ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 2

“ช้าก่อน!”

ท่ามกลางฝูงชนที่กำลังด่าทอ หญิงชราผมสีเงินก็เดินถือไม้เท้าค่อยๆ เดินมาที่หน้าประตูจวนอ๋องฉีพร้อมกับคนรับใช้ที่คอยพยุง

ริมฝีปากเรียวของมู่หรงฉีเหยียดยิ้ม “เสด็จยาย”

ผู้ที่มาคือยายของมู่หรงฉี เหล่าไท่จวินแห่งจวนอันกั๋วกง

“ นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น?” หญิงชราเหลือบมองรอยเลือดบนพื้น รู้สึกบีบรัดหัวใจ ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นสีเข้ม ลมหายใจติดขัด “ทำไมไม่รีบให้คนพาพระชายาเข้าไปในจวน ตามหมอมาหรือยัง?”

“นางไม่คู่ควรกับจวนของหลาน!” น้ำเสียงของมู่หรงฉีไร้ซึ่งข้อกังขา

เหลิ่งชิงฮวนระงับความเจ็บปวดในใจของเธอและหายใจเข้าลึกๆ "ขอบคุณเหล่าไท่จวินสำหรับความเมตตา แต่ท่านอ๋องไม่อยากอภิเษก ชิงฮวนเองก็ไม่อยาก เช่นนั้นก็ขอลาเพคะ"

เธอเชิดคางขึ้นอย่างดื้อรั้นและจ้องมองเหลิ่งชิงหลางที่เกาะอยู่ข้างมู่หรงฉีด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะหันไปสั่งโตวโตว "ไปกันเถอะ"

โตวโตวตกตะลึง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคุณหนูผู้อ่อนแอและถูกรังแกอยู่เสมอจึงกลายเป็นคนที่เฉียบแหลมและไม่ยอมคนได้ขนาดนี้ แต่พวกเธอจะไปไหนได้? ลูกสาวที่แต่งงานแล้วก็เหมือนน้ำที่ถูกสาดออกไป จวนมหาเสนาบดียังจะมีที่ให้พวกเธออีกหรือ?

เหล่าไท่จวินใช้ไม้ค้ำเคาะพื้น "ไร้สาระ คิดว่าการแต่งงานเป็นเรื่องเล็กน้อยเหรอ? นี่คือการอภิเษกที่ไทเฮาทรงพระราชทานให้ เจ้าจะยกเลิกด้วยคำพูดเช่นนี้ได้อย่างไร? ฉีเอ๋อร์ เจ้ามัวทำอะไรอยู่? "

มู่หรงฉีก้มศีรษะลงและมองไปที่เหลิ่งชิงหลางที่กำลังร้องไห้ราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน "ตำแหน่งพระชายาอ๋องฉีเดิมทีก็เหมาะกับคุณหนูรองตระกูลเหลิ่ง ดังนั้นยกเลิกงานอภิเษกจึงเป็นการดี"

“ชายากับสนมต่างกัน อย่างไรเสียก็ดีกว่านางที่ไร้คุณธรรม”

เหล่าไท่จวินกำลังจะพูด แต่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกไม่สบาย มือกำหัวใจแน่น ดวงตากลอกไปมา ก่อนที่มือและเท้าจะเริ่มกระตุก

สีหน้าของมู่หรงฉีเปลี่ยนไป เขารีบก้าวเข้าไปกอดเหล่าไท่จวินที่เป็นลมไว้ “เสด็จยาย เป็นอะไรไป”

“เมื่อครู่มีประทัดปลิวมาตกใต้เท้าเหล่าไท่จวินก่อนจะระเบิด นางบอกว่าตกใจจนเจ็บหน้าอก แต่กินยาไปแล้ว ทำไมถึงยังมีอาการรุนแรงอยู่” แม่นมที่คอยรับใช้นางรายงานอย่างกะพร่องกระแพร่ง

หมอประจำตระกูลที่อยู่ด้านข้างรีบเข้ามาตรวจดูชีพจรก่อนจะตกใจสั่นกลัว “นี่ นี่…”

“รีบช่วยสิ นี่อะไร?” มู่หรงฉีเอ่ยเร่งอย่างโมโห

หมอรวบรวมความกล้าก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “วิตกกังวลมากเกินไปจนโรคเก่ากำเริบขอรับ กระหม่อมไม่ชำนาญโรคนี้”

แม่นมที่คอยรับใช้ร้อนรนจนเม็ดเหงื่อผุดบนหน้าผาก “ถ้ารักษาไม่ได้ก็รีบส่งเหล่าไท่จวินกลับจวนเถอะเจ้าค่ะ หมอประจำจวนเคยบอกว่าหากอาการกำเริบต้องทำการรักษาทันที ห้ามปล่อยไว้นานไม่เช่นนั้นอาจถึงชีวิตได้”

เหลิ่งชิงฮวนที่หันกลับออกไปแล้วเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายด้านหลังว่าให้เตรียมรถม้าก็ลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพยายามเกลี้ยกล่อมเธอ "หากฮูหยินเฒ่าเป็นโรคหัวใจ ห้ามเคลื่อนไหวเด็ดขาด!"

มู่หรงฉีเพียงแค่เหลือบตามองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ “หลบไป!”

เหลิ่งชิงฮวนกำมือแน่นก่อนจะหันกลับไปมองมู่หรงฉีนิ่งๆ “เรื่องเกี่ยวพันถึงชีวิตเช่นนี้ข้าไม่ได้ล้อเล่นหรอกนะ ถ้าท่านอยากจะช่วยฮูหยินเฒ่าก็ช่วยลืมบุญคุณความแค้นระหว่างเราไปก่อนแล้วฟังข้า รีบสั่งให้ฝูงชนสลายตัว ผ่อนปกเสื้อและเข็มขัดของท่านฮูหยินเพื่อให้นางหายใจได้สะดวกขึ้น”

“เหล่าไท่จวินป่วยหนักจะมาทำเล่นๆ แบบนี้ไม่ได้ ท่านพี่ไม่ได้มีความรู้ด้านการแพทย์อย่าได้ทำอะไรมั่วๆ เลย” เหลิ่งชิงหลางเอ่ยอย่างมีเหตุผล

มู่หรงฉีโกรธจัด ดวงตาเย็นยะเยือกของเขาหรี่ลง “ถ้ายังไม่รีบไป อย่าหาว่าข้าไม่ปรานีก็แล้วกัน!”

ความใจดีของเหลิ่งชิงฮวนกลับไม่ได้รับความสนใจ เธอรู้ดีว่าต่อให้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์จึงได้แต่ฝากความหวังไว้ที่หมอ “รีบหาวิธีช่วยคนสิ”

เหลิ่งชิงฮวนอยากจะไม่สนใจ แต่อาการโรคหัวใจกำเริบของเหล่าไท่จวินนั้นก็เป็นสิ่งที่เธอจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ นอกจากนี้คำพูดของเสิ่นหลินเฟิงนั้นก็จริงใจ ดังนั้นเธอจึงฝืนความรู้สึกไม่สบายในร่างกายของเธอ ก้าวไปข้างหน้าและคุกเข่าลงต่อหน้าเหล่าไท่จวิน ยื่นมือออกไปรับเข็มมาจากหมอ แล้วแทงเข้าจุดสำคัญหลายจุดอย่างชำนาญและแม่นยำ สะบัดนิ้วเบาๆ เข็มเงินก็ส่งเสียง "ฟิ้ว" ทันทีทีละอัน

หมอตะลึงงัน “เข็มภมร เป็นไปได้อย่างไร?”

ทันใดนั้นฝูงชนก็กระซิบกระซาบกัน "เป็นไปไม่ได้! ว่ากันว่าหมอแปลกหน้าใช้เข็มภมรทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้ อีกทั้งวิชานี้ก็ไม่ได้รับการสืบทอดและหายไปเป็นร้อยปี นางเป็นแค่ผู้หญิงที่ไม่เคยออกจากเรือน ทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน”

เหลิ่งชิงฮวนอ่อนแรงไปทั้งตัว เหงื่อเย็นไหลซึมออกมาจากหน้าผากของเธอร่างกายโอนเอนไปมา

รัชทายาททนดูต่อไปไม่ไหว “พระชายา ท่าน…”

เหลิ่งชิงฮวนเช็ดเหงื่อออกจากศีรษะ ส่ายหน้าด้วยความยากลำบาก เธอรู้สึกวิงเวียนไม่สามารถยืนขึ้นได้จริง เธอยันพื้นด้วยมือข้างหนึ่งและอีกข้างก็กำลังฝังเข็มพลางกัดฟันแน่น

รอบข้างเงียบสงบลง มีเพียงเสียงของเข็มภมร

เหลิ่งชิงหลางยังคงอยู่ข้างๆ มู่หรงฉีเอ่ยปลอบโยนนางอย่างนุ่มนวล พลางมองไปที่แผ่นหลังที่ดื้อรั้นของเหลิ่งชิงฮวน มือในแขนเสื้อกำแน่น เขาเม้มริมฝีปากแต่ไม่พูดอะไร

เวลาผ่านไปอีกครึ่งถ้วยชา เหลิ่งชิงฮวนปักเข็มลงไปที่เส้นเลือดที่คอของเหล่าไท่จวิน ก่อนจะถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก "ในขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้อง..."

พูดยังไม่ทันจบด้านหน้าก็มืดสนิท ร่างทั้งร่างโอนเอนลงไปกองอยู่กับพื้น

เธอได้ยินเสียงเอะอะแว่วๆ ที่ข้างๆ “ฟื้นแล้ว เหล่าไท่จวินฟื้นแล้ว”

เธอจึงวางใจและหมดสติไปในความมืดมิด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา