ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง นิยาย บท 34

“ว่าไง นายจะเลือกแบบไหนตายฟรีหรือว่ามีชีวิตอยู่ไปก่อนแล้วเราจะกันนายไว้เป็นพยานเลือกเอา” ชายหนุ่มหยุดเพื่อปล่อยให้อีกฝ่ายใช้ความคิด

“ก็ได้แต่นายต้องสัญญานะว่าจะช่วยฉัน”

“ได้ซิถ้านายบอกว่าใครเป็นคนจ้างพวกแกมา” ชายหนุ่มถามสีหน้าบึ้งตึง

“ฉันไม่รู้เพราะไม่เคยเห็นหน้า ได้ยินแต่เสียง” มันยอมคลายมือและลดปืนลงปล่อยหญิงสาวเป็นอิสระ มณีอินทรุดนั่งลงอย่างหมดแรงทั้งกายและใจ ชายหนุ่มเข้ามาประคองหญิงสาวจึงลุกขึ้นและสะบัดตัวออกมาจากเขาเดินตรงไปหานาธาลและเข้าไปนั่งในรถเพื่อสงบจิตใจของตนเอง

“ขอบคุณมากนะครับคุณตำรวจ” จามาลกล่าวขอบคุณ

“ทางเราซิครับที่ต้องขอบคุณมันเป็นผู้ร้ายข้ามแดนเชียวนะครับ แล้วมีใครเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” นายตำรวจถามขึ้นและมองไปรอบๆ

“ไม่มีครับ”

“นายครับกาซิมถูกยิงบาดเจ็บสาหัสตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลกับคุณหนูครับ” นาธาลรายงานนายหนุ่ม จามาลตกใจและรีบขอตัวไปที่โรงพยาบาล

มณีอินนั่งรถมาคันเดียวกันกับจามาลเพราะเธอก็ต้องมาตรวจสภาพร่างกายว่าโดนทำลายหรือเปล่าตามคำสั่งของตำรวจ หญิงสาวนั่งเงียบมาตลอดและไม่ยอมที่จะหันไปมองหน้าเขาแม้แต่น้อย จามาลลอบมองมาทางหญิงสาวเป็นระยะๆเขาอยากจะเข้าไปโอบกอดและปลอบโยนเธอให้หายกลัวแต่ก็ทำไม่ได้จึงได้แต่มองเท่านั้น

“ขอบคุณที่ช่วย” หญิงสาวเอ่ยขึ้นแต่สายตายังมองออกไปนอกหน้าต่างรถ

“ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ

“มันต้องการอะไรจากคุณหรือจากน้องสาวผม” ชายหนุ่มถาม

“จากฉันเท่านั้น มันบอกว่าฉันไปแย่งคนรักของนายที่จ้างมันมา” หญิงสาวบอกเสียงเบา

“แล้วคุณไปคบกับใครบ้างล่ะนึกออกหรือเปล่า” มณีอินหันมามองหน้าเขาอย่างน้อยใจ

“ฉันไม่รู้ เพราะไม่เคยคบใครมัวๆเหมือน...” หญิงสาวเงียบและหันหน้ากลับมาตามเดิม น้ำตาไหลลงมาช้าๆใจของเธอมันสุดที่จะรับอะไรอีกแล้วคำพูดจาถากถางต่างๆที่หลุดออกมาจากปากเขาเหมือนมีดที่กรีดลงตรงหัวใจดวงน้อยๆของเธอเวลาที่ต้องการคนปลอบโยนกลับไม่มีเลย...ความคิดถึงมารดาทำให้กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้อ้อมกอดของแม่อบอุ่นที่สุดในยามนี้ จามาลหันมาเห็นหญิงสาวร้องไห้ก็หน้าเสีย

“คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ชายหนุ่มถาม แต่หญิงสาวก็นิ่งเงียบไมีมีเสียงสะอื้นมีแต่น้ำตาที่ไหลลงมาเฉยๆ

“ว่าไงคุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” น้ำเสียงแสดงความเป็นห่วง

“เปล่า อย่ามาสนใจกับฉันเลยเป็นห่วงกาซิมดีกว่า” หญิงสาวบอกปัด

และทั้งคู่ก็นั่งเงียบจนมาถึงโรงพยาบาล นางพยาบาลพาตัวมณีอินไปเช็คร่างกายส่วนชายหนุ่มไปหาน้องสาวที่ห้องฉุกเฉิน ยามีนะเมื่อเห็นพี่ชายก็โผเข้ากอดอย่างคนขวัญเสีย

“เขาต้องปลอดภัยเชื่อพี่” ชายหนุ่มปลอบและโอบกอดน้องสาวเอาไว้และรอคอยฟังผลอยู่ด้านนอกอย่างสงบ

หมอเวรเดินออกมาหาทั้งสองด้วยสีหน้าวิตกกังวลจนยามีนะใจคอไม่สู้ดีนัก

“หมอเป็นยังไงบ้างครับ” จามาลเอ่ยถามขึ้นแทนน้องสาวที่ยังนั่งอยู่กับที่อย่างหมดแรง

“ตอนนี้เลือดกรุ๊ปเดียวกับของคุณกาซิมทางโรงพยาบาลไม่มีเลยครับ” หมอหนุ่มบอก

“เอาเลือดผมก็ได้”

“เลือดดิฉันก็ได้ค่ะ” ทั้งจามาลและยามีนะรีบบอกใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือด

“เลือดของคุณกาซิมเป็นเลือดกรุ๊ปพิเศษซึ่งหนึ่งในร้อยเท่านั้นที่จะมีเลือดกรุ๊ปนี้” หมอกล่าวเสียงเรียบ

“แล้วขอมาจากทางโรงพยาบาลอื่นไม่ได้หรือครับหมอเสียเท่าไรเท่ากัน”จามาลบอกอย่างร้อนรน

“เชิญทางนี้เลยค่ะ เธอคงดีใจนะคะที่คุณจะบริจาคเลือดให้”

“ให้ชีวิตดีกว่าเป็นผู้ทำลายชีวิตไม่ใช่หรือคะ” หญิงสาวบอกและเดินตามพยาบาลสาวไปอย่างรวดเร็ว จนมาหยุดอยู่ที่หน้าฉุกเฉิน มณีอินขมวดคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มและหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าห้อง

“คุณจามาล ยามีนะ” หญิงสาวอุทานเบาๆ ยามีนะเมื่อเห็นหญิงสาวก็วิ่งเข้ามาซบหน้าร้องไห้

“พี่อินกาซิมเขา...”

“หรือว่าคนที่ประกาศเมื่อครู่เป็นมีนะงั้นหรือ” หญิงสาวถาม

“ใช่ค่ะ”

ยังไม่ทันที่หยิงสาวจะพูดอะไรต่อพยาบาลสาวคนเมื่อครู่ก็เดินออกมาพร้อมกับหมอ

“คุณหรือครับที่จะบริจาค” หมอหนุ่มเอ่ยถาม

“ใช่ค่ะ” หญิงสาวบอก ทั้งจามาลและยามีนะมองหน้าหญิงสาวอย่างคาดไม่ถึง

“พี่อิน”

“กาซิมต้องปลอดภัยเชื่อพี่นะจ้ะคนดี”หญิงสาวประคองใบหน้าเนียนขึ้นมาสบตาด้วย

“แต่ร่างกายคุณยังไม่พร้อมนะ” จามาลเอ่ยค้านขึ้น

“พร้อมค่ะฉันไม่ได้เป็นอะไรมากแค่ตกใจนิดหน่อย ไปเถอะค่ะคุณหมอยิ่งช้ามันจะเสียเวลานะคะ” หญิงสาวบอกและเดินตามพยาบาลไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง