ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 162

ปรนนิบัติให้มู่หรงฉีทานอาหารเช้าเสร็จ จากนั้นก็วัดอุณหภูมิร่างกายให้เขา ไข้ได้ลดลงแล้ว แต่มู่หรงฉียังคงทำท่าทางเหมือนคนกำลังจะตาย นอนครวญครางอยู่บนเตียง

เหลิ่งชิงฮวนไม่สามารถไปไหนได้ทั้งนั้น ทำได้เพียงอยู่ที่นี่คอยดูแลเขา แต่ไม่วายที่จะแอบด่าเขาในใจว่าทำตัวสำออยเกินไปหน่อยไหม

เหลิ่งชิงหลางมาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่รอบหนึ่ง ส่วนจิ่นอวี๋ไม่มาปรากฏตัวให้เห็นอีกเลย เหลิ่งชิงฮวนกำลังรู้สึกงงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มีบ่าวรับใช้ในจวนเข้ามาทูลรายงาน บอกว่าจิ่นอวี๋จวิ้นอยู่ ๆ ก็ล้มป่วยเพราะติดไข้จากลมหนาวเช่นกัน รู้สึกไม่สบายอย่างมาก

เหลิ่งชิงฮวนชำเลืองมองไปที่มู่หรงฉีเล็กน้อย รู้สึกงงงวยไม่เข้าใจ เพราะขนาดตัวเองนอนเตียงเดียวกับเขาทั้งคืนแต่กลับไม่เป็นอะไรเลย ทำไมถึงแพร่เชื้อใส่จิ่นอวี๋ได้ล่ะ?

อย่างไรก็ตามตัวเองไม่ใช่พระแม่มารี อยากทำอะไรก็ทำ

มู่หรงฉีส่งหมอประจำจวนไปตรวจรักษาอาการ จิ่นอวี๋น้ำตาไหลสะอึกสะอื้นไม่หยุด วิงเวียนศีรษะรู้สึกไม่สบายอย่างมาก สภาพดูน่าเวทนาสุดๆ แต่ยังมิวายมีแรงที่จะพุ่งมาหามู่หรงฉีได้อีก?

นางพักผ่อนอยู่ในห้องรับรองแขก และกำลังคิดถึงความหรูหราร่ำรวย อีกทั้งอำนาจในจวนอ๋องแห่งนี้ทั้งหมดต้องตกไปเป็นของผู้หญิงคนอื่น รู้สึกตัวเองช่างโดดเดี่ยวและลำบากยิ่งนัก เบื้องหลังไม่มีแม้แต่ความช่วยเหลือที่จริงใจแม้แต่น้อย ยิ่งรู้สึกหนาวเย็นจับใจขึ้นไปอีก

เหลิ่งชิงหลางโบกพัดทรงกลมเดินเข้ามา มีแม่จ้าวเดินถืออาหารเช้าอยู่ในมือตามหลังเข้ามา

จิ่นอวี๋ไม่ชอบผู้หญิงที่ชื่อเหลิ่งชิงหลาง ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกเสียจากเพราะว่ามู่หรงฉีชอบนางนั้นเอง เหลิ่งชิงฮวนแย่งตำแหน่งพระชายาไป แต่เหลิ่งชิงหลางกลับแย่งชิงหัวใจคนที่ตัวเองรักไป

จิ่นอวี๋แกล้งทำเป็นหลับตา ทำเป็นมองไม่เห็น

เหลิ่งชิงหลางจงใจนั่งลงข้างๆนาง “แม่นางจิ่นอวี๋รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่?”

จิ่นอวี๋เลิกเปลือกตาขึ้นมา “ท่านมาหาข้ามีธุระอันใดหรือ?”

“คำพูดของแม่นางจิ่นอวี๋ช่างดูห่างเหินเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าวันนี้เจ้ารู้สึกไม่สบาย กลัวบ่าวไพร่จะรับรองไม่ทั่วถึงจึงสั่งให้คนไปต้มโจ๊กหมูสับมาให้โดยเฉพาะเจ้าค่ะ”

คำพูดจอมปลอมที่เอ่ยออกมาหนึ่งระลอก ใครบ้างจะทำไม่เป็นกันเล่า? นี้คือลูกเล่นที่ข้าเล่นเหลือเอาไว้หรอกนะ

จิ่นอวี๋ลุกขึ้นมานั่ง และมองไปที่เหลิ่งชิงหลางอย่างยิ้มๆ “ขอบคุณพระชายารองที่เป็นห่วงเจ้าค่ะ ท่านช่างอ่อนโยนและมีน้ำใจเหลือเกิน ไม่แปลกใจเลยที่ท่านพี่จะตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น และต้องการแต่งงานกับท่านให้มาเป็นพระชายาเอก”

เหลิ่งชิงหลางหลีกเลี่ยงหัวข้อที่ทำให้รู้สึกอึดอัดเช่นนี้อย่างเฉลียวฉลาด “จิ่นอวี๋จวิ้นจู่กับท่านอ๋องก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไม่น้อยเช่นกัน”

“ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าเสียไปไว พออายุแปดขวบก็เข้าไปอยู่ในวัง ถูกเลี้ยงดูมาข้างกายพระสนมฮุ่ยเฟย และเป็นเพื่อนเล่นกับท่านพี่มาตั้งแต่ยังวัยเยาว์ พวกเราทั้งสองคนเล่นด้วยกันมาไม่ได้คิดอะไร สายสัมพันธ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถเทียบได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ”

“มิน่าล่ะท่านพี่ของข้าถึงได้อิจฉาแม่นางจิ่นอวี๋เช่นนี้ และมักจะโกรธท่านอ๋องเพราะท่านเสมอ แม่นางจิ่นอี้ช่างเหมาะสมกับท่านอ๋องยิ่งนัก”

“จริงหรือ?” จิ่นอวี๋เลิกคิ้วขึ้น “หรือว่าพระชายารองไม่รู้สึกโกรธบ้างหรือเจ้าค่ะ?”

“ท่านพี่ของข้าต้องการผูกขาดท่านอ๋องเอาไว้คนเดียว ส่วนข้าแค่อยากแต่งงานให้กับท่านอ๋องเท่านั้น ความคิดต่างกัน ดังนั้นข้ากับแม่นางจิ่นอวี๋สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้เจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินมาแบบนี้ จิ่นอวี๋เองก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง จึงเข้าใจความหมายในคำพูดของเหลิ่งชิงหลางทันที “เจ้าอยากร่วมมือกับข้าเพื่อจัดการเหลิ่งชิงฮวนงั้นหรือ?”

“เพราะอะไรจะไม่ได้ล่ะ? เพิ่มเพื่อนมาอีกคนหนึ่งย่อมดีกว่าเพิ่มศัตรูมาอีกคนหนึ่งจริงหรือไม่เจ้าค่ะ?”

จิ่นอวี๋พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย้ยหยัน “ในตอนแรกท่านพี่ของข้าโปรดปรานท่านถึงขนาดนั้น แต่งงานกับท่านอย่างสมเกียรติให้เข้ามาอยู่ในจวนอ๋อง แต่ท่านกลับทำเป็นอวดฉลาดจนผิดพลาด ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ท่านมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาร่วมมือกับข้าไม่ทราบ หรือท่านแค่ต้องการใช้ข้าเป็นเครื่องมือก็เท่านั้น”

จิ่นอวี๋พูดถูกจริงๆนั่นแหละ

มู่หรงฉีได้เขียนหนังสือหย่าให้กับเหลิ่งชิงฮวนแล้ว นางต้องถูกขับไล่ออกจากจวนเป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว และแม่จ้าวก็ได้พูดกำชับกับเหลิ่งชิงหลางเอาไว้หลายครั้งแล้ว จะต้องระงับอารมณ์ตัวเองให้มั่น อย่าทำเรื่องผิดพลาดขึ้นอีกเป็นอันขาด

นางขำ พรืดออกมาเบาๆ “คาดหวังจากท่านงั้นหรือ?”

เหลิ่งชิงหลางยิ้มน้อยๆ “ข้าอยากให้พระสนมฮุ่ยเฟยช่วยเป็นคนออกหน้า ยกข้าขึ้นมาเป็นลูกภรรยาเอก”

เมื่อจิ่นอวี๋ได้ยินดังนั้น ในใจก็เข้าใจขึ้นมาในทันที “หลังจากยกท่านเป็นลูกภรรยาเอกแล้ว ท่านก็จะสามารถเป็นพระชายาเอกที่ถูกต้องโดยชอบธรรมได้ใช่หรือไม่?”

“ตำแหน่งพระชายาเอกจะตกเป็นของผู้ใด ยังต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของตนเอง หากข้าไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย ทำไมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะไล่เหลิ่งชิงฮวนออกไปด้วยล่ะเจ้าค่ะ จะยอมเป็นตัวร้ายไปทำไมหากไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย? เพราะถึงอย่างไรใครก็ตามที่ได้ตำแหน่งพระชายาเอกไป สำหรับข้าแล้วล้วนเหมือนๆกัน ถึงยังไงเหลิ่งชิงฮวนก็นับว่าเป็นพี่สาวในนามของข้าคนหนึ่ง”

คำพูดเหล่านี้ทำให้จิ่นอวี๋ใจเต้นเล็กน้อย อยากจะมอบรสชาติอันหอมหวานให้เหลิ่งชิงหลาง ให้นางไปสู้กับเหลิ่งชิงฮวนอย่างเอาเป็นเอาตายกันไป ส่วนตัวเองนั่งรอรับผลประโยชน์สบายๆ ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง

แม้ว่าเหลิ่งชิงหลางนางจะมีคุณสมบัติเป็นพระชายาเอกได้ แต่ก็ไม่แน่อาจจะไม่มีชะตาเป็นพระชายาเอกก็เป็นได้

การเคลื่อนไหวในจวนอ๋องฉีแห่งนี้นางตามติดอยู่ตลอดเวลา สำหรับเรื่องที่เหลิ่งชิงหลางทำเป็นอวดฉลาดแต่ผิดพลาดอยู่หลายครั้ง และเรื่องที่ถูกมู่หรงฉีเกลียดชังนางก็พอได้ยินมาบ้าง เมื่อเทียบกับเหลิ่งชิงฮวนแล้ว จิ่นอวี๋แทบไม่สนใจคู่ต่อสู้คนนี้มากนัก

หากไม่ยอมเสียสละบ้างก็คงไม่ได้อะไรที่ต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นหากต้องการสั่งเหลิ่งชิงหลาง ขอแค่มีเหยื่อหลอกล่อเล็กน้อยเท่านั้นก็ได้แล้ว แลกกับแค่ชื่อตำแหน่งลูกภรรยาเอก มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร

จิ่นอวี๋สูดลมหายใจลึก “พระสนมฮุ่ยเฟยทางนี้ ข้าสามารถช่วยพูดแทนท่านได้ ส่วนจะสำเร็จหรือไม่นั้นต้องดูที่ความสามารถของท่านแล้ว”

เหลิ่งชิงหลางเห็นนางพยักหน้าตอบรับ แอบปลาบปลื้มใจขึ้นมาในใจ แต่ต้องพยายามสะกดเอาไว้อย่างหนัก ไม่กล้าดีใจออกนอกหน้า

“หากข้าได้รับการยกย่องเป็นลูกภรรยาเอก ท่านอ๋องก็จะได้เกียรติด้วยไม่ใช่หรือ? สำหรับพระสนมฮุ่ยเฟยแล้ว มันเป็นเพียงแค่การเอ่ยพูดขึ้นมาเพียงหนึ่งประโยคเท่านั้น อีกอย่างเดิมทีข้าก็คือลูกสาวภรรยาเอกของจวนมหาเสนาบดีอยู่แล้ว ก็แค่ถูกแม่ของเหลิ่งชิงฮวนแย่งตำแหน่งภรรยาเอกไป ขอเพียงข้าถูกยกขึ้นเป็นลูกภรรยาเอกเมื่อไร รับประกันได้ว่าท่านอ๋องจะต้องรีบหย่ากับเหลิ่งชิงฮวนในทันที”

จิ่นอวี๋ตอบทันทีโดยไม่แม้แต่จะครุ่นคิด “ข้าจะกลับเข้าวังเพื่อไปทูลขอพบพระสนมฮุ่ยเฟย แต่หากเจ้าทำไม่ได้ ของที่ข้าให้เจ้าไป ข้าก็จะเอากลับคืนมาได้ทุกเมื่อ”

จึงรีบสั่งให้คนไปทูลรายงานมู่หรงฉีทันที และรีบกลับเข้าวังอย่างเร่งรีบ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา