าเขาปรากฏตัวขึ้นที่การแข่งขันนี้ เกรงว่าคงจะต้องกลายเป็นตัวตลกแน่”
“ใช่แล้ว เขาจำเป็นต้องได้รับการควบคุม!”
“ใช่ จำเป็นต้องได้รับการควบคุม!”
พวกนักเรียนที่อ้างว่าตัวเองโดนทำร้ายเริ่มโห่ร้องตะโกนเสียงดัง
ถึงขั้นมีคนเลิกแขนเสื้อขึ้นหรือไม่ก็ถอดเสื้อแจ็คเก็ต เผยให้เห็นร่องรอยของการฟกช้ำที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้า
หลินหยางถึงกับอึ้งไปแล้ว
เขาไม่ได้แตะต้องคนพวกนี้เลยด้วยซ้ำ พวกเขามีรอยฟกช้ำบนร่างกายได้ยังไง?
หรือว่า…หลัวฟู่หรงเพื่อที่จะใส่ร้ายเขา ถึงขั้นตั้งใจสร้างบาดแผลไว้ล่วงหน้า?
หลินหยางรู้สึกประหลาดใจมาก
ในขณะเดียวกันที่มุมหนึ่งของห้อง เฉียนโม่กำลังมองภาพที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ
“หลินหยาง ดูซิว่าคราวนี้คุณจะรับมือยังไง” เฉียนโม่พูดพึมพำกับตัวเอง
อาจารย์หวงก้าวออกมาข้างหน้า หลังจากลองตรวจดูบาดแผลของหลิวเฉียวและคนอื่นแบบผิวเผิน เธอหันมาทางหลินหยางแล้วตะคอกด้วยความโกรธ
“โม่เสี่ยวหวู่! คุณยังมีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่า? เตรียมรอโดนไล่ออกได้เลย!”
เสียงตะโกนของเธอแทบจะคำราม
“อาจารย์หวง ผมไม่ได้เป็นคนทำร้ายคนพวกนี้ ตั้งแต่เริ่มจนจบผมไม่เคยแตะต้องคนพวกนี้เลยแม้แต่นิดเดียว” หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ
“คุณ…คุณยังคิดจะเถียงอีกเหรอ? คุณจะบอกว่าพวกเขาเป็นคนทำเองอย่างนั้นเหรอ?” อาจารย์หวงรู้สึกโมโหมาก
หลินหยางกลับพูดขึ้นอย่างไม่เร่งไม่รีบ “ถ้าหากอาจารย์ไม่เชื่อ จะลองพิสูจน์บาดแผลหรือเปล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...