ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 139

ผู้หญิงสมัยนี้ เมื่อมีโรคลับที่ไม่ยากจะพูดถึงจึงไม่กล้าที่จะหาหมอ เมื่อพวกนางไม่มีลูกหลานก็จะเป็นการผิดประเพณีทั้งเจ็ด และจะถูกสามีหย่าร้าง

พวกนางไม่มีวิธีการคุมกำเนิด จึงต้องคลอดลูกต่อไปเรื่อยๆ จนร่างกายรับไม่ไหว

ที่สำคัญกว่านั้นคือ ตอนที่พวกนางให้กำเนิดบุตร ก็เท่ากับว่าก้าวเท้าเข้าไปในประตูนรกแล้ว อัตราการเสียชีวิตสูงมาก

เหลิ่งชิงฮวนที่เป็นผู้หญิงด้วยกันเองนั้นรู้สึกเศร้าเสียใจในความโชคร้ายและโกรธเคืองแทนพวกนาง แต่ภายใต้ความคิดที่มันหัวโบราณแบบนี้ ตนเองก็ไม่รู้ควรจะทำยังไง ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้

สิ่งเดียวที่นางทำได้ก็คือช่วยพวกนางให้รู้จักปกป้องตนเองอย่างดี

อีกอย่างสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ วิธีการรักษาที่อยู่ในขอบเขตการแพทย์เดียวกันนั้นเมื่อสืบทอดกันขึ้นมามันก็ง่าย รวมถึงเทคนิคที่ซับซ้อนที่สุดอย่างการผ่าคลอดนั้น ตามเงื่อนไขที่สมัยโบราณนั้นมี ก็สามารถที่จะพิชิตและทำตามจริงได้ ไม่จำเป็นจะต้องทำด้วยตนเองทั้งหมด

เมื่อนางเหล่าความคิดนี้ให้ฉีจิ่นอวิ๋นฟัง ฉีจิ่นอวิ๋นกลับเย้ยหยันว่า “พี่สะใภ้ประเมินคุณค่าและฐานะของผู้หญิงสูงเกินไปแล้ว หากค่ารักษานั้นแพงเกิน ครอบครัวทั่วไปคงจะยอมเสียสินสอดเพื่อแต่งใหม่แต่ไม่ยอมให้เสียเงินเพื่อรักษา”

เหลิ่งชิงฮวนนั้นไม่เชื่อ "อย่างน้อยก็เป็นชีวิตหนึ่งชีวิต อีกอย่างยังมีความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา"

ฉีจิ่นอวิ๋นกะพริบตา "งั้นพวกเราพนันกันไหม"

"พนันอะไร"

"หากเจ้าแพ้ เรื่องของโรงน้ำชานี่ก็จะต้องฟังคำของข้าให้เป็นโรงน้ำชาต่อไป บนถนนเส้นนี้มีจำนวนผู้คนที่เพียงพอ เพียงแค่จับจุดเด่นและจุดขายไม่ได้เท่านั้นเอง"

ตอนนี้เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกเฉยๆ แค่ได้เบี้ยมาก็สามารถให้ฝันของตนเองเป็นจริงได้ อีกอย่างก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร

"พนันยังไง ทำยังไงให้รู้แพ้ชนะ"

ฉีจิ่นอวิ๋นยิ้มเบาๆ "เอาแบบนี้ ข้าจะเลี้ยงน้ำชาพี่สะใภ้ในที่ที่มีผู้หญิงเยอะๆ"

เขายื่นตัวออกไปมองทหารอารักขาหน้าปีศาจสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตูโรงน้ำชา "ที่นี่มีประตูหลังไหม"

ประตูหลังนั้นมีอยู่แล้ว

ทั้งสองคนหลุดพ้นจากการสายตาของทหารอารักขาหน้าปีศาจสองคนนั้น แล้วออกจากประตูหลังแล้วเดินอ้อมไปมาในตรอกฉีจิ่นอวิ๋นพาเหลิ่งชิงฮวนไปที่เรือนหลิงหลาง อย่างคุ้นชิน ซึ่งเป็นที่ที่เสพสุขระดับต้นๆ ของเมืองฉางอัน

เหลิ่งชิงฮวนยืนลังเลอยู่หน้าเรือนหลิงหลาง "ผู้หญิงอย่างข้ามานั่งกินชาที่นี่ พูดตามตรงเลยว่ามันขาดทุนมาก เสียเงินไปเปล่าๆ แล้วยังไม่พึงพอใจอีก ไปหาที่ที่มันธรรมดาทั่วไปจะดีกว่า"

ฉีจิ่นอวิ๋นฉีกยิ้ม แล้วโบกพัดในมือไปมา "พี่สะใภ้คงจะไม่ได้กลัวว่าพี่ฉีอ๋องจะรู้ใช่ไหม"

ไม่พูดถึงมู่หรงฉียังดี พอพูดถึงเหลิ่งชิงฮวนก็รู้สึกโกรธเคืองอย่างมากเกินจะห้ามไหว

"อย่างข้าเรียกว่ารักนวลสงวนตัว หากให้ใครมารู้เข้าว่าพระชายาอย่างข้ามาในที่แบบนี้ มันจะไม่งาม"

"เข้าใจ"

ฉีจิ่นอวิ๋นทำท่าทางเข้าใจ จากนั้นจึงพาเหลิ่งชิงฮวนเข้าร้านเสื้อผ้าข้างๆ หลังจากออกจากร้านมาก็แต่งเป็นชายที่รูปร่างสง่างาม ส่วนสูงไม่ถึงก็ใช้หน้าตาเข้าช่วย ท่าทางกิริยานั้นก็สง่างามอย่างมาก

"พวกเจ๊ของเรือนหลิงหลางเป็นสุดยอดหญิงในเมืองฉางอัน และไม่ขาดแคลนในการซื้อเครื่องแป้งแต่งหน้า ทั้งยังอยู่ในกลุ่มคนที่ต้องการจะเลี่ยงการตั้งครรภ์มากที่สุด เดี๋ยวข้าจะให้เบี้ยเงินกับพวกนางเอง คำถามที่มันเปิดเผยขนาดไหนเจ้าก็สามารถถามได้ ทั้งยังเป็นคำตอบที่จริงมากที่สุดแล้ว”

เมื่อลงเสียงกันแล้วก็ถือว่าเข้าท่าดี

ทั้งสองคนเดินเข้าเรือนหลิงหลางไป

เมื่อเจ๊ป่าวเห็นว่าเป็นเขา ตาของนางก็ลุกวาวราวกับเห็นกองเงินกองทอง ไม่ต้องรอให้นางเรียก หญิงสาวที่แต่งตัวสีสันสดในก็ล้อมเข้ามาแล้วเรียกอย่างสนิทสนม

เห็นได้ชัดว่าฉีจิ่นอวิ๋นเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ สอดแทรกมุขตลกได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้เจ๊ทั้งหลายนั้นตลกขำขันกันราวกับแม่ไก่ออกไข่

ฉีจิ่นอวิ๋นยิ้มแล้วพูดว่า "ดูเหมือนว่าเพื่อนข้าจะไม่ถูกใจพวกเจ้านะ ถอยออกไปเถอะ"

เจ๊ทั้งหลายนั้นจับเงินที่อยู่ในกระเป๋าแล้วถอยออกไปอย่างไม่เต็มใจ

"ยอมรึยัง"

เหลิ่งชิงฮวนยังคงปากแข็ง "เป็นแค่กลุ่มผู้หญิงที่ทำตัวเองให้ตกต่ำ ไม่นับ"

ฉีจิ่นอวิ๋นดื่มสุราในแก้วจนหมดแล้วพูดว่า "คนที่มีเงินก็รักในศักดิ์ศรี คนไม่มีเงินก็ทิ้งศักดิ์ศรี มันคือความจริง"

เจ๊ป่าวของเรือนหลินหลางเห็นว่าหญิงสาวของตนนั้นถูกไล่ออกมาจนหมด คิดว่าทำให้ลูกค้าใหญ่นั้นไม่พอใจ จึงรีบผลักประตูเข้ามาแล้วยิ้มทักทาย

"ได้ข่าวว่าท่านทั้งสองไม่ถูกใจตัวสาวๆ ไม่ทราบว่าท่านพี่คนนี้ชอบหญิงสาวแบบไหนหรือ"

จากนั้นนางก็มองเหลิ่งชิงฮวนตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นนางฟันขาวริมฝีปากแดง ไม่เพียงแต่ไม่มีความอาจหาญเหมือนชาย แถมยังมีความออดอ้อนอีกด้วย ด้วยประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมา ก็คิดว่านางไม่ชอบจึงพูดว่า "หนุ่มที่อาจหาญและสง่างามก็มีนะ แค่ท่านบอกมาว่าอยากได้แบบไหน ที่เรือนหลินหลางของเรานั้นมีครบทุกอย่าง"

ที่เมืองฉางอันนั้นมีชายหนุ่มมากมาย ที่ซ่องโสเภณีไม่เพียงแต่มีหญิงงามที่อ่อนช้อยนุ่มนวล และยังมีชายหนุ่มที่วัยเยาว์และสง่างาม

ฉีจิ่นอวิ๋นนั้นเห็นจนชินตาแล้ว เขาพูดว่า "ไปมากี่ครั้งก็เป็นคนเดิมๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย ไม่แปลกที่เพื่อนของข้าคนนี้ไม่ถูกใจ"

เจ๊ป่าวนั้นไม่อยากปล่อยลูกค้าใหญ่สองคนนี้ไป จึงบอกว่า "สิ่งแปลกใหม่ก็ต้องมีอยู่แล้ว ต่อให้ท่านฉีรอบรู้และมีประสบการณ์มาก ก็คงจะไม่เคยพบเจอมาก่อน"

ฉีจิ่นอวิ๋นเลิกคิ้วและรู้สึกดึงดูดอย่างมาก "ไหนลองว่ามาสิ"

เจ๊ป่าวทำสีหน้าลึกลับ "ท่านฉีเคยได้ยินคนหยินหยางไหม"

"คนหยินหยางหรือ" ฉีจิ่นอวิ๋นอึ้งไป "ชายสองเพศหรือ"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา