ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 4

เหลิ่งชิงหลางกัดริมฝีปากล่างของเธอแน่นและเงยหน้าขึ้นอย่างน่าสงสาร "ข้าไม่วางใจอาการบาดเจ็บของท่านพี่จึงมาเยี่ยมนางและอยากให้นางยอมจำนนต่อท่าน ข้าไม่อยากเห็นท่านต้องโกรธเคือง แต่ใครเล่าจะรู้ ว่าท่านพี่จะ…”

ดวงตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตาเหลือบมองไปที่ของใต้หมอนของเหลิ่งชิงฮวน

เหลิ่งชิงฮวนก้มลงไปมองก็พบว่าใต้หมอนของเธอมีพัดและจี้หยกโผล่ออกมาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นของของบุรุษ

มู่หรงฉีมีสีหน้าบึ้งตึง เขาก้าวไปข้างหน้าหยิบพัดขึ้นมาและกางออก แต่มองเพียงแวบเดียวสีหน้าก็ย่ำแย่กว่าเดิมก่อนจะเอ่ยอย่างเย็นชา “ช่างเป็นบทกวีที่น่ารังเกียจสิ้นดี เหลิ่งชิงฮวน เมื่อวานข้าไม่ควรช่วยเจ้าเลยจริงๆ!”

โตวโตวเป็นคนแรกที่เอ่ยปากแทนเหลิ่งชิงฮวน เธอชี้นิ้วไปที่เหลิ่งชิงหลาง "นี่ไม่ใช่สมบัติของคุณหนูข้า เห็นได้ชัดว่านางใส่ความ อีกอย่างเมื่อครู่นางยังจะเข้ามาฆ่าคุณหนูของข้าด้วยซ้ำ!"

“พี่สาวแข็งแกร่งขนาดนี้ ตัวข้าไร้อาวุธ อีกทั้งยังมาคนเดียว จะไม่เป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยนไปหน่อยเหรอ”

เหลิ่งชิงฮวนหยิบพัดขึ้นมาโดยไม่ได้มอง เงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มเยาะเย้ย "มู่หรงฉี หม่อมฉัน เหลิ่งชิงฮวนต้องโง่เง่าแค่ไหนถึงได้พกพัดที่มีบทกวีรักไว้ข้างกาย? ท่านอยากจะยกเลิกงานแต่งไม่ใช่เหรอ? หม่อมฉันเองก็เหมือนกัน แล้วท่านจะเข้ามายุ่งเรื่องนี้ทำไม"

มู่หรงฉีกัดฟันกรอด “ดี เจ้ากล้าเข้าวังไปขอหย่าพร้อมกับข้าตอนนี้เลยหรือไม่”

เหลิ่งชิงฮวนระบายยิ้ม “ทำไมจะไม่กล้าเล่า”

โตวโตวที่อยู่ด้านหลังกระตุกชายเสื้อของเธอพลางเอ่ยเสียงเบา “อย่านะเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงฮวนเข้าใจว่าการนอกใจของผู้หญิงมีความหมายอย่างไรต่อราชวงศ์ แม้จะรอดจากปากเหยี่ยวปากกาแต่กระดาษย่อมไม่สามารถดับไฟได้ และเหลิ่งชิงฮวนจะไม่มีวันยอมปล่อยมันไปง่ายๆ แทนที่จะอยู่เฉยๆ รอให้ข่าวลือแพร่สะพัดออกไปพร้อมกับพระราชกฤษฎีกาลงโทษ ไม่สู้เป็นฝ่ายเข้าไปในวังเอง อย่างน้อยก็อาจจะพอมีโอกาสได้เจอกับไทเฮาและขอโอกาสให้ตัวเธอ

ร่องรอยของความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหลิ่งชิงหลาง "แต่ท่านพี่ยังบาดเจ็บอยู่ ท่านอ๋อง หม่อมฉันว่าให้นางพักฟื้นอีกสักสองสามวันก่อน หม่อมฉันกลัวว่านางจะโกรธจนพูดคำที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าไทเฮาและอาจจะส่งผลต่อท่านในอนาคตได้"

พักฟื้นสองสามวัน? สถานการณ์ตอนนี้เธอจะมีชีวิตรอดไหมยังไม่รู้ เธอจะยอมให้มีโอกาสกลับตัวได้อย่างไร?

เหลิ่งชิงฮวนยกยิ้มเย็น “ความหมายของน้องสาวของหม่อมฉันก็คือให้ท่านอ๋องฉวยโอกาสสังหารหม่อมฉันในตอนที่บาดเจ็บเสีย เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาและจะได้ไม่มาขัดขวางการขึ้นเป็นพระชายาของนาง”

เหลิ่งชิงหลางน้ำตาไหลทันที "ท่านพี่เข้าใจข้าผิดอีกแล้ว ข้า..."

มู่หรงฉีลูบหลังเธอเพื่อปลอบใจเธอ ก่อนจะมองไปที่เหลิ่งชิงฮวนด้วยความขยะแขยงและหันหลังเดินจากไป "ข้าจะรอเจ้าอยู่หน้าจวน จำไว้ ห้ามพูดจาเหลวไหลต่อหน้าไทเฮา! "

เหลิ่งชิงหลางเดินตามหลังมู่หรงฉีและหันกลับมายิ้มอย่างผู้ชนะ ริมฝีปากสีแดงเปิดออกเบาๆ และพูดอย่างไร้เสียง "คิดจะสู้กับข้าเหรอ คอยดูเถอะ!"

เหลิ่งชิงฮวนหรี่ตาที่เฉียบคมของเธอ “โตวโตว เปลี่ยนชุด!”

ปิ่นปักผมสีทองแบบเรียบๆ ผสมกับชุดกงจวงที่รัดเอวคอดกิ่วของเธอทำให้เหลิ่งชิงฮวนที่หน้าซีดตัวตรงขึ้นมาทันที เธอก้าวออกมาจากประตูจวนอ๋องฉีทีละก้าวอย่างภาคภูมิ ภายใต้การประคองของโตวโตว

มู่หรงฉีไม่คิดที่จะนั่งรถม้าคันเดียวกันกับเธอ เขาขึ้นขี่ม้า สวมเสื้อผ้าสีเขียวเข้มเช่นเดียวกับกวานหยกบนศีรษะ รูปร่างสูงตระหง่าน แม้แต่แสงแดดของวสันต์ฤดูที่สดใสก็เคล้าคลอไปกับคิ้วเรียวของเขา ทำให้คิ้วและดวงตาของเขาดูอบอุ่นขึ้น

เหลิ่งชิงฮวนเดินลงบันไดด้วยท่าทางสะโอดสะอง มู่หรงฉีเบือนหน้าหนีเพียงรู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาสง่างามแต่ไม่ฉูดฉาด สดใสแต่ไม่โอ้อวด อาศัยท่าทางที่ธรรมดาของเธอทำให้ความเปล่งปลั่งของจวนอ๋องจืดชืดไปทันตา

เหมือนกับมีพลังเวทมนตร์ที่มองไม่เห็นอยู่ในเสียงของเธอ สตรีนางนั้นตะลึงจากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างเชื่อฟังและก้าวไปข้างหน้า ด้วยออร่าของมู่หรงฉีทำให้ชาวบ้านเข้าใจได้ทันทีว่าเธอมีฐานะสูงส่งจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปขวาง

เหลิ่งชิงฮวนตรวจชีพจรของหญิงสาว ก่อนจะถามคำถามสองสามข้อด้วยเสียงแผ่วเบา จากนั้นพูดอย่างหนักแน่น "เจ้าแค่มีของเหลวในช่องท้อง หรือว่าเจ้าไม่ได้เชิญหมอให้มาตรวจดู? "

สตรีนางนั้นตกใจจนเบิกตากว้าง “แต่ก่อนหน้านี้ข้าอาเจียนจึงไม่กล้าไปหาหมอ”

“ที่คอของเจ้าเห็นเส้นเลือดดำชัดเจน นั่นเกิดจากการสะสมของของเหลวในช่องท้องที่เกิดจากโรคตับ จึงมีอาการคล้ายกับการตั้งครรภ์ด้วย”

สตรีนางนั้นไม่ได้กังวลว่าอาการของนางจะรักษาได้หรือไม่ เธอหลั่งน้ำตาแห่งความปิติยินดีและตะโกนราวกับคนบ้า "ได้ยินไหม? ข้าไม่ได้ละเมิดจรรยาข้อไหนเลย!"

ผู้คนข้างๆ ตะคอกอย่างเหยียดหยาม "ใครจะไปเชื่อคำพูดของนางคนเดียวล่ะ นางไม่ใช่หมอเสียหน่อย"

“ใช่ๆ ถึงกระนั้นก็พิสูจน์ไม่ได้ว่านางบริสุทธิ์ มีคนเห็นชายป่าปีนกำแพงบ้านเข้าไปหานางดึกๆ ดื่นๆ ไม่ใช่หรือ?”

คนพูดมากๆ เข้า จากข่าวลือก็กลายเป็นข่าวจริง หลายคนยังมีท่าทางรังเกียจต่อข่าวลือที่ได้ยินเหล่านั้น

สีหน้าของสตรีนางนั้นย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ดวงตาของเธอหลุกหลิก เธอจับจ้องไปที่มีดแล่กระดูกอันแหลมคมบนแผงขายเนื้อข้างๆ และรีบลุกขึ้นไปคว้ามันไว้ในมือ

ท่ามกลางเสียงร้องโวยวายของชาวบ้าน เหลิ่งชิงฮวนเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นเล็งไปที่ท้องของนาง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา