ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 18

จินซื่อกดเสียงลงต่ำแล้วพูดตำหนิ "ยังไม่รีบกลับไปที่หลังจวนอีก นี่เป็นที่ที่เจ้าควรจะมาหรือ"

เหลิ่งชิงเหยานั้นมีใจอยากจะเรียกร้องความสนใจจากมู่หรงฉี จึงไม่ยอมขยับไปไหน นางเอ่ยปากพูดด้วยเสียงที่ไพเราะเสนาะหูราวกับเสียงนกกระจิบว่า "ชิงเหยาได้ข่าวว่าท่านพี่นั้นมีแผลบนตัว ในใจรู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก จึงได้รีบมาเยี่ยมดูแบบนี้ ไม่รู้ว่าท่านพี่นั้นดีขึ้นบ้างหรือไม่"

พูดถึงเรื่องอะไรไม่พูดมาพูดถึงเรื่องนี้ เรื่องที่ทุกคนต่างหลีกเลี่ยงกันอย่างระมัดระวัง เมื่อถูกนางเอ่ยขึ้นมา เสนาบดีเหลิ่งนั้นยิ่งทำตัวไม่ถูก ส่วนคนอื่นๆ นั้นกลับมีแสงระยิบระยับในนัยต์ตา มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น

เหลิ่งชิงฮวนพูดอย่างนิ่งๆ ว่า "ไม่เป็นอะไร"

"สีหน้าของท่านพี่ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก ท่านอ๋องฉีคงจะไม่ได้กล่าวโทษอะไรท่านพี่หรอกใช่ไหม"

นี่มันยั่วยวนสามีของตนต่อหน้าตนอย่างเปิดเผยหรือ ลูกสาวของจวนมหาเสนาบดี แม้จะเป็นลูกสาวของอนุภรรยา ในอนาคตก็จะได้แต่งงานกับตระกูลชั้นนำแล้วเป็นฮูหยินเอก ทำไมถึงได้จ้องจะเอาเนื้อชิ้นดีอย่างมู่หรงฉีกัน แค่พี่น้องสองคนร่วมใช้สามีคนเดียวกันมันก็แปลกมากพอแล้ว ตอนนี้เหลิ่งชิงเหยายังจะมาร่วมด้วยอีกหรือ

เหลิ่งชิงฮวนมองดูมู่หรงฉีที่ชอบดึงดูดให้ผู้คนสนใจ เขายังคงก้มหน้าอยู่ ราวกับว่ากำลังนับใบชาที่อยู่ในถ้วยชา ทรงคิ้วนั้นแหลมคม ท่าทางองอาจ หน้าตาก็ดูดีมีราศรี ก็เป็นภาพลักษณ์ภายนอกที่สามารถยั่วคนอื่นไปทั่วได้ บวกกับผลการรบชนะศึกสงครามของเขา การพึ่งพาอาศัยของจวนอันกั๋วกง ความช่วยเหลือของจวนมหาเสนาบดี เมื่อเทียบกับพระโอรสท่านอื่นๆ พูดได้เลยว่ามีอนาคตที่ยาวไกลมาก ซึ่งมันก็ทำให้ผู้ซึ่งไม่เคยออกสังคมมาก่อนอย่างเหลิ่งชิงเหยาคลั่งไคล้

ช่างน่าขายหน้าจริงๆ

"ท่านอ๋องเป็นห่วงจะแย่ ทำไมจะต้องกล่าวโทษข้าด้วย" เหลิ่งชิงฮวนถามอย่างยิ้มๆ

มหาเสนาบดีเหลิ่งนั้นมีสีหน้าที่อึมครึม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาพูดเสียงดุใส่เหลิ่งชิงเหยาว่า "เดี๋ยวจะกินเลี้ยงที่ลานหลัง มีเวลาให้พวกเจ้าพี่น้องพูดคุยกันอยู่แล้ว ห้ามมาเสียมารยาทต่อหน้าท่านอ๋องนะ"

เหลิ่งชิงเหยาก็ถือว่าเป็นคนเข้าใจง่าย เมื่อเห็นมู่หรงฉีไม่คิดสนใจอะไรนางเลย จึงโน้มตัวเล็กน้อยแล้วยิ้ม "งั้นน้องจะรอพี่ที่ลานหลังนะ"

จินซื่อลากนางไปทางลานหลัง เมื่อเดินเลี่ยงออกไปแล้วจึงกัดฟันพูดตำหนิว่า "น่าขายหน้าจริงๆ อี๋เหนียงแบบไหนกันที่สั่งสอนลูกสาวให้ออกมาแบบนี้ได้"

นี่กำลังพูดแซะว่าตอนนั้นพี่ชายของเซวียอี๋เหนียงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อส่งนางขึ้นเตียงของมหาเสนาบดีเหลิ่ง

เหลิ่งชิงเหยาหันหน้ามาแล้วยิ้มเยาะเย้ย "คนอื่นทำยังไง ข้าก็ทำแบบนั้นแหละ ข้าก็เลียนแบบจากพี่รองไง จินอี๋เหนียงไปสั่งสอนพี่รองก่อนเถอะ"

แม้เสียงจะไม่ค่อยดังนัก แต่เสียงนั้นกลับถูกลมที่พัดผ่านมาพัดส่งเข้าไปที่ห้องโถงที่อยู่ข้างหน้า ทำให้มหาเสนาบดีเหลิ่งนั้นยิ่งทำตัวไม่ถูก

"ลูกสาวคนเล็กถูกโอ๋มาตั้งแต่เด็ก พูดตรงไปตรงมา ท่านอ๋องอย่าถือสาเลยนะขอรับ"

พี่น้องตระกูลจินนั้นต่างพากันพูดให้ดูดี "วันนี้ที่นี่ไม่มีคนนอก ชิงเหยากับพระชายานั้นเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันมาก เสียมารยาทไปชั่วขณะก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้"

ในตอนนี้เอง มู่หรงฉีถึงยอมวางถ้วยชาในมือลง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมามองเหลิ่งชิงฮวน "นางพูดถูกอยู่คำหนึ่ง คนอื่นทำยังไง นางก็ทำแบบนั้น ดูเหมือนว่าพี่คนโตอย่างเจ้าจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะ ควรจะพิจราณาตนเองแล้วนะ"

ในที่สุดก็หาเรื่องให้แล้วสินะ

สายตาของทุกคนนั้นต่างมองไปยังเหลิ่งชิงฮวนที่มีสีหน้าสงบนิ่ง

ในใจของเหลิ่งชิงฮวนนั้นมองมู่หรงฉีอย่างเหยียดๆ เกลียดที่สุดคือผู้ชายที่ทะเลาะแล้วชอบขี้ฟ้อง ผู้ชายแบบนี้เหลิ่งชิงฮวนอยากจะทำร้ายทุกครั้งที่เจอเลย โดยเฉพาะผู้ชายที่ชอบไปฟ้องแม่ยายเวลาที่คู่สามีภรรยาทะเลาะกัน แบบนี้มันไม่เรียกว่าลูกผู้ชาย!

นางยิ้มเยือกเย็น "ทราบแล้วเพคะ ที่แท้นี่ก็เป็นข้ออ้างของท่านอ๋องที่ชอบโยนความผิดมาให้หม่อมฉันโดยที่ไม่สนใจว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไงนี่เอง"

การตอบกลับที่เฉียบคมที่ไม่ไว้หน้าอ๋องฉีนั้นทำให้ท่านมหาเสนาบดีเหลิ่งตกใจอย่างมาก "เหลวไหลสิ้นดี! ยังไม่รีบขอโทษท่านอ๋องอีก!"

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มเบาๆ "ท่านพ่อคงจะเข้าใจผิดไปแล้วเพคะ ท่านอ๋องพอใจอย่างมาก ทำไมข้าจะต้องขอโทษอีก ท่านอ๋อง ท่านว่าจริงไหมเพคะ"

มู่หรงฉีหรี่ตาเล็กน้อย แล้วพูดด้วยเสียงเยือกเย็น "ข้าพอใจอย่างมาก เป็นข้าเองที่ทำให้พระชายาไม่พอใจสินะ"

จากคำพูดที่เยือกเย็นน่ากลัวของเขานั้น ท่านมหาเสนาบดีก็ฟังความหมายแฝงออกแล้ว ถึงเวลาที่ตนเองจะต้องแสดงจุดยืนแล้ว การเข้าข้างนางนั้นจะยิ่งทำให้ท่านผู้นี้โกรธ หมากตัวนี้อย่างเหลิ่งชิงฮวนคงจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว

จินซื่อเองก็กลับมาจากหลังจวนพอดี นางสบตากับเหลิ่งชิงหลาง แอบรู้สึกดีใจ จากนั้นก็เสริมความว่า "ท่านพี่จากไปไว คุณหนูใหญ่นั้นเคยชินกับการไม่อยู่ในขอบเขต แต่ปัจจุบันเป็นถึงพระชายาแล้ว จะมีนิสัยดื้อรั้นโอหังเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วนะ"

เหลิ่งชิงฮวนกระพริบตา "นี่ท่านพ่อเชื่อฟังคำของน้องฝ่ายเดียวแล้วมาใส่ความข้าเหรอ หากข้าบอกว่าไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นล่ะ"

"สัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ยังอยู่ไม่อยู่ ตรวจดูก็รู้แล้ว" จินอี๋เหนียงพูดสอดแทรกขึ้น

เหลิ่งชิงฮวนยิ้ม "ปัจจุบันข้าแต่งงานออกไปแล้ว หากสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ยังมีอยู่แบบน้อง มันคงจะเป็นเรื่องที่อับอายยิ่งกว่านะ"

ใจของจินซื่อนั้นรู้สึกไม่ดี "นี่เจ้าหมายความว่ายังไง"

"ก็หมายความตามที่พูด หากจินอี๋เหนียงไม่เข้าใจ ก็ไปขอคำยืนยันจากท่านอ๋องได้"

เรื่องแบบนี้จะไปถามได้ยังไงกัน

มหาเสนาบดีฝ่ายขวาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ไม่มีแน่นะ"

สีหน้าของเหลิ่งชิงฮวนนั้นนิ่งสงบ พูดเรื่องไม่จริงด้วยท่าทีจริงจังว่า "ถ้าหากมีเรื่องแบบนั้นจริง วันนี้ข้ายังจะกลับมากับท่านอ๋องได้อย่างสง่าผ่าเผยแบบนี้ได้อีกเหรอ"

"ครั้งก่อนที่ไปจุดธูปบูชาที่สำนักแม่ชี แต่เจอฟ้าครึ้มฝนตกต้องค้างแรมที่สำนักแม่ชี กลางคืนดึกๆ เจ้าหายไปไหนมา"

จินอี๋เหนียงนั้นถามจี้ "ข้ากับชิงหลางตามหาเจ้าอยู่นาน"

"ที่สำนักแม่ชีนั้นก็มีแต่แม่ชี จินอี๋เหนียงว่าข้าจะไปไหนได้ ตอนที่ท่านหาข้าเจอ ข้าก็อธิบายไปแล้วว่าที่พักของสำนักแม่ชีนั่นมันก็เหมือนๆ กัน การตกแต่งก็เหมือนกัน หลังจากที่ข้าจุดธูปบูชาเสร็จ พอออกมาก็หลงทางเผลอเข้าไปพักผ่อนผิดห้อง การจุดธูปบูชาในครั้งนั้นจินอี๋เหนียงเป็นคนจัดการเอง การค้างแรมก็เป็นท่านที่เสนอมา ต่อให้ข้าจะมีชู้ ก็คงจะไม่รู้อนาคตก่อนล่วงหน้าแล้วไปพบเจอกันบนเขาที่ไกลขนาดนั้น

คำพูดเหล่านี้ต้านจนจินอี๋เหนียงนั้นไม่มีคำจะพูดอีก

มหาเสนาบดีฝ่ายขวาจ้องมองลูกสาวของตนจากมุมสูง สีหน้าของเขานั้นไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของนาง "เรื่องนี้เอาไว้ก่อน พ่อถามเจ้า การได้แต่งเข้าจวนท่านอ๋องฉีแล้วเป็นพระชายาเป็นเรื่องที่เป็นศิริมงคลขนาดไหนกัน คนอื่นขอยังไม่ได้ ทำไมเจ้าจะต้องคิดสั้น ทำให้จวนท่านอ๋องฉีอับอาย แล้วก็ทำให้จวนมหาเสนาบดีของข้าต้องอับอายขายขี้หน้าไปด้วย!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา