ห่างจากท่าเรือออกไป
เฉินเกอยังคงยืนอยู่บนดาดฟ้า
ตามตำแหน่งบนภาพไห่ซิน เกาะโยวหลงอยู่ห่างจากที่นี่หลายพันกิโลเมตร และต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ในการแล่นเรือไปถึง
ตอนนี้แม้รู้ที่ตั้งแล้ว แต่ในใจของเฉินเกอกลับยังเป็นกังวลอยู่บ้าง
นั่นเพราะอย่างไรก็ตามเรือก็แค่อยู่ใกล้กับเกาะโยวหลงเท่านั้น พวกเขายังต้องตรวจสอบตำแหน่งที่แน่ชัดอีกที
ในสถานการณ์แบบนี้ อีกฝ่ายจะต้องค้นพบตนเองก่อนอย่างแน่นอน เฉินเกอไม่ได้กังวลว่าอีกฝ่ายจะโจมตีเขา แต่กลับกำลังกังวลว่าหลังจากที่ค้นพบพวกตนแล้ว อีกฝ่ายจะโจมตีใส่ครอบครัวของเขา
"กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ?" ซินแสกุ่ยเดินมาหาเฉินเกอพร้อมชาร้อนในมือ ลมทะเลพัดผ่านมาทำให้กลิ่นหอมของชาลอยล่อง แต่ในไม่ช้ามันถูกรสเค็มของทะเลทำให้จางหายไปอย่างรวดเร็ว
"ฉันกำลังสงสัยว่าเกาะโยวหลงตั้งอยู่ที่ไหนกันแน่" เฉินเกอรับชามา จากนั้นจึงพูดเรียบๆ
"มันก็ตำแหน่งที่แสดงอยู่ตรงกลางของภาพไห่ซินนั่นแหละ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีเครื่องหมายเฉพาะเจาะจง พวกเราจำเป็นต้องตรวจสอบอีกครั้งถึงจะได้ความ" ซินแสกุ่ยส่ายหัวและเอ่ยขึ้น เขาสามารถทำนายทุกข์สุขภยันต์อันตรายได้ แต่กลับไม่มีความสามารถในการทำนายตำแหน่งเฉพาะของเกาะโยวหลง
"ก็นั่นแหละที่ฉันกำลังเป็นกังวล"
"ถ้าเรายังไม่รู้ได้ถึงตำแหน่งของเกาะที่แน่ชัด แต่กลับถูกตระกูลเฉินรู้เข้า พวกเขาจะลงมือกับพ่อแม่ฉันรึเปล่า" เฉินเกอถอนหายใจเบาๆ เดิมทีเขาคิดว่าการหาภาพไห่ซินพบก็จะหาเกาะโยวหลงเจอ และสามารถสืบพบพ่อแม่ของตน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขายังคิดอะไรเด็กๆเกินไป
"วางใจเถอะ พ่อแม่ของนายไม่น่าตกอยู่ในอันตราย เฉินเตี๋ยนชางไม่ว่ายังไงก็เป็นปู่ของนาย อีกทั้งยังเป็นพ่อของพ่อนาย เสือร้ายไม่กินลูกตน แล้วเขาจะลงมือกับพ่อแม่ของนายได้ยังไงกัน?" เมื่อเห็นท่าทางวิตกกังวลของเฉินเกอ ในใจของซินแสกุ่ยก็รู้สึกไม่ค่อยดี
"นายไม่รู้สถานการณ์ของครอบครัวเรา" เฉินเกอถอนหายใจอีกครั้ง
"ถ้าอย่างนั้นก็ทำได้แค่ก้าวไปทีละก้าวๆแล้ว เพียงแต่นายวางใจได้ ฉันจะช่วยนายอย่างถึงที่สุด" ซินแสกุ่ยรู้จะพูดอะไรและทำได้แค่ตบไหล่เฉินเกอ
"นายช่วยฉันกำจัดพวกมันได้ไหม?" เฉินเกอชี้ไปที่ทะเล
"กำจัดอะไร?" ซินแสกุ่ยเงยหน้าขึ้นไปมองตามทิศทางที่เฉินเกอชี้
ที่บนน้ำทะเล จากระยะไกลจะเห็นได้ว่ามีจุดดำบางจุดกำลังไล่เข้ามาใกล้ขึ้น เมื่อชำเลืองมอง เฉินเกอก็พบว่ามีเรือยนต์มากกว่าสิบลำซึ่งก็เดาได้ว่านี่เป็นหน่วยรบของประเทศหนานเยว่ส่งมาเพื่อไล่ฆ่าตน
"เรือยนต์? ทำไมพวกเขาไม่ส่งทหารมาไล่ล่านาย?" ซินแสกุ่ยเองก็เห็นได้ลางๆเช่นกัน
"พวกเขาก็อยากจะส่งทหารมาโดยตรง แต่นายลืมตัวตนของพวกเราไปแล้วหรือไง คนประเทศหนานเยว่ไม่กล้าลงมือกับคนของหัวเซี่ยอย่างเอิกเกริก พวกเขาทนต่อความโกรธแค้นของหัวเซี่ยไม่ได้"
"ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ต้องส่งคนไม่กี่คนมาไล่ล่าพวกเรา แต่ลำพังแค่คนเหล่านี้ ไม่เพียงพอที่จะเป็นภัยคุกคามต่อเรา"
ใบหน้าของเฉินเกอมีรอยยิ้มจาง ๆ นี่เป็นความมั่นใจที่เกิดจากความแข็งแกร่งของประเทศ หากเขาเป็นคนประเทศหนานเยว่ และภาพไห่ซินอยู่ในประเทศจีนล่ะก็ เฉินเกอคงไม่มีความกล้าแม้กระทั่งจะคิดไปเอามันเลยสักนิด เกรงว่าทันทีที่เขาเข้าใกล้ศูนย์กลางก็ต้องถูกกองทัพจัดการลงทันที
"นายก็รู้ว่าฉันไม่มีเรี่ยวแรงอะไร ถ้าฉันไปจัดการให้นาย เกรงว่าฉันคงต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปแล้ว" ซินแสกุ่ยแสดงสีหน้ายากลำบาก อย่าว่าแต่คนพวกนี้เลย แค่คนธรรมดาเขายังอาจสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
"ฮ่าฮ่า อย่างนั้นก็เข้าไปรอเถอะ ให้บรรดาลูกศิษย์ของตำหนักสวนหยางพวกนั้นมาเก็บกวาดพวกเขา" เฉินเกอจับไหล่ของเขาและเดินไปที่ห้องโดยสาร
"ลูกศิษย์เหล่านั้นของตำหนักสวนหยางจัดการปัญหาได้ นายนั่งอยู่ที่นี่อย่างว่าง่ายก็พอแล้ว" เฉินเกอคว้าแขนของไป๋เสี่ยวเฟยและลากเขาไปที่ที่นั่ง
"ฉันรู้ว่าพวกเขาสามารถแก้ปัญหาได้ แต่ฉันอัดอั้นมาระยะหนึ่งแล้ว" ไป๋เสี่ยวเฟยยิ้มเจ้าเล่ห์
"ระวังตัว " เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นล้วนพุ่งไปที่ดาดฟ้า เฉินเกอก็คลายแขนของไป๋เสี่ยวเฟย เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของไป๋เสี่ยวเฟยเป็นอย่างดี การจัดการคนเหล่านั้น ไม่น่าจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บอะไร
เมื่อมองไปที่คนเหล่านั้น นิ้วของเฉินเกอก็ยังคงเคาะไปบนโต๊ะ
"สายของนาย!" หลังจากนั้นไม่นาน เหลียงลู่ก็ผลักประตูห้องเดินเข้ามา และโยนโทรศัพท์มือถือของเธอไปที่ต่อหน้าเฉินเกอ
"ใคร?" เฉินเกอหยิบขึ้นมาดู เป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นตา
"คุณเฉิน ฉันคือลู่เฉิงคุนเป็นผู้รักษาการของประเทศหนานเยว่ในตอนนี้ ฉันว่าพวกเราจำเป็นต้องคุยกันสักหน่อย" ผ่านทางโทรศัพท์แบบนี้ลู่เฉิงคุนไม่ได้กลัวอะไรเฉินเกอมากนัก เขารู้ด้วยว่าเมื่อเฉินเกอออกจากประเทศหนานเยว่ไปแล้วก็ไม่น่าจะกลับมาอีก
"เป็นคนที่ฉันลักพาตัวไปหรือเปล่า?" เฉินเกอถามด้วยรอยยิ้ม
"คุณเฉิน ฉันสามารถปล่อยพวกคุณออกจากประเทศหนานเยว่ได้ คนที่ส่งไปยับยั้งพวกคุณตอนนี้ก็แค่ทำไปยังงั้นๆเท่านั้น แต่ว่าจากนี้ไปคุณอย่าได้กลับมาที่ประเทศหนานเยว่อีก คุณสามารถทำได้หรือไม่?" ลู่เฉิงคุนรู้สึกอับอายอยู่บ้าง วันนั้นที่เขาถูกเฉินเกอจี้ถือเป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา
"นายมีคุณสมบัติที่จะเจรจากับฉันงั้นหรือ?" เฉินเกอเปิดลำโพง และวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ
"จะว่ายังไงฉันก็เป็นถึงผู้รักษาการของประเทศหนานเยว่ ในมือก็พอมีอำนาจอยู่บ้าง คุณเฉินควรพิจารณาสักหน่อยและยอมรับเงื่อนไขของฉัน" ลู่เฉิงคุนกล่าวต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...