มณีอินปิดประตูลงและปล่อยน้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง หญิงสาวทรุดนั่งลงหน้ากระจกเงาที่สะท้อนภาพสาวเจ้าน้ำตาออกมา
“อย่าร้องไห้ซิมณีอิน” หญิงสาวบอกกับเงาในกระจก
“เขาไม่ได้สนใจเธอแม้แต่น้อยแล้วเธอจะไปสนใจเขาทำไม ไปสนใจเขาทำไม” ทั้งที่สั่งตัวเองไม่ให้ร้องแต่กลับร้องหนักขึ้น หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลกนี้จนมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“หนูอินจ้ะ นอนหรือยังจ้ะ” หญิงสาวรีบปาดน้ำตาออกและมองตัวเองในกระจกเพื่อสำรวจตนเองให้เรียบร้อย
“ยังไม่นอนเลยค่ะ รอเดี๋ยวนะคะคุณซาฮา” หญิงสาวบอกและเดินมาเปิดประตูให้ผู้เสียงวัยกว่า ซาฮายิ้มให้อย่างอ่อนโยนและเดินเข้ามาในห้องของเธอ มณีอินยกเก้าอี้มาให้เธอนั่งและตัวเองก็นั่งลงกับพื้น
“ทำไมลงไปนั่งกับพื้นแบบนั้น”
“นั่งแบบนี้ถูกแล้วค่ะ อินเป็นผู้น้อยนั่งเสมอผู้ใหญ่มันไม่ดีค่ะ” หญิงสาวบอก
“ตาแดงๆร้องไห้หรือเปล่าหรือเสียใจที่ไม่ได้ลงไปร่วมงานกับคนอื่น” ซาฮาถาม มณีอินเงยหน้ามองและยิ้ม
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ อินคิดถึงแม่ที่บ้านนะคะอายุของท่านกับคุณแม่ของอินคงใกล้เคียงกัน อินเห็นท่านแล้วก็อดที่จะคิดถึงไม่ได้นะคะ” หญิงสาวเลี่ยงตอบอย่างสุภาพ
“แล้วไปนึกว่าเสียดายงานเลี้ยงแบบนั้น”
“แล้วทำไมคุณท่านไม่ลงไปร่วมงานกับเขาล่ะคะ” หญิงสาวถามขึ้นมาบ้าง
“ฉันไม่ชอบงานเลี้ยงแบบนี้หรอกมันดูวุ่นวายน่ะ” ผู้สูงวัยตอบ
“อินก็เหมือนกันค่ะ”
“หนูอินมีอะไรไม่สบายใจบอกป้าได้นะลูก ป้ายินดีรับฟัง” ซาฮาลูบหัวหญิงสาวเบาๆด้วยความรัก
“มาอยู่ที่นี่เอง”เสียงที่ดังมาจากทางประตูทำให้หญิงต่างวัยหันไปมองพร้อมกัน
“อูลดาน้องพี่” ซาฮาอุทานอย่างดีใจ อูลดาเข้ามากอดพี่สาวและก้มลงมองหญิงสาวที่นั่งพับเพียบด้านล่าง
“หนูอินมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน” อูลดาถามอย่าสงสัย
“รู้จักกันด้วยหรือ”ซาฮาถามขึ้นบ้าง
“รู้ซิครับก็เธอเป็นน้องสาวของคนที่บอกยกเลิกงานหมั้นกับจามาลเมื่อเดือนที่แล้วไงครับพี่ แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่” อูลดาถามพี่สาว
“จามาลจ้างมาทำสารคดีเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและงานในเครือข่ายของบริษัทเรา” พี่สาวตอบและมองหน้าน้องชายอย่างสงสัยอะไรกันบางอย่าง
“เดี๋ยวผมเล่าให้พี่ฟังทีหลังนะครับตอนนี้ผมขอไปหาลูกสาวผมก่อน”
“แล้วทำไมถึงมาเอาตอนนี้” พี่สาวถาม
“ผมติดต่อธุรกิจที่นั้นด้วยนะครับพอดีเป็นช่วงที่วุ่นวายนิดหน่อยทางเขาก็เลยมีปัญหาผมก็เลยต้องอยู่ช่วยเคลียร์ให้นะครับ” อูลดาบอกและลุกเดินลงไปที่งานเลี้ยงด้านล่าง
“ฉันไปนอนก่อนดีกว่าคืนนี้คงยาวแน่ๆทั้งพ่อทั้งลูกได้เจอหน้ากันคงนอนไม่หลับกันแน่ หนูอินก็เข้านอนเถอะดึกแล้ว”
“ค่ะ” หญิงสาวเดินไปส่งผู้อาวุโสที่ห้องนอนและเดินกลับมาที่ห้องของตนเองและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน หญิงสาวนอนพลิกตัวไปมาเสียงที่ชายหนุ่มพูด ‘ผมไม่สนใจหญิงชาวต่างชาติหรอก’ ดังอยู่ในโสตประสาทของเธอตลอดเวลา
ยามีนะมองชายวัยกลางคนที่เดินลงมาจากตัวคฤหาสน์ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาและกอดเอาไว้อย่างดีใจท่ามกลางสายตาของแขกที่มาร่วมงาน
“แปลกใจไหมลูก พ่อขอโทษด้วยที่มาช้ามีเหตุขัดข้องบางประการนะจ้ะ” ผู้เป็นบิดาบอดและกอดตอบลูกสาวคนเดียวเอาไว้อย่างหวงแหน
“คิดถึงคุณพ่อที่สุดเลยค่ะ”สาวน้อยเงยหน้ามองบิดายิ้มทั้งน้ำตาแห่งความดีใจ อูลดาก้มลงจูบที่หน้าผากลูกสาวอย่างแผ่วเบา
“พ่อก็คิดถึงลูก คิดถึงทุกลมหายใจ พ่อดีใจมากตอนที่จามาลโทรไปบอกแต่ก็จนใจติดธุระจริงๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะหนูเข้าใจ” สาวน้อยบอกและประคองบิดาไปนั่งที่โต๊ะของตนเองซึ่งมีจามาลและฟีน่านั่งอยู่
“สบายดีหรือพ่อลูกชาย เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อยนะ” ชายหนุ่มยิ้มและพยักหน้า
“ครับ”
“ได้เอาไว้เล่าพรุ่งนี้นะ” อูลดาบอกและเริ่มทานอาหารที่ลูกสาวตักมาให้และฟังเรื่องราวความมีน้ำใจของมณีอินจากลูกสาวจนเขานึกอยากจะชกลูกชายตัวดีของเขาเสียจริงๆ
Iมณีอินเดินผ่านมาทางห้องสมุดของบ้านเพื่อจะไปที่ห้องนั่งเล่นโทรศัพท์หาเจ้านาย หญิงสาวเห็นหลังของจามาลเดินหายเข้าไปในห้องสมุดแต่ฝ่ายชายไม่เห็นเธอ
“ผู้ชายไม่มีหัวใจ” มณีอินกำลังจะเดินผ่านไปก็ต้องชะลอเท้าเมื่อได้ยินชื่อของเธอถูกเอ่ยขึ้นในห้องสมุดแห่งนั้น
“ว่าไงจามาลแกบอกพ่อได้หรือยังว่าเพราะอะไรถึงต้องเจาะจงเป็นหนูอินที่จะมาทำงานนี้” อูลดานั่งมองลูกชายอย่างสงบ
“ไม่มีอะไรนี่ครับผมบอกแล้วว่าชอบผลงานของเธอ” ชายหนุ่มตอบ
“แกคิดว่าพ่อโง่หรือไงที่รู้ไม่ทันแก” ชายสูงวัยเริ่มเสียงแข็ง
“อย่าเพิ่งโมโหซิครับผมบอกก็ได้ว่าผมต้องการแก้แค้นเธอที่ทำให้ผมอายและถูกปฏิเสธจากผู้หญิง ผมเกลียดเธอ” ชายหนุ่มบอก เข่าของหญิงสาวแทบทานร่างกายเอาไว้ไม่ทัน มณีอินถอยหลังออกมาและหันหลังวิ่งกลับขึ้นห้องไปทำให้สาวใช้ที่เดินสวนทางมามองหน้ากันอย่างงงๆ
“คุณอินเป็นอะไรไปหรือว่าไม่สบาย” สาวหนึ่งเอ่ยขึ้นและพากันเดินต่อไป
ภายในห้องสมุดอารมณ์ทั้งพ่อและลูกก็กำลังคุกรุ่น
“แกมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย” ผู้เป็นพ่อสบถเสียงดัง
“ฟังผมให้จบก่อนซิครับ เมื่อก่อนผมคิดแบบนั้นแต่เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว”ชายหนุ่มบอกก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ตอนนี้ผมยอมรับกับพ่อตรงๆเลยว่าผมชอบเธอเข้าให้แล้วแต่ดูว่าเธอจะเกลียดขี้หน้าผมมากกว่านะครับ” ชายหนุ่มบอกกับบิดาเพราะทุกครั้งที่เจอหน้ากันหญิงสาวจะพยายามหลบหน้าเขาทุกครั้ง
“แกกำลังจะบอกฉันหรือว่าแกหลงรักหนูอินเข้าให้แล้ว” อูลดาเดินตรงเข้ามาหาบุตรชาย
“ผมยังไม่แน่ใจ”
“งั้นแกก็รีบๆแน่ใจเข้านะก่อนที่จะมีมือดีมาคว้าเอาไปครองเสียก่อน” เขาตบไหล่ลูกชายเบาๆและเดินออกมา เขาดีใจที่สิ่งที่เขาคิดเอาไว้มันกำลังจะเป็นจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง