จามาลยืนมองหญิงสาวที่สะดุดตาที่สุดในโรงอาหารของโรงงานเขารู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้น่าค้นหามาก มีอะไรหลายๆ อย่างที่เหมือนกับเขาและเข้ากับคนอื่นได้ดีโดยไม่ถือตัวแม้แต่น้อย
“ก๊อก ก๊อก”
“ยืนมองใครอยู่หรือครับพี่ชาย” ฮาติมเดินเข้ามายืนข้างๆและมองตามสายตาของเขาไป
“สาวสวยคนนั้นเอง เธอสวยนะครับมาจากที่ไหนครับ”
“ประเทศไทย ฉันจ้างให้เขามาทำหนังสือท่องเที่ยวให้กับประเทศของเราและเมืองเรา” ชายหนุ่มหันกลับมามองหน้าน้องชายต่างมารดาก็เห็นแววตาบางอย่างในดวงตาของเขาซึ่งชายหนุ่มคิดว่ามันคงไม่ดีแน่สำหรับมณีอิน
“นายอย่าไปยุ่งกับเขาเด็ดขาดฉันขอเตือน”
“หวงหรือครับ ระวังฟีน่าจะฉีกอกเอานะครับ” ชายหนุ่มหัวเราะ
“นายก็รู้ดีว่าฉันพูดคำไหนคำนั้น” จามาลมองหน้าน้องชายด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ไม่ยุ่งก็ได้ครับ แต่ถ้าเขามายุ่งกับผมก่อนก็อย่ามาโทษผมแล้วกัน” ฮาติมพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินออกไปจากห้องของชายหนุ่ม เขาวางใจเรื่องการทำงานของฮาติม แต่เรื่องผู้หญิงเขาไม่ไว้ใจเลยโดยเฉพาะมณีอินที่ทั้งสวยและสาวแบบนั้น
ช่วงบ่ายเขาต้องไปประชุมเรื่องการขยายการขุดเจาะน้ำมันต่อ แต่ก็ไม่อยากทิ้งหญิงสาวเอาไว้ที่นี่เช่นกัน เขาจึงกดโทรศัพท์ไปหามนัสไกด์หนุ่มชาวไทย
“ผมขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ” มนัสเดินออกมาจากโรงอาหารที่มีเสียงจอแจ
หญิงสาวทั้งสองนั่งยิ้มให้กันเป็นนิมิตรหมายอันดีสำหรับมณีอินที่ได้เพื่อนเพิ่มมาอีกหนึ่งคน เมื่อหญิงสาวอิ่มมนัสก็เดินเข้ามาพอดี
“อิ่มแล้วใช่ไหมครับ คุณจามาลจะพาพวกเราไปที่บริษัทแม่นะครับเขาต้องการให้คุณไปถ่ายภาพบ่อขุดเจาะน้ำมันและหมู่บ้านกับสถานที่สำคัญใกล้ที่นั่นด้วย” ชายหนุ่มบอก
“ย่อมได้อยู่แล้วเขาเป็นเจ้าของเงินนี่ ฉันขอตัวก่อนนะจ้ะต้องรีบไปทำงานแล้ว” มณีอินหันมาบอกลากับสาวน้อยหน้าใส
“นายของคุณนี้เอาแต่ใจชะมัดเลยนึกจะทำอะไรก็ทำ” หญิงสาวบ่นพึมพำและเดินตามมนัสกลับขึ้นมาบนอาคารและตรงไปที่ห้องทำงานของชายหนุ่มซึ่งนพมาศนั่งรอทั้งสองคนอยู่แล้ว
“สนุกหรือเปล่าครับโรงงานผมเป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นแบบกวนๆ
“ก็งั้นๆไม่มีอะไรแปลกใหม่ก็เหมือนโรงงานอื่นๆนั้นแหล่ะ” หญิงสาวบอก
“ไม่แน่นะครับผมอาจจะซ่อนแรงงานเด็กเอาไว้ที่ห้องไหนสักแห่งก็ได้นะครับจะลองค้นดูไหมครับ” เขายิ้มเยาะหญิงสาว
“คุณมัน..” หญิงสาวไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยจึงเงียบลง
“นั่งพักก่อนแล้วกันผมขอเวลาเคลียงาน 20 นาที” ชายหนุ่มบอก
“เชิญ” หญิงสาวกระแทกเสียงใส่และนั่งลงข้างๆนพมาศ
“ได้ข้อมูลครบแล้วนะ” หญิงสาวเอ่ยถาม
“อ้อ ทำไมคุณค่าของคนเรามันขายกันได้ง่ายๆแบบนี้เลยหรือมนัส” หญิงสาวหน้าเศร้าลงและถอนหายใจจะก้าวกลับขึ้นไปบนรถก็มีเสียงดังตะโกนมาและเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นก็เห็นชายหนุ่มอันธพาลเดินตรงเข้ามาที่เธอและยิ้มแปลกๆให้ หญิงสาวกอดอกมองตอบกลับไปเช่นกัน กาซิมและนาธาลจะเดินเข้ามาช่วยหญิงสาวแต่
จามาลห้ามไว้เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าหญิงสาวตรงหน้าจะทำเช่นไรกับเหตุการณ์แบบนี้
“ถอยออกไปจากมิสนะ” มนัสเดินเข้ามาขวางเอาไว้
“ถอยไปคุณมนัส ฉันก็อยากรู้ว่ามันจะทำอะไรกับฉัน” หญิงสาวพูดเป็นภาษาไทย มนัสทำท่าลังเลแต่ก็ยอมถอย
เมื่อมนัสถอยไปเจ้าหนุ่มคะนองก็ก้าวเข้ามาประชิดตัวหญิงสาว มณีอินหรี่ตามองก่อนจะใช้มือจับแขนของชายหนุ่มหักไปด้านหลังจนมันร้องอย่างเจ็บปวด
“โอ้ย!”
“ตุบ”
มณีอินผลักมันล้มลงไปกลิ้งอยู่กับพื้น ลูกน้องเห็นลูกพี่ล้มลงไปก็จะเข้ามาช่วยแต่มนัสกวักปืนออกมาจ่อเข้าที่หัวของพวกนั้นจนต้องถอยหลังออกไป
“จำไว้คนที่เจ้าคิดว่าอ่อนแอบางที่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด คุณมนัสแปรให้มันฟังด้วย” หญิงสาวหันหลังเดินกลับขึ้นไปนั่งบนรถอย่างหัวเสีย
“ผู้ชายเฮงซวยถ้ามันเกิดเข้ามาบีบคอป่านนี้เธอคงตายไปแล้ว หรือเขาคิดจะให้เราตายจริง” มณีอินเหลือบมองชายหนุ่มที่เดินมากับเด็กสาวอายุราว 17-19 ปีก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่น
“คุณมนัสฉันอยากกลับบ้านแล้วล่ะคะรู้สึกปวดหัวนิดนะคะ” มนัสหน้าตื่นรีบวิ่งไปบอกคนที่นั่งอยู่รถคันหน้า หญิงสาวรู้สึกปวดหัวจริงๆไม่ได้แกล้งเมื่อครู่ยังดีๆอยู่เลยแต่ทำไมกลับปวดหัวแบบนี้แถมยังปวดขึ้นทุกทีด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง