กิดเดียนกล่าวอย่างนอบน้อม “ไม่เป็นไรครับ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้าคุณแม่มีความสุข เนลล์ก็มีความสุขไปด้วย และเนลล์ก็เป็นความสุขของผมเหมือนกัน”
เขาโปรยอาหารเม็ดลงบนพื้น เงียบ ๆ
เคธี่ยิ้มให้กับคำพูดของเขา
ในคืนนั้นเอง ฌอนนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับ
กว่าสามสิบปีแล้วนับตั้งแต่ที่เขาหนีออกจากบ้านตั้งแต่อายุได้สิบขวบเพื่อมาอาศัยอยู่ในทะเลทราย ตอนนี้มันกลายเป็นบ้านของเขาไปเสียแล้ว จะให้อยู่ ๆ ก็จากไปจึงเป็นเรื่องท้าทาย แต่ทว่าข้อเสนอที่กิดเดียนยื่นมาช่างล่อใจเสียเหลือเกิน ไม่ต้องพูดถึงเคธี่...
เฮ้อ เขาคงปล่อยให้เคธี่ไปประเทศจีนตามลำพังไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธออยู่กับเขา
ร่างกายของเธอยังไม่หายดีนัก ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะพูดคุยกับผู้คนได้คล่องขึ้น ทว่าอารมณ์ของเธอยังไม่คงที่
ยังคงมีอาการวิตกกังวลโดยไม่รู้ตัวเมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนมาก ๆ
ในตอนนี้เคธี่ไม่ไว้ใจใครนอกจากเขา เพียงแค่คิดฌอนก็ยังรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ฌอนเดินออกมาด้วยดวงตาคล้ำเป็นแพนด้าแล้วส่งสายตามองไปยังกิดเดียนทันทีเมื่อเห็นเขา “ลุงจะไปประเทศจีนกับคุณ”
ในตอนนั้นเองกิดเดียนกำลังอุ้มวีมอนด์ตัวน้อยพลางสอนวิธีใช้คอมพิวเตอร์ให้แกอยู่บนโซฟา ชายหนุ่มมองมาที่ฌอนพลางระบายยิ้ม
“คุณลุงแน่ใจแล้วนะครับ? จะไม่เสียใจใช่ไหมครับ?”
ฌอนที่อยู่ในอารมณ์หงุดหงิด ยิ่งโดนกิดเดียนยั่วโมโห ยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่
เขาจ้องเขม็งไปที่กิดเดียน “ลุงบอกตกลงแล้วไม่ใช่เหรอ?! ลุงไม่เสียใจกับสิ่งที่ลุงพูดไปหรอก!”
หลังจากนั้นเขาก็ออกไปโดยไม่ยอมรับประทานอาหารเช้าด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด
เคธี่เห็นฌอนคว้ากุญแจและออกไปด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ตอนที่เธอเดินออกมาจากในครัว เธอจึงเอ่ยถาม “เอ่อ คุณจะไปไหนคะ? ถึงเวลาอาหารเช้าแล้วนะคะ!”
ฌอนตะคอกโดยไม่หันกลับมามอง “ผมจะไปที่ห้องแล็บ”
เคธี่หน้าบึ้งพลางกระทืบเท้า “ไม่อยากจะเชื่อเลย! ได้เวลาอาหารเช้าแล้วเขายังจะออกไปห้องแล็บอีกเหรอ?”
เนลล์ยิ้มออกมาพลางจับไหล่ของเคธี่ “คุณแม่คะ คุณลุงไปที่ห้องแล็บเพื่อเตรียมย้ายของค่ะ อย่าห่วงไปเลยนะคะ”
เคธี่รู้ว่าเขาจะตอบตกลง ทว่าการที่ได้ยินเขาพูดก็ยังทำให้เธอยิ้มได้
เธอถูกพรากจากเนลล์มาเป็นสิบปี เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เธอจะอยากอยู่กับลูกหลังจากที่กลับมาพบกัน ทว่าเธอเองก็ไม่อยากจากฌอนไปเหมือนกัน เขาไม่เพียงแต่ดีกับเธอ แต่เขายังมอบความรักที่มีค่าให้แก่เธอมานับสิบปี
ถึงอย่างนั้นการมีสิ่งที่ดีที่สุดถึงสองอย่างนั้นไม่มีอยู่จริง แล้วเธอเองก็รู้อยู่แก่ใจ
สำหรับฌอนที่ต้องไปจากสถานที่ที่เป็นเหมือนโลกทั้งใบของเขา ทั้งทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสร้างขึ้นเป็นสิ่งที่...โหดร้ายมาก
ทว่าเขาก็ยังตอบตกลง
ตอนนี้เขาเลือกแล้ว เขายอมมากพอแล้วเพื่อทำตามความปรารถนาของเธอ
กิดเดียนทราบดังนั้นจึงยอมปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเธอไป
เนลล์กับเคธี่นั่งอยู่ภายในรถที่มุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่แถวนั้น มันคลาคล่ำไปด้วยร้านรวงที่ขายเครื่องประดับและสินค้าพิเศษในท้องถิ่นมากมาย
เธอเจอร้านขายของที่ระลึกน่ารัก ๆ จึงเลือกของที่ระลึกออกมาหลายชิ้น เนลล์ให้เขาห่อสินค้าให้แล้วให้ที่อยู่ผู้รับกับทางร้านก่อนจะออกมา
เมื่อพวกเธอเดินออกมา จู่ ๆ เคธี่ก็ชี้ชวนให้ดู “อ่อ แม่จำได้ว่ามีร้านขายขนมต้นตำรับอยู่บนถนนเส้นนั้น เราซื้อกลับไปฝากทุกคนตอนจิบน้ำชายามบ่ายดีไหม?”
เนลล์รู้สึกว่าผู้เป็นแม่ยังมีความอาลัยอาวรณ์กับแถว ๆ นี้อยู่บ้าง บางทีอาจเป็นเพราะความเคยชินเพราะท่านอาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นสิบปีแล้ว
ตอนนี้เธอกำลังจะจากไป การได้ซื้ออาหารพื้นบ้านเป็นครั้งสุดท้ายราวกับเป็นการอำลา
เนลล์เข้าใจ
เพราะหิมะไม่ตกจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การซื้อของ ท้องฟ้าแจ่มใส มีแดดออกแต่ก็ไม่ร้อนจนเกินไป
เป็นหนึ่งวันในฤดูหนาวที่แสนสบายทั้งมีผู้คนพลุกพล่าน
เนลล์พบว่าการขับรถไปยังถนนอีกสายหนึ่งลำบากมาก ดังนั้นเธอจึงสั่งให้คนขับรถจอดรอพวกเธอ พวกเธอจะกลับมาหลังจากซื้ออาหารเสร็จแล้ว
คนขับรถไม่ขัดข้องและนั่งรออยู่ในรถ
ขณะที่เดินอยู่นั้นเคธี่จับมือหญิงสาวพลางระบายยิ้ม “ไม่อยากจะเชื่อเลย แม่อยู่ที่นี่มาเป็นสิบปีแล้วแต่ไม่เคยมีโอกาสมาทานที่นี่เลย ที่นี่มีภัตตาคารอยู่ไม่กี่แห่งหรอก แม่เคยได้ยินชื่อเสียงของที่นี่เหมือนกัน แต่แม่ก็เอาแต่บอกว่าเดี๋ยววันหลังค่อยมาที่นี่ก็ได้ มาคิดดูตอนนี้ จะไม่มีคราวหน้าอีกแล้ว”
เนลล์ยิ้ม “ไม่จริงหรอกค่ะ เมื่อไรก็ตามที่คุณแม่รู้สึกว่าคุณแม่คิดถึงที่นี่ เราจะพาคุณแม่กลับมาเยี่ยมก็ได้ค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก