เกรกอรี เกรแฮมไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
ดวงตาสีเข้มคู่หนึ่งกำลังมองไปที่เธออย่างเงียบ ๆ
วิกกี้ โทมัสรู้สึกหงุดหงิดมากจนเธอต้องผลักเขาออกไป
“ไปให้พ้น อย่ามากวนฉัน”
เธอคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะต้องรำคาญ แต่ก็ไม่ เขากลับหัวเราะเบา ๆ ออกมา
เสียงทุ้มต่ำและแหบเล็กน้อยดังก้องอยู่ในหู บวกกับลมหายใจที่แผดเผาของเธอช่างดูมีเสน่ห์และน่าค้นหา
“เวลาที่เธอหึงฉัน เธอก็จะเป็นแบบนี้แหละ”
แขนของเขาที่เธอเพิ่งจะผลักออกไปได้ยกขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ ผู้ชายคนนี้ฉลาดขึ้น เขาไม่ได้โอบที่เอวของเธอ ในทางกลับกัน เขายกแขนของเขาไปมาเหนือตัวของเธอ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วบีบเบา ๆ ที่ติ่งหูกลมเล็ก ๆ ของเธอ
“เมื่อกี้หลังจากที่เธอกลับมา ฉันก็กลับไปหายูเลียนาอีกครั้ง”
ร่างกายของวิกกี้แข็งทื่อ
แม้ว่าเธอจะยังหันหลังให้กับเขาอยู่ แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอกำลังทำหน้าบึ้งและปฏิเสธที่จะพูดกับเขา แต่ในความเป็นจริงแล้ว หูของเธอผึ่งขึ้นด้วยความอยากรู้
เธอไม่รู้ว่าเกรกอรีจะสังเกตเห็นปฏิกริยาของเธอหรือเปล่า แต่เขาก็ยังคงพูดอย่างเฉยเมยว่า “อีกไม่นานฉันจะส่งยูเลียนาไปที่อื่น และเธอจะไม่ได้เจอกับยูเลียนาอีกเลย เธอจะมีความสุขได้รึยัง?”
วิกกี้ขมวดคิ้ว
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง และในที่สุดเธอก็หันไปมองหน้าเขา
สายตาของอันสุขุมของวิกกี้พร้อมกับการซักถามแล้ว
“นายจะส่งเธอไปที่ไหน?”
เกรกอรีเลิกคิ้วขึ้น
“แน่นอน ว่าฉันจะต้องส่งเธอไปในที่ของเธอไง”
วิกกี้พูดจาเยาะเย้ยออกมา
“จริงสินะ นายน่ะโหดร้ายมาพอแล้ว ดูเธอจะทุ่มเทให้กับนายมามากเลยทีเดียว และนายก็กำลังจะทิ้งเธอไปทั้งอย่างนั้น เกรกอรี เกรแฮม แม้เวลาจะผ่านไปสี่ปี แล้วนายก็ยังเป็นคนเย็นชาและไร้หัวใจเหมือนเดิม!”
ใบหน้าของเกรกอรีมืดลง
เขาเอื้อมมือออกไปจับคางของเธอเอาไว้ และมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ
“แล้วเธออยากให้ฉันทำอะไรล่ะ? เธอไม่ใช่เหรอที่เป็นคนที่ไม่ชอบยูเลียนา ตอนนี้ฉันก็กำลังกำลังส่งยูเลียนาไปที่อื่นแล้ว เธอก็เป็นคนที่ประชดประชันเก่งแบบนี้ไง เธอไม่คิดบ้างเหรอว่ามันย้อนแย้งกับการกระทำของเธอ?”
หัวใจของวิกกี้เต้นแรง
ตอนแรกเธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่หลังจากที่เขาพูดออกมาแบบนี้ เธอก็เริ่มรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริง
วิกกี้ขมวดคิ้วและพูดอย่างคนหมดความอดทน “อยากจะทำอะไรก็ตามใจ มันเกี่ยวอะไรกับฉันเหรอ?”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็หันหน้าหนีเพื่อสะบัดมือของเขาที่ยังคงจับคางของเธอเอาไว้อยู่
จากนั้นเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “ดึกแล้ว ฉันจะนอนแล้ว นายก็ควรจะไปได้แล้ว”
เกรกอรีมองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง
วิกกี้รู้สึกเหมือนกับว่าเขาเกือบจะมองทะลุผ่านหลังศีรษะของเธออยู่แล้ว แต่หลังจากนั้นด้านหลังของเธอก็รู้สึกเบาสบายขึ้นมา
ชายคนนั้นลุกขึ้นและกระโดดลงจากเตียง ก่อนจะกระโดดออกนอกหน้าต่างไปอีกครั้ง
เธอหลับตาลงพลางสาปแช่งเขาภายใต้ลมหายใจของเธอ “ไอ้โรคจิต!”
จริงอยู่ว่าที่นี่คือบ้านของเขา แต่เขาไม่ได้ใช้ประตูหน้า และเลือกที่จะแอบเข้ามาทางหน้าต่างแทน เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้ไร้ศีลธรรม!
วันรุ่งขึ้น วิกกี้ตื่นแต่เช้า
เธอเหลือบมองแสงแดดยามเช้าที่กำลังสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เมื่อเธอหันหน้ากลับมา เธอก็เห็นว่าแอนเดรียได้ผลักประตูแล้วเดินเข้ามา
"คุณโทมัสคะ คุณตื่นแล้ว”
วิกกี้พยักหน้ารับ ก่อนจะยื่นมือของเธอออก พลางลุกขึ้นนั่งด้วยความช่วยเหลือจากแอนเดรีย
“ตอนนี้กี่โมงแล้ว”
"แปดโมงครึ่งค่ะ"
แอนเดรียยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“พ่อบ้านออสบอร์นได้สั่งเอาไว้ว่าถ้าคุณตื่นนอนเมื่อไหร่ ให้รีบแจ้งเขาทันทีค่ะ เพราะว่าคุณหมอที่ช่วยพันแผลของคุณได้มาถึงแล้ว เขากำลังรอคุณตื่นนอนอยู่ค่ะ”
วิกกี้ตกใจเล็กน้อย
วิกกี้กลับมารู้สึกตัวพลางเงยหน้าขึ้นมามองเธอ
เธอคิดถึงเรื่องนั้น และพูดว่า "ฉันยังไม่หิว แอนเดรีย เธอช่วยอะไรฉันหน่อย"
แอนเดรียนิ่งไปครู่หนึ่งดวงตาของเธอมืดลง และจากนั้นเธอก็ยิ้มและพยักหน้า
"ได้ค่ะ จะให้ช่วยทำอะไรเหรอคะ?"
วิกกี้กวักมือเรียกให้เธอเข้ามาใกล้ ๆ
แอนเดรียก้มตัวลง ในขณะที่วิกกี้ได้กระซิบที่หูของเธอ เธอพยักหน้าอยู่หลายครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ได้ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
แล้วเธอก็รีบเดินออกไป
วิกกี้นั่งรออยู่ที่นั่น ตอนนี้จิตใจของเธอค่อนข้างฟุ้งซ่าน
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในหัวของเธอถึงได้นึกถึงฉากเมื่อคืนนี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ตอนที่ผู้ชายคนนั้นแอบเข้ามาทางหน้าต่างของห้องเธอ
คิ้วบาง ๆ ของเธอขมวดเข้าหากัน และหลังจากนั้นไม่นานก็ค่อย ๆ เริ่มคลายตัวลง
วิกกี้ไม่ได้อยู่ในห้องของเธอ
เธอรู้สึกว่าภายในห้องอากาศไม่ค่อยถ่ายเท ดังนั้นหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว เธอจึงเข็นรถเข็นออกไปข้างนอกด้วยตัวของเธอเอง
ด้านนอกทางเข้าของอาคารเสริม มีทางเดินที่เรียบมากทอดยาวไปสู่สวน และด้วยภูมิทัศน์ที่สลับซับซ้อนตลอดทั้งทาง พลางทำให้ทิวทัศน์แถวนั้นสวยงามขึ้นมาทันตา
วิกกี้เคลื่อนรถเข็นของเธอออกไปอย่างช้า ๆ พลางสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า ซึ่งทำให้เธอรู้สึกโล่งใจมากกว่าขังตัวเองให้อยู่แต่ในห้อง
เธอวางหนังสือไว้บนตักของเธอ และเคลื่อนรถเข็นของเธอไปจนถึงสนามหญ้า ก่อนที่เธอจะหยุดและเลือกพื้นที่ที่มีร่มเงา และบรรยากาศที่เงียบสงบให้เหมาะสำหรับการอ่านหนังสือ
มีต้นไม้ใหญ่อยู่ต้นหนึ่งที่นี่ และก็มีใบไม้ที่หนาแน่นพอที่จะบังแดดยามเช้าให้กับเธอได้
แม้ว่ามันจะบังแดด แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นความอบอุ่นไม่ให้เข้ามาโดนตัวของเธอแต่อย่างใด แสงแดดไม่ได้แรงมากนัก มันให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบพอดี ที่นี่คือสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการพักผ่อนและอ่านหนังสือ
วิกกี้ปรับพนักพิงของรถเข็นเล็กน้อย ก่อนจะเอนหลังลงอ่านหนังสือของเธอ
หนังสือที่เธอหยิบออกมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับทฤษฎีเคนโด้ มันถูกเขียนขึ้นเมื่อนานมาแล้ว โดยปรมาจารย์เคนโด้ยุคแรก ๆ
ถ้าเธอต้องอ่านหนังสืออีกเล่มหนึ่ง เธอจะไม่สามารถเข้าถึงมันได้ เนื่องจากว่าตอนนี้เธอไม่สามารถฝึกซ้อมเชิงปฏิบัติได้ เธอจึงต้องเรียนรู้เชิงทฤษฎีไปก่อน ไม่ใช่ว่าเธอเรียนรู้แบบผ่าน ๆ แต่ว่านี่ถือว่าเป็นวิธีควบคุมอารมณ์ของเธออย่างหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก