ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 180

ในใจของเหลิ่งชิงฮวน หัวของเธอมีเหงื่อไหลออกมา ริมฝีปากของเธอแห้งผาก เธอพูดจาออกมาอย่างสะเปสะปะ

“พวกเราไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆเสียหน่อยนี่เพคะ จะมานอนร่วมหมอนกันได้อย่างไร”

“พอนอนร่วมหมอนกันแล้วจะกลายเป็นสามีภรรยากันจริงๆแล้วไม่ใช่หรือ?”

“ไม่ใช่เพคะ นี่ ความหมายของหม่อมฉันคือ” เหลิ่งชิงฮวนตื่นตระหนกและเริ่มติดอ่างขึ้นมา “หม่อมฉัน หม่อมฉันยังไม่ได้เตรียมตัว พวกเราเคยคุยกันไว้แล้วนี่เพคะว่าจะแค่แกล้งทำกันก็เท่านั้น”

“ต่อให้แกล้งทำก็ต้องทำให้แนบเนียนหน่อยสิ? คนในจวนอ๋องต่างรู้ดีว่าข้าไม่เคยแตะต้องเจ้า แต่จู่ๆกลับมีเด็กโผล่ขึ้นมา คนอื่นต่างก็คงพากันคิดไม่ถึง”

ทำไมเหลิ่งชิงฮวนถึงได้รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ ทำไมเหมือนกับว่าเธอค่อยๆต้อนตัวเองเข้ามุมไปทีละก้าว นอกจากการเชื่อฟังมู่หรงฉีอย่างว่าง่ายแล้ว เธอยังมีทางอื่นอีกหรือไม่?

คุยกันไว้ดีแล้วว่าจะแยกกันอยู่ จะหย่า พวกเขาเหมือนน้ำกับไฟที่เข้ากันไม่ได้ไม่ใช่หรือ?

มู่หรงฉีมักจะแสดงท่าทีที่ดุร้ายและใบหน้าที่น่าสงสารอย่างโมโหร้ายและถูกบีบบังคับอย่างจนใจ พอถึงช่วงเวลาสุดท้ายก็จะถูกบีบบังคับไปตามสภาพการณ์ไป และต้องรับสภาพของการเป็นผู้ถูกกระทำ แต่เห็นๆอยู่ว่าผู้ถูกกระทำนั้นคือเธอ?

เห็นได้ชัดว่าเขาเผยให้เห็นทักษะการเจรจาต่อรองอันเฉียบขาด และมีความสุขกับการเล่นกับเหยื่อเป็นอย่างมาก

เหลิ่งชิงฮวนเองก็พยายามที่จะชี้นำแล้ว สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดความคิดของเธอออกไปอย่างชัดเจน เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ในเมื่อตั้งแต่แรกจนจบแล้วมู่หรงฉีนั้นแสดงออกมาตลอดว่ารังเกียจเธอ

ทำไมพอออกจากทะเลเพลิงแล้วถึงได้เข้ามาอยู่ในให้น้ำผึ้งได้ละ

เธอยังคงคิดวิเคราะห์อย่างมึนงง มู่หรงฉีก็ได้ลุกยืนขึ้นแล้ว

“ข้าจะไปอาบน้ำก่อน จะไปเอาแรงเสียหน่อย”

“ไม่ถูก!” ในที่สุดเหลิ่งชิงฮวนก็รู้สึกตัวว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง “ทั้งหมดนี้สุดท้ายแล้วก็อยู่ในความควบคุมของท่านมู่หรงฉี ท่านไม่มีความคิดที่จะถามความเห็นหม่อมฉันเลยแม้แต่น้อย”

มู่หรงฉีหัวเราะออกมาเสียงเบา “แต่ทุกครั้งฮูหยินก็จะโอนอ่อนตามนี่ ข้านึกว่า นี่คือความหมายของฮูหยิน”

ทุกครั้งนั้นล้วนเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของชีวิต เธอจะไม่โอนอ่อนตามได้อย่างไร เหลิ่งชิงฮวนอยากจะร้องไห้ออกมาทั้งไม่มีน้ำตาในทันที เธอนึกว่าการที่ตัวเองนั้น เก็บเด็กคนนี้เอาไว้เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เนื่องจากเด็กคนนี้ต่อต้านแม่ของเขามาก

มู่หรงฉี องก็ออกไปอย่างอารมณ์ดี

เหลิ่งชิงฮวนตัวสั่นขึ้นทันที “โตวโตว แม่หวัง! ปิดประตู”

วันต่อมาข่าวคราวเรื่องการตั้งครรภ์ของเหลิ่งชิงฮวนก็ถูกแพร่ออกไป คนในจวนต่างพากันตกตะลึงอีกทั้งยังมีสีหน้าราวกับคิดเอาไว้แล้ว

คนในนั้นมองไม่ออก แต่คนนอกนั้นมองออก คนนอกนั้นล้วนพูดว่าอ๋องฉีนั้นรักพระชายารองมากกว่า อีกทั้งยังเข้ากันไม่ได้กับพระชายา แต่บ่าวในจวนนำต่างรู้กันดีว่าท่านอ๋องของพวกเขาพอได้เจอกับพระชายาแล้วก็เอาแต่หยอกดาวกรรม โอบกอดกันไปมา อุ้มกันไปอุ้มกันมา เอาอกเอาใจเสียจนพระชายาแทบจะลอยขึ้นฟ้าไปเสียแล้ว อีกทั้งนางยังกล้าไปสถานที่สำคัญอย่างห้องตำรา

ในทางกลับกันพระชายารองที่ทำตัววิเศษวิโสนั้น เมื่ออยู่ท่าานอ๋องแล้วนางดูราวกับนางฟ้าตัวน้อย เมื่อนางอยู่ต่อหน้าท่านอ๋องก็ไม่ได้มีอารมณ์เหมือนมีคนปกติ และไม่มีความสดใสเลยสักนิด

ดังนั้นบ่าวรับใช้ที่ได้แอบนินทาเจ้านายพวกนั้น ในเวลานี้ก็มีเรื่องออกไปคุยแล้ว และพูดถึงความสัมพันธ์ทางกายของทั้งสองคนออกมาเป็นชุดชุด ซึ่งเล่าออกมาได้ดีเสียยิ่งกว่านักเล่านิทานในร้านน้ำชาเสียอีก

อย่างกับได้รับความช่วยเหลือกับใครบางคน ตำหนักฉาวเทียนที่อยู่กับทุกคนละโลกกับโลกภายนอกมาโดยตลอดนั้นก็กลายเป็นที่ถูกกล่าวขานกันในพริบ

อีกครั้งของขวัญสำหรับต้องรับเด็กแรกเกิดก็ส่งมาที่ตำหนักอย่างไม่ขาดสาย จนเต็มไปหมดทั้งตำหนัก ในทางตรงกันข้ามนั้นเรือนจื่อเถิงเงียบเหงาเป็นอย่างมาก

แม้แต่หมอที่อยู่ในจวนเองก็ต่างพากันไปที่ตำหนักฉาวเทียน “ท่านอาจารย์ ให้ข้าววัดชีพจรให้ท่านเถอะขอรับ ให้ศิย์ได้ดูเสียหน่อยว่าสายเลือดมังกรนั้นเป็นอย่างไร”

เหลิ่งชิงฮวนกลอกตา “งั้นเจ้าก็ควรไปขอความรู้จากตาแก่ลึกลับที่อยู่ที่หอดูดาวนั่นสิ นี่ถือเป็นปัญหาเรื่องฮวงจุ้ย”

หมอหนุ่มได้ปล่อยลิงที่อยู่บนบ่าลงมา แม่หวัง แม่นมเตียวและคนอื่นเห็นแล้วก็เอาถั่วลิสงเข้าไปหลอกล่อ ส่วนเธอนั้นก็นั่งพูดคุยอยากเพลิดเพลิน

หมอหนุ่มพูดเสียงเบา “อาหารการกินของพระชายาในแต่ละวันนั้นต้องระวังนะขอรับ”

เหลิ่งชิงฮวนรู้ดีว่าเขาไม่มีทางพูดด้วยเปื่อย “มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆเถอะ ไม่ต้องทำลับๆล่อๆ มีหลายเรื่องที่เจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจ”

“นางให้เจ้าไปทำอะไร ทำไมถึงต้องไปขอหญ้าฝรั่นที่หมอด้วยตัวเอง”

แม่หวังรู้สึกผิด เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ทำไมพระชายาของเธอถึงได้รู้ได้กันนะ ดูท่าแล้วนางคงมีหูตาไม่น้อยอยู่ในจวน

ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าปิดบังเลยแม้แต่นิดเดียวและสารภาพกับเหลิ่งชิงฮวน

“ภายหลังแม่จ้าวได้บอกบ่าวว่าที่ประจำเดือนท่านไม่มาน่าจะเป็นเพราะว่าช่วงนั้นโกรธกับท่านอ๋อง เลือดลมเลยเดินได้ไม่ดี บ่าวจึงได้ไปขอหญ้าฝรั่นมาจากท่านหมอเพื่อที่จะเอาต้มโจ๊กให้พระชายาเจ้าค่ะ”

ขอพูดจบ ตัวของเธอก็ชะงักไปแล้วคุกเข่าลงเสียงดัง “ตุบ” “คุณหนูไว้ชีวิตเราด้วย ในตอนนั้นบ่าวไม่ทราบจริงๆว่าคุณหนูได้ตั้งครรภ์แล้ว เอ้าคิดดูแล้วมันก็เป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าสอดมือเข้าไปทำเรื่องแบบนี้หรอกเจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงฮวนแยกไม่ออกทันทีว่าที่แม่จ้าวพูดนั้นเป็นจริงหรือไม่ ที่จริงแล้วนางได้ลอบส่งข่าวให้กับเหลิ่งชิงหลางหรือไม่ หรือจะไม่ได้ตั้งให้ข่าวแพร่ออกไปจนถูกแม่จ้าวเอาไปใช้ประโยชน์

วันนี้กระดาษที่ปิดหน้าต่างอยู่นั้นได้ฉีกขาดแล้ว

เธอนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งและถอดเครื่องประดับออก ปล่อยผมยาวของเธอสยายลงมา

“ด้วยประสบการณ์ของหมิงเย่ว์ ข้าเชื่อว่าแม่จ้าวไม่ได้เลอะเลือนแบบนั้นที่จะขายนายตัวเองได้”

เกี่ยวกับเรื่องของหมิงเย่ว์นั้น แม่จ้าวเองก็เคยได้ยินมา หมิงเย่ว์ได้ประโยชน์จากจินอี๋เหนียงโดยขายชีวิตไปทำร้ายผู้คนแทนนาง สุดท้ายก็ถูกกำจัดทิ้งแต่ไม่ตาย ชีวิตของเขานั้นถูกตระกูลจินจัดการไปก่อนแล้ว เนื่องจากมองว่ากันไว้ดีกว่าแก้

เห็นได้ชัดว่าเหลิ่งชิงฮวนกำลังเตือนเธอว่าอย่ามาทำเรื่องที่ผิดต่อเธอเป็นอันขาด

แม่หวังนึกถึงคำพูดที่แม่จ้าวนำมาข่มขู่แล้ว ทั่วทั้งร่างของเธอก็มีเหงื่อเย็นไหลซึมออกมา “บ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงฮวนถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “ข้ารู้ ก่อนหน้านี้จินซื่อใช้หนังสือทาสของเจ้ามาบีบบังคับ ต้องเคยทำอะไรที่ผิดต่อข้ามาก่อนแน่ ดังนั้นนี่จึงเป็นความลับที่เหลิ่งชิงหลางกุมเอาไว้แล้วนำมาบีบบังคับเจ้า?”

แม่หวังตัวแข็งไปเล็กน้อย เธอรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา