ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 3

ราวกับฝันแต่ไม่ใช่ความฝัน เหลิ่งชิงฮวนที่ยังไม่ได้สติย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ครั้งที่แม่บุญธรรมพาเธอและเหลิ่งชิงหลางไปถวายเครื่องหอมให้กับภิกษุณีที่สำนักแม่ชีหนานซาน แต่เพราะฝนตกพวกเธอจึงค้างคืนที่บนเขา

เธอคุกเข่าต่อหน้ารูปปั้นเจ้าแม่หนี่ว์วา ปิดเปลือกตาลงและสวดภาวนาให้พี่ชายที่ป่วยติดเตียงของเธอ กลิ่นไม้จันทน์บนโต๊ะกำยานหอมฟุ้งออกมา

ก่อนหน้านี้เธอดื่มเหล้า เธอรู้สึกว่าสติของเธอค่อยๆ ดับลงและร่างกายก็อ่อนแรง

เสียงฝีเท้าลับๆ ล่อๆ และเสียงกระซิบกระซาบของชายฉกรรจ์ดังอยู่ด้านนอกอุโบสถ เธอตกใจรีบลุกขึ้นจะเข้าไปหลบข้างในห้อง

ทันใดนั้นเทียนก็ดับลง รอบด้านมืดสนิท จู่ๆ เธอก็ถูกดึงเข้าไปอยู่อ้อมแขนของคนแปลกหน้า ริมฝีปากของเธอถูกปิดเอาไว้ ก่อนที่บุรุษผู้นั้นจะพาเธอกระโดดขึ้นไปบนหลังคาและเหาะไปที่บริเวณด้านหลังเขา

กลิ่นบัวหิมะที่ชัดเจนออกมาจากตัวของชายหนุ่ม ทำให้เธอกอดรัดที่เอวเขาราวกับเถาวัลย์

สายฟ้าแลบผ่านไปทำให้เธอมองเห็นเพียงใบหน้าครึ่งซีกของเขาที่ถูกปกปิดด้วยหน้ากากอินทรีและคิ้วเรียวที่ขมวดแน่นสัญลักษณ์บัวแดงแห่งความบริสุทธิ์ของบุตรีตระกูลเหลิ่งค่อยๆ จางหายไป

เธอจำได้เพียงแค่ว่าชายหนุ่มเอ่ยถามเธอเสียงแหบแห้งว่า “เจ้าเป็นใคร”

เสียงของเธอติดๆ ขัดๆ “เหลิ่ง…ชิง…”

คำพูดสองคำด้านหลังถูกกลืนหายไปเพราะความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง

ค่ำคืนนั้นนกนางแอ่นร่ำร้อง ดอกฟูจิล้อไปกับสายฝน กลีบดอกร่วงหล่นสู่พื้นดิน

หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าเธออยู่ในห้องทำสมาธิที่ไม่คุ้นตา สัญลักษณ์บัวแดงแห่งความบริสุทธิ์ของเธอหายไปไม่เหลือร่องรอย เหลือเพียงกลีบดอกฟูจิและความชื้นของสายฝนที่หลงเหลืออยู่บนเส้นผมเธอ

แม่บุญธรรมและเหลิ่งชิงหลางตามรอยเธอไปทั่ว

ฝันร้ายนี้หลอกลอนเหลิ่งชิงฮวนมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว แม้ว่าแม่บุญธรรมและเหลิ่งชิงหลางจะพยายามซักไซ้แต่เธอก็มักจะอ้างว่าหลงทาง แต่การสูญเสียบางอย่างไปกลับทำให้เธอรู้สึกเศร้าใจมาจนถึงทุกวันนี้

ศีรษะของเธอมึนงงและปวดร้าว ราวกับว่ามีใครกำลังกระซิบกระซาบอยู่ที่ข้างหูเธอ เหลิ่งชิงฮวนที่หมดสติไปลืมตาขึ้นมา หัวใจ คอ และหลังของเธอเจ็บปวดไปหมด สาวรับใช้โตวโตวร้องไห้อยู่ด้านหน้าของเธอจนตาบวมไปหมด

รอบข้างมีโต๊ะและเก้าอี้ที่ชำรุดทรุดโทรม บนคานปกคลุมไปด้วยใยแมงมุม เธอใช้เวลาพักใหญ่จึงรู้ว่าตัวเองเพิ่งผ่านเหตุการณ์เฉียดเป็นเฉียดตายมา ประจวบกับความฝันเมื่อครู่ทำให้เธอปิดเปลือกตาลงอีกครั้งด้วยความหงุดหงิด

โตวโตวคิดว่าเธอหมดสติไปอีกครั้งจึงรีบพยุงตัวเธอขึ้นมาเขย่า “คุณหนู คุณหนู? อย่าทิ้งโตวโตวไปนะเจ้าคะ”

บาดแผลฉกรรจ์ตรงบริเวณหน้าอกทำให้เธอต้องส่งเสียงร้องออกมาและยอมรับว่าเธอทะลุมิติมาแล้ว “ข้าอยู่ที่ไหน?”

“จวนอ๋องฉีเจ้าค่ะ คุณหนูหมดสติมาสามวันแล้ว” โตวโตวสูดจมูก พลางมองเตียงที่ทรุดโทรมก่อนจะเอ่ยอย่างเจ็บปวด “แต่ว่าอยู่ในร้านขายของชำ ท่านอ๋องบอกว่าปล่อยให้คุณหนูดูแลตัวเอง ห้ามให้ใครมาดูแลทั้งนั้น”

เหลิ่งชิงฮวนมองดูบาดแผลตรงบริเวณหน้าอกของเธอที่ถูกพันไว้อย่างงุ่มง่ามด้วยฝีมือของโตวโตว ข้านี่โชคดีจริงๆ

เธอหัวเราะออกมา “ไม่กลัวว่าข้าจะทำให้จวนอ๋องของเขาสกปรกอีกหรือไง”

“กลัวสิ” น้ำเสียงเสียดสีดังขึ้นมาจากนอกประตู “ถ้าไม่ใช่เพราะรัชทายาทเสิ่นขอร้องให้เจ้า บอกว่าเพราะอาการของเหล่าไท่จวินยังไม่ทรงตัวต้องให้เจ้ารักษานางต่อ ไม่งั้นเจ้าก็คงตายอยู่ที่หน้าจวนไม่มีใครสนใจไปแล้ว”

เหลิ่งชิงฮวนหรี่ตา “เหลิ่งชิงหลาง!”

เหลิ่งชิงหลางสวมชุดสีแดงเลือดนกปักลายหรูอี้พร้อมกับหยกห้อยที่เข้ากันเดินเข้ามาด้านใน เธอใช้ผ้าคลุมหน้าปิดจมูกของเธอด้วยความขยะแขยง “ท่านพี่โชคดีจริงๆ ยังตื่นขึ้นมาได้อีก”

เหลิ่งชิงหลางหัวเราะอย่างได้ใจก่อนจะเหลือบมองเธอและโตวโตวด้วยสายตาเหยียดหยาม “ออกมาจากปากข้าเข้าหูเจ้า ออกมาจากปากเจ้าใครเขาจะเชื่อ? เหลิ่งชิงฮวน เจ้าอย่าลืมสถานะของเจ้าในตอนนี้สิ เจ้าทำให้ตระกูลอับอาย ทำให้ท่านอ๋องเกลียด ผู้คนต่างรุมประณาม เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะมีทางรอดหรือ”

นิ้วที่ทาเล็บสีดอกเทียนบ้านของเธอลูบลงบนใบหน้าขาวซีดของเหลิ่งชิงฮวน “แค่ข้ากลับไปรายงานท่านพ่อ ข้าเชื่อว่าเขาย่อมยินดีให้ข้าส่งเจ้าออกไป ตายแล้วย่อมดีกว่าถูกทิ้ง อย่างน้อยก็ยังสามารถรักษาชื่อเสียงของจวนมหาเสนาบดีให้สะอาดได้” โตวโตวตกใจจนหน้าถอดสี รีบรุดเข้าไปคุกเข่าทันที “ท่านอย่าพูดจาเหลวไหล ปล่อยคุณหนูของข้านะ”

หลังจากนั้นร่างของโตวโตวก็ลงไปกองอยู่กับพื้น

“ไสหัวไป! เจ้าไม่มีสิทธิ์พูด!”

จู่ๆ ดวงตาของเหลิ่งชิงฮวนก็ฉายแววเย็นชา เธอคว้าข้อมือของเหลิ่งชิงหลางก่อนจะออกแรงทั้งหมดจนเกิดเสียง “กร็อบ” ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของเหลิ่งชิงหลาง “กรี๊ด”

เหลิ่งชิงฮวนกัดฟันพูดทีละคำ “ลองแตะต้องนางดูอีกสิ!”

เหลิ่งชิงหลางไม่ทันได้ตั้งตัว เธอไม่คิดว่าคนที่เพิ่งบาดเจ็บมาขนาดนั้นจะมีแรงมากมายขนาดนี้ น้ำเสียงเย่อหยิ่งของเธอเปลี่ยนเป็นคำอ้อนวอนทันที “ท่านพี่ ข้าไม่กล้าแล้ว ได้โปรดปล่อยข้าเถิด”

ประตูห้องถูกเตะเปิดออกจากด้านนอก มู่หรงฉีเข้ามาราวกับลมกรรโชก เขาเข้ามาจับข้อมือของเหลิ่งชิงฮวนด้วยมือที่แข็งราวกับคีมเหล็ก “เหลิ่งชิงฮวน รนหาที่ตายนัก!”

รู้สึกเจ็บปวดเสียจนเหลิ่งชิงฮวนร้องครวญครางออกมาและต้องยอมปล่อยมือของเหลิ่งชิงหลาง เหงื่อเย็นไหลออกมาเพราะความเจ็บปวด ข้อมือของเธอแทบจะหัก

เหลิ่งชิงหลางพุ่งตัวเข้าไปในอ้อมแขนของมู่หรงฉีพร้อมกับร้องอย่างออดอ้อน ร่างกายของเธอสั่นเหมือนใบไม้ร่วง "ท่านอ๋อง ช่วยหม่อมฉันด้วย!"

มู่หรงฉีสะบัดเหลิ่งชิงฮวนออกไปและมองลงไปที่เหลิ่งชิงหลางในอ้อมแขนของเขาอย่างเจ็บปวดใจ “ก่อนมาข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าให้อยู่ห่างจากนางสตรีบ้าผู้นี้ แต่เจ้ายังมีจิตใจงดงามมาเยี่ยมนาง ซ้ำยังเปิดโอกาสให้นางทำร้ายเจ้าอีก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา