ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 19

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มเศร้าใจ "ท่านพ่อก็รู้เรื่องที่ลูกฆ่าตัวตาย เรื่องที่เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บท่านไม่เคยถามข้าสักคำ แต่กลับกล่าวโทษก่อน"

"ถ้าเจ้าตายตายไปมันก็สิ้นเรื่องอยู่หรอก อย่างน้อยก็ได้ชื่อเสียงที่บริสุทธิ์มา ท่านอ๋องไม่กล่าวโทษเจ้า แต่เจ้ากลับไม่รู้จักกลับตัวกลับใจ ซึ้งในพระคุณ ทำให้ท่านอ๋องโกรธเคืองอยู่เรื่อย หากเจ้าถูกหย่าร้างจริง ที่จวนมหาเสนาบดีนี่จะไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาแปดเปื้อนได้ ถ้าเจ้ากล้าย่างก้าวเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว ข้าจะสั่งให้คนตีขาเจ้าให้หักแล้วทิ้งเจ้าที่หลุมฝั่งศพรวม ลูกสาวของข้าที่จวนมหาเสนาบดีจะได้ไม่ถูกผู้คนตำหนิจนหาคู่ที่เหมาะสมไม่ได้"

แต่ละคำพูดนั้น ช่างเยือกเย็นไร้ความอบอุ่น ไม่มีความรู้สึกใดๆ

ความหวังสุดท้ายในใจของเหลิ่งชิงฮวนนั้นดับสิ้น ที่แท้ในใจของท่านพ่อ ข้าก็ไม่มีความสำคัญอะไรเลย มีหรือไม่มีก็ได้ สิ่งที่ท่านใส่ใจคือชื่อเสียงของจวนมหาเสนาบดี ส่วนความเป็นความตายของนางท่านไม่สนใจเลย เมื่อหลายปีก่อนเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนี้

นางพูดเสียงนิ่งว่า "ท่านพ่อวางใจได้ หากมีสักวันที่เป็นแบบนั้นจริง ข้าจะไม่ทำให้จวนมหาเสนาบดีลำบากเด็ดขาด"

มหาเสนาบดีเหลิ่งนั้นโกรธอย่างมาก "หากเจ้าไม่ใช่ลูกของข้า ข้าจะไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว! แต่นี่เจ้าแซ่เหลิ่ง ข้าที่เป็นพ่อก็จะต้องสั่งสอนเจ้า"

จินซื่อแกล้งทำเป็นพูดโน้มน้าว "ชิงฮวนอยู่ชนบทมาตั้งแต่เด็ก ขาดการสั่งสอน ไม่รู้จักกฎวินัย ท่านพี่อย่าโกรธเลยนะ จะเสียสุขภาพเอา"

"หากในวันนี้นางไม่สำนึก หนีไม่พ้นการลงโทษแน่นอน ต่อไปเมื่อออกไปข้างนอกแล้วจะได้ไม่ขายหน้าบรรพบุรุษของตระกูลเหลิ่ง แล้วแปดเปื้อนห้องศาลบรรพบุรุษของตระกูลเหลิ่ง"

เหลิ่งชิงฮวนเงยหน้าขึ้น แล้วจ้องมองไปที่มหาเสนาบดีฝ่ายขวา "ท่านพ่ออยากจะให้ข้ายอมรับผิดให้ได้ แต่ข้าอยากถามว่าข้าผิดตรงไหน หากจะพูดว่าข้าไม่ได้รับความรักเอ็นดูเหมือนน้อง งั้นข้าก็อยากจะถามท่านพ่อว่า ครั้งก่อนที่ข้ากับท่านอ๋องเจอหน้ากันครั้งแรก เหลิ่งชิงหลางก็ตกน้ำไปเองแล้วมาใส่ร้ายให้ข้า ท่านอ๋องยังไม่ทันได้พูดอะไร แต่ท่านพ่อกลับตำหนิข้าโดยที่ไม่สนใจว่าเรื่องมันเป็นมายังไง ตัดสินใจลงโทษข้าต่อหน้าทุกคน ถึงได้ทำให้ท่านอ๋องเกลียดข้าอยู่แบบนี้ ข้าอยากจะถามท่านพ่อว่า ท่านได้ตรวจสอบที่มาที่ไปของเรื่องราวในตอนนั้นหรือไม่ ข้าอยู่อย่างยากลำบากในจวนนี่ อดทนอดกลั้นกับพี่ชายมาโดยตลอด เคยทำอะไรที่มันนอกกรอบบ้าง ท่านถึงได้มั่นอกมั่นใจว่าข้านั้นรังแกเหลิ่งชิงหลาง"

จินซื่อที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ นั้นร้อนรน "ใส่ร้ายชัดๆ! เหลิ่งชิงฮวน อากาศหนาวเหน็บในยามฤดูใบไม้ผลิ ชิงหลางจะซื่อบื้อขนาดกระโดดลงน้ำเองหรือ ตอนนั้นพ่อเจ้าเป็นคนเห็นเองกับตาว่าเจ้าผลักชิงหลางลงน้ำ ตอนนั้นพวกเราไม่ถือสาอะไรเจ้า แต่ตอนนี้เจ้ากลับมาแว้งกัดเหรอ"

มหาเสนาบดีเหลิ่งนั้นพูดด้วยความโกรธว่า "เจ้าประพฤติตัวไม่ดีทำให้ท่านอ๋องไม่ชอบใจเอง แต่กลับมาโทษคนอื่น นังลูกไม่รักดี วันนี้ถ้าข้าไม่สั่งสอนเจ้า เจ้าคงจะเหิมเกริมไปมากกว่านี้ ต่อให้เจ้าเป็นถึงพระชายาของจวนท่านอ๋อง เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรพบุรุษของตระกูลเหลิ่ง เจ้าก็ต้องทนเอาไว้"

มหาเสนาบดีตั้งใจจะสั่งสอนเหลิ่งชิงฮวน และก็เป็นการทำให้มู่หรงฉีได้เห็น

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มเยือกเย็นอย่างไม่ใส่ใจ "ถ้าจะพูดถึงบรรพบุรุษของตระกูลเหลิ่ง ข้านั้นไม่รู้สึกละอายใจอะไร ตอนนั้นที่ท่านหายสาบสูญไม่มีข่าวคราวไปนับสิบปี ข้ากับแม่และพี่ชายเป็นคนคอยป้อนข้าวป้อนยาให้ปู่ทวดและย่าทวดจนพวกท่านจากไป ไม่พูดถึงความลำบากที่มี แต่เชื่อว่าปู่ทวดและย่าทวดคงจะตายตาหลับ หากตายตาไม่หลับ ก็คงจะโทษที่ท่านไร้จริยธรรม ไม่อยู่กตัญญูพวกท่านข้างเตียง

มหาเสนาบดีเหลิ่งถูกพูดจี้จุดเจ็บ รู้สึกโกรธอย่างมาก เขาชูไม้บรรทัดในมือขึ้นสูง "นังลูกไม่รักดี ดูสิว่าวันนี้ข้าจะลงโทษเจ้าอย่างไร!"

เหลิ่งชิงฮวนคุกเข่าอยู่ที่พื้น จึงไม่ทันจะได้หลบหลีก ไม้บรรทัดนั้นถูกฟาดลงมาที่ไหล่ของนางอย่างแรง จนนางสูบหายใจเข้าแรงเพราะความเจ็บปวด

มักพูดกันว่า ไม่ว่าคนเราจะโหดเหี้ยมขนาดไหนก็จะไม่ทำร้ายลูกของตน แต่ท่านพ่อนี่กลับลงมืออย่างหนัก ตนนั้นคิดว่าแค่โดนนิดโดนหน่อยเพื่อให้พ่อท่านหายโกรธ แต่ดูท่าทางแล้วจะตีตนให้ตายไปถึงจะหายโกรธสินะ

ในขณะที่จะฟาดลงมาครั้งสอง เหลิ่งชิงฮวนยกมือขึ้นจับไม้บรรทัดไว้ มหาเสนาบดีออกแรงจะยื้อกลับ แต่กลับสู้นางไม่ได้ เขาโกรธมากจนกระทืบเท้าแล้วด่าทอออกมา

เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากนอกห้องศาลบรรพบุรุษ เสียงที่ทุ้มต่ำและห่วงใยนั้นดังขึ้น " ท่านพ่อ นี่ข้าเอง ชิงเฮ่อ"

"ท่านพี่!" เหลิ่งชิงฮวนนั้นรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ไม่รอให้มหาเสนาบดีพูดอะไร นางปล่อยมือจากไม้บรรทัด แล้วลุกขึ้นไปเปิดประตูของห้องศาลบรรพบุรุษออก

สีหน้าของเหลิ่งชิงเฮ่อเยือกเย็นลงทันที "ในเมื่อหายดีแล้ว เจ้าก็คุกเข่าลงซะ! คุกเข่าลงต่อหน้าป้ายของท่านแม่!"

เหลิ่งชิงฮวนอึ้งไปเล็กน้อย เห็นท่านพี่ไอจนยืดตัวไม่ได้เพราะความร้อนรน นางจึงคุกเข่าลงแต่โดยดี

เหลิ่งชิงเฮ่อเอามือค้ำที่โต๊ะหมู่บูชา มืออีกข้างก็กุมไว้ที่อก จากนั้นหายใจหอบสองสามครั้ง "ร่างกายของเรานั้นมาจากพ่อและแม่ เหลิ่งชิงฮวน นึกถึงเมื่อก่อนที่ท่านแม่พาข้ากับเจ้าเข้าเมืองมา จินซื่อพยายามหาเรื่องเราทุกวิถีทาง ท่านแม่รู้ทั้งรู้ว่าท่านพ่อไม่มีใจให้แล้ว แต่ทำไมยังยืนยันที่จะอยู่ต่อ ท่านไม่ได้หวังอยากจะได้ความสุขสบายในจวนมหาเสนาบดีนี่ แต่ท่านรู้ตัวดีว่าร่างกายของท่านนั้นไม่ไหวแล้ว พยายามแก่งแย่งเพื่อให้พวกเรามีอนาคตที่ดี งานแต่งจวนอ๋องฉีนี้เป็นความเมตตาจากไทเฮา ท่านอ๋องฉีก็เป็นมังกรหงส์ในฝูงชน เป็นสามีที่ดีเลิศยากที่จะหาได้ มีตั้งกี่ตระกูลที่คอยจ้องมอง ทำไมเจ้าถึงไม่รู้จักรักษาไว้ คิดสั้นในงานวันแต่งคืออยากจะให้ท่านอ๋องลำบากใจหรือ ทำไมเจ้าถึงไม่รักชีวิตของตนเองเลยแม้จะน้อย"

เหลิ่งชิงฮวนนั้นราวกับเป็นใบ้ มีความทุกข์แต่พูดออกมาไม่ได้ เมื่อมองพี่ชายที่สีหน้าห่วงใยแบบนี้ ในใจก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจขึ้นมา แต่พูดด้วยเสียงต่ำที่เข้มแข็งว่า "ชิงฮวนไม่ทันจะได้คิด ตอนนี้ข้ารู้ผิดแล้ว ท่านพี่ ข้าจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว จะพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ จะใจสู้มุมานะ ให้คนที่เหยียดหยามเราดู!"

"แบบนี้สิถึงจะถูก จำคำสอนของท่านแม่ไว้ ต่อให้จะยากลำบากเพียงใด พวกเราก็จะต้องยืดอกแล้วมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้" สีหน้าของเหลิ่งชิงฮวนนั้นขาวซีด แม้แต่ริมฝีปากก็ขาวซีด เขาเอากระดาษหลายใบออกมาจากเสื้อด้วยมือที่สั่นเทา "นี่เป็นสินเดิมที่พี่ให้ เจ้าลุกขึ้นมาเถอะ เปิดออกมาดูสิ"

เหลิ่งชิงฮวนลุกขึ้นยืน จากนั้นก็รับมาอย่างงงๆ แล้วเปิดออกด้วยมือที่สั่นเทา เมื่อเห็นเป็นที่ดินฉบับหนึ่ง แล้วก็มีเบี้ยที่ต่างสกุลหลายใบ ก็รู้สึกตะลึง "ท่านพี่ นี่..."

"พี่ไม่ได้มีความสามารถอะไร ได้แต่แอบสร้างลานเล็กๆ นี่ไว้ อย่างน้องก็เป็นที่พักแรมได้ในยามลำบาก ที่พี่ให้เจ้าก็เพื่อที่จะบอกเจ้าว่า ไม่ว่าในอนาคตจะยากลำบากเพียงใด เจ้าก็ยังมีทางออกอยู่เสมอ ยังมีบ้านที่พี่ให้เจ้า เจ้าจะไม่มีวันไม่มีที่ไปแล้วก็คิดสั้นอีก"

ร่างกายของเหลิ่งชิงเฮ่อนั้นอ่อนแออย่างมาก อยู่ๆ ก็พูดมากมายแบบนี้ เขาก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยหอบ

เหลิ่งชิงฮวนรู้ว่าจินซื่อนั้นขี้งกอย่างมาก เบี้ยแต่ละเดือนที่นางให้กับท่านพี่นั้นก็ไม่มาก นี่คงจะเป็นทุนทั้งหมดของเขา แต่เขากลับให้ตนเองหมดเลย แถมยังคิดรอบคอบสร้างลานบ้านให้กับตน ในใจของนางนั้นซาบซึ้งอย่างมาก หากเขารู้ว่า น้องสาวที่แท้จริงของเขาตายจากไปแล้วเพราะเหลิ่งชิงหลางและแม่ของนาง เขาจะรู้สึกยังไงนะ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา