อีก 20 นาทีต่อมาเลือดก็ถูกนำมาที่ห้องผ่าตัด แต่ชายหนุ่มกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่บริจาคให้
“คุณพยาบาลครับคุณผู้หญิงบริจาคเลือดให้ไปไหนแล้วครับ”
“เธอออกมาแล้วนะคะยังไม่มาที่นี่หรือคะ” พยาบาลสาวเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“ไม่เห็นนะครับ” ชายหนุ่มส่ายหน้า
“เดี๋ยวผมลงไปดูให้นะครับ” นาธาลหันมาบอกนายหนุ่ม
“อันตรายนะคะ ร่างกายและจิตใจยังไม่อยู่ในสภาพปกติและต้องมาเสียเลือดอีก ถ้าหมดสติขึ้นมาน่ากลัวนะคะ เธอเป็นแฟนคุณหรือเปล่าคะ ทั้งน่ารักทั้งจิตใจดีขนาดนี้เหมาะสมกับคุณมากเลยนะคะเหมือนกับเทพบุตรคู่กับเทพธิดาเลย” พยาบาลสาวอมยิ้ม
“ค่ะ” ยามีนะรีบรับคำแทนพี่ชาย
“เดี๋ยวฉันไปเองนาธาลนายอยู่ดูแลทางนี้ดีกว่า” ชายหนุ่มบอกและวิ่งตัวปลิวลงมาชั้นล่าง หันซ้ายหันขวาก็ไม่เจอจึงได้วิ่งมาที่หน้าโรงพยาบาลเห็นหญิงสาวกำลังจะก้าวขึ้นรถแท็กซี่จึงรีบวิ่งไปดึงตัวเธอเอาไว้
“ว้าย!” หญิงสาวร้องอย่างตกใจและคนขับก็หันมามองและเตรียมออกมาช่วยหญิงสาว
“เธอเป็นภรรยาผมเองเราทะเลาะกันนะครับ คุณไปเถอะครับ” ชายหนุ่มบอกอย่างสุภาพ มณีอินหันมามองเขาตาเขียวและสะบัดแขนจนตัวเองเซ
“คุณไปบอกเขาแบบนั้นได้ยังไง” หญิงสาวแหวใส่
“ก็บอกไปแล้ว” ชายหนุ่มตอบสีหน้าเรียบเฉย
“ปล่อยได้แล้ว”หญิงสาวแกะมือที่บีบแขนเธอเอาไว้ออก
“คุณจะไปไหน”
“ก็กลับบ้านนะซิถามได้” หญิงสาวตอบรวนๆใส่เขา
“คุณยังกลับไม่ได้ต้องพักผ่อนที่นี่ก่อนร่างกายคุณอ่อนแอเกินไปมานี่” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับดึงตัวหญิงสาวให้เดินตามเข้าไปด้านในโรงพยาบาล
มณีอินรู้สึกใจหวิวๆขึ้นมาและความรู้สึกของเธอก็ดับวูบลง จามาลหันมาเห็นจึงรับร่างของหญิงสาวเอาไว้ได้ทันและรีบอุ้มไปที่เตียงรถเข็นที่บุรุษพยาบาลเข็นมาพอดี ใบหน้างามซีดเผือดจนแทบไม่มีสีเลือด
“มณีอินอย่าเป็นอะไรนะ” ชายหนุ่มจับมือหญิงสาวเอาไว้แน่น เขาไม่เคยเป็นห่วงใครมากขนาดนี้มาก่อนแม้แต่ฟีน่าคนรักของเขาเอง
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะแค่หมดสติไปเฉยๆ ให้นอนพักมากนะคะเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง” พยาบาลหันมาบอกกับชายหนุ่ม....จามาลถอนหายใจอย่างโล่งอกและนั่งลงข้างๆเตียงของหญิงสาว
“ทำไมเธอถึงดื้อดึงมากขนาดนี้นะมณีอิน” ชายหนุ่มนั่งมองใบหน้างามอย่างหลงใหล ปากที่ช่างพูดช่างเจรจาปิดสนิทกลีบปากสีชมพูน่าหลงใหลทำให้เขาอดใจไม่ได้ ชายหนุ่มบรรจงจูบเบาๆที่เรียวปากนุ่มและเลยมาที่แก้มนวลทั้งสองข้าง
“ถ้าเธอรู้ว่าฉันลักจูบเธอสงสัยฉันคงโดนเธอตีหัวแตกแน่ๆเลย” ชายหนุ่มยิ้มและเป็นรอยยิ้มที่เขาเต็มใจยิ้มให้กับหญิงสาว
“ก๊อก ก๊อก”
“เข้ามา” นาธาลเดินเข้ามาหาชายหนุ่มและเห็นรอยยิ้มจากใบหน้านายหนุ่มจึงแปลกใจแต่ก็ไม่กล้าถาม
“มีอะไร” ชายหนุ่มหุบยิ้มทันทีที่เห็นคนสนิทมองอย่างสงสัย
“กาซิมปลอดภัยแล้วครับ”
“แล้วมีนะล่ะ” ชายหนุ่มถาม
“คุณหนูเฝ้ากาซิมอยู่ครับ ผมบอกเธอแล้วว่าเดี๋ยวผมเฝ้าแทนให้เธอก็ไม่ยอมครับ”
นาธาลบอกและถอนใจ
“ปล่อยเธอไปก่อน นายกลับไปบ้านและเอาเสื้อผ้าของฉันกับยามีนะมาให้ที่นี่ด้วย” ชายหนุ่มสั่ง
“ค่ะ”พยาบาลสาวมองอย่างสงสัย ชายหนุ่มยิ้มให้อย่างรู้ทันความคิดของเธอ
ยามีนะนั่งมองใบหน้าซีดของชายหนุ่มอย่างกังวลใจหมอบอกว่าต้องรอดูว่าชายหนุ่มจะฟื้นขึ้นมาหรือไม่ ถ้าไม่ก็หมายความว่าเขาอาจจะต้องกลายเป็นเจ้าชายนินทราไปตลอดชีวิต
“กาซิมคุณอย่าทิ้งฉันไปนะคะ ฉันขอโทษที่มองไม่เห็นค่าของคุณ ฉันขอโทษ ฮือ....” หญิงสาวฟุบหน้าลงกับขอบเตียง “ก๊อก ก๊อก” หมอและพยาบาลเดินเข้ามาดูอาการชายหนุ่มอีกครั้ง หญิงสาวรีบเช็ดน้ำตาออกและถอยออกมายืนดูห่างๆ
“ต้องรอดูคืนนี้นะครับว่าเขาจะฟื้นหรือเปล่า แต่ผมอยากให้คุณทำใจไว้บ้าง” หญิงสาวพยักหน้ารับ
“อาการภายนอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะครับที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับจิตใจของเขาแล้วว่าจะสู้ไหวหรือเปล่า”
“ขอบคุณมากค่ะ” หญิงสาวบอกและตรงไปที่เตียงชายหนุ่มอีกครั้ง
“คุณต้องสู้นะคะกาซิม ฉันรักคุณค่ะ คุณต้องกลับมาให้ได้นะคะ” หญิงสาวกระชับมือชายหนุ่มเอาไว้แน่นหยาดน้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย
“กาซิมคะกลับมาหาฉันนะคะ” หญิงสาวเฝ้าเรียกอยู่ข้างหู
“ฉันสัญญาว่าฉันจะเป็นภรรยาที่ดีสำหรับคุณเป็นแม่ที่ดีสำหรับลูก คุณอย่าผิดสัญญานะคะ” หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตา
ในสมองอันลางเลือนชองกาซิม...เขาได้ยินเสียงของยามีนะร้องเรียกเขาอยู่ไม่ไกลนัก
“ยามีนะผมรักคุณนะ รอผมนะครับ” ชายหนุ่มวิ่งตามเสียงของหญิงสาวไปและแสงเจิดจ้าก็ปรากฏขึ้นทำให้เขาต้องหลับตาลง
ยามีนะมองนิ้วที่กระดิกของชายหนุ่มอย่างดีใจพร้อมกับรอยยิ้มที่กระจ่างของหญิงสาว ยามีนะกดกริ่งเรียกหมอมาดู
“ผมดีใจด้วยนะครับ น่าทึ่งจริงๆ เลย”หมอบอกและส่งยิ้มให้
“มีอาการตอบสนองจากม่านตาแล้วนะครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง