เคธี่ส่ายหน้าพลางถอนหายใจ “ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอกลูก ลูกเองก็ยุ่งมาก และแม่ก็สร้างปัญหาให้ลูกมามากแล้ว แม่ไม่คิดจะรบกวนลูกอีก”
เนลล์กำลังจะปลอบผู้เป็นแม่ ทว่าโดนตัดบทเสียก่อน
“อย่ามาพูดกับแม่ว่าแม่ไม่ได้สร้างปัญหา แม่รู้นะว่าสาเหตุที่ฌอนตกลงตามไปประเทศจีนไม่ใช่เพียงแค่เขาเป็นห่วงแม่ แต่เป็นเพราะกิดเดียนให้สัญญาว่าจะมอบเครื่องมือวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยให้เขา ไหนจะให้เงินสนับสนุนจำนวนมหาศาลทุกปีเพื่อให้เขาได้ทำการวิจัยอย่างที่เขาต้องการ แม้ว่าเงินนั้นจะไม่ได้มีค่ามากมายสำหรับลูก แต่แม่จะเอาแต่ฉวยโอกาสกับลูกแบบนี้ต่อไปไม่ได้หรอกเนลลี่ ลูกโชคดีที่ได้แต่งงานกับคนตระกูลลีย์ แต่เราจะไม่สนใจเพียงเพราะเขาดีกับเราไม่ได้ แบบนั้นไม่ดี”
เนลล์รับฟังที่ผู้เป็นแม่สอนก่อนจะหัวเราะคิกคัก
“คุณแม่คะ หนูยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย หนูก็โดนสอนเสียแล้ว”
หญิงสาวถอนหายใจพลางพลางจับมือของเคธี่แล้วลูบเบา ๆ
“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เงินนั้นไม่ได้มาจากคุณกิดเดียนหรอกค่ะ ลูกสาวของคุณแม่ออกจะมีความสามารถ อย่าดูถูกหนูสิคะ ถึงหนูจะหาเงินเก่งสู้เขาไม่ได้ก็ตาม แต่หนูก็ไม่เหมือนคนอื่นด้วย!”
เคธี่ทราบดีว่าธุรกิจของเนลล์ไปได้สวย
ในตอนนี้บริษัทอันหนิง อินเตอร์เนชั่นแนลครองวงการบันเทิงทั้งประเทศ
เมื่อสองปีก่อนเนลล์ทำหน้าที่เป็นเพียงผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ต่อมากิดเดียนได้มอบทั้งบริษัทให้กับเธอ เขายังโอนหุ้นเป็นชื่อเธออีกด้วย
ดังนั้นในตอนนี้เธอจึงเป็นผู้บริหารของของบริษัทอันหนิง อินเตอร์เนชั่นแนลร่วมกับ ซิงฮุย เอ็นเตอร์เทนเม้นท์
ซิงฮุย เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ยังอยู่ภายใต้อันหนิง อินเตอร์เนชั่นแนล นั่นเป็นเพราะเนลล์คิดว่ามันวุ่นวายเมื่อแยกออกเป็นสองบริษัท อย่างไรเสียเธอก็เป็นเจ้าของบริษัทอยู่แล้ว
แต่พูดตามตรงหลังจากที่เธอย้ายศิลปินของซิงฮุย เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ทั้งหมดไปยังอันหนิง อินเตอร์เนชั่นแนล แล้วเปลี่ยนซิงฮุย เอ็นเตอร์เทรนเม้นท์ไปเป็นแพลตฟอร์มวีดิโอ ก็เริ่มทำรายได้เกือบจะเทียบเท่าอันหนิง อินเตอร์เนชั่นแนลแล้ว
ด้วยเหตุนี้เงินจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเนลล์ เธอจึงกล้าและมีสิทธิ์จะบอกเคธี่ถึงเรื่องนั้น
เคธี่รู้ว่าเธอพูดความจริง แต่ถึงจะถูกปลอบ เธอก็รู้สึกเกรงใจอยู่ดีที่รู้ว่าลูกยุ่งมาก
สมควรแล้วที่เธอจะไม่รบกวนเนลล์ในเรื่องที่เธอต้องการ และเธอไม่ได้บอกลูกถึงเรื่องนั้น
หลังจากที่สั่งขนมจากร้านและจ่ายเงินแล้ว พวกเธอวางแผนที่จะกลับไปยังคฤหาสน์เวลา 11:30 น. แล้วจากนั้นจึงออกเดินทางพร้อมกัน
พอพวกเธอออกจากร้าน เนลล์รู้สึกสังหรณ์ว่ามีคนกำลังแอบตามพวกเธออยู่
เธอหันไปมองทว่ากลับไม่มีใครเลยนอกเสียจากลูกค้าและพนักงานที่ง่วนอยู่กับงาน
เนลล์ขมวดคิ้วเข้าหากัน ‘นี่เธอคิดไปเองหรือเปล่า?’
เธอสลัดความคิดนั้นออกแล้วเดินข้ามถนนไปกับเคธี่
รถยังคงจอดรออยู่ตรงนั้น อีกทั้งคนขับรถก็ยังสวมหมวกทรงสูงที่เขาสวมเมื่อเช้านี้ เขาลงจากรถมาเปิดประตูให้พวกเธอ
เคธี่อารมณ์ดีมากราวกับว่าจิตใจของเธอปลอดโปร่ง ในที่สุดเธอก็ยกภูเขาออกจากอก เมื่อเธอเดินขึ้นรถ เธอรู้สึกราวกับว่ามีความสุขมาก
เนลล์ก็พลอยรู้สึกมีความสุขไปด้วยและพูดคุยกับเธอ
รถยนต์สตาร์ดเครื่องแล้วขับออกไปช้า ๆ
คนทั้งคู่ไม่ได้สนใจ จากนั้นจึงแลกเปลี่ยนความคิดและความรู้สึกในเรื่องที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นกับประเทศเมื่อไม่นานมานี้
ดูเหมือนเรื่องราวต่าง ๆ จะทำให้เคธี่เพลิดเพลิน และมีคำถามมากมาย ราวกับเธอชดเชยเวลาที่สูญเสียไป
หญิงสาวครุ่นคิด และในตอนนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงบริเวณลำคอ
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง แล้วเธอก็หันไปเห็นว่ามีคนเอาเข็มแทงเข้าที่คอของเธอ ส่วนเคธี่หมดสติไปจากยานอนหลับ จึงสลบอยู่ข้าง ๆ เธอ
เนลล์จ้องเขม็งไปที่ชายคนนั้นพลางเปิดปากพูด ทว่าไม่มีเสียงออกมา สุดท้ายแล้วเปลือกตาของเธอก็หนักอึ้ง แล้วเธอก็หมดสติไป
หลังจากที่พวกเธอหมดสติไป ชายที่แอบอยู่ใต้เบาะก็โผล่ขึ้นมา
พวกเขายืนยันว่าพวกเธอไม่รู้สึกตัวแล้วจึงหมดกังวล
ชายคนนั้นดึงหน้ากากลงแล้วสบถ “โถ่เว้ย! มันจะไปยากอะไรแค่ต่อยให้สลบก็พอ อยู่ข้างใต้เบาะนั่นฉันเบื่อแทบตาย! ที่เธอได้ทำน่ะง่ายมาก สิ่งที่แกต้องทำคือขับรถ!”
หลังจากนั้นคนขับรถก็ถอดหมวกออกพลางเหยียดยิ้มอย่างเย็นชา
“เลิกบ่นได้แล้ว ไม่ใช่ความผิดของฉันสักหน่อยที่รูปร่างของแกไม่เหมือนกับคนขับรถ ฉันเลยต้องมาขับรถนี่ไง”
ขณะที่เขาพูด เขาก็เปลี่ยนไปสนใจที่เบาะหลัง
“คนท้องยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?”
“เธอยังหายใจอยู่”
“ดีแล้ว เจ้านายสั่งว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอต้องปลอดภัย เธอมีค่าตัวมหาศาลสำหรับพวกเรา ต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ”
“เออ เข้าใจแล้ว ตอนนี้พาพวกเธอไปหาเจ้านายเถอะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก