ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 21

เกรงว่าสตรีผู้จะถูกสิงร่างเข้าแล้ว? อีกทั้งคงบาดเจ็บสาหัสไม่น้อยเลย

มู่หรงฉีดึงเหลิ่งชิงฮวนออกด้วยท่าทางรังเกียจ แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเหลิ่งชิงฮวนจะจับแขนเขาไว้แน่น อีกทั้งร่างทั้งร่างของนางยังโถมมาที่ตัวเขา ความอ่อนนุ่มของหน้าอกกดลงบนท่อนแขนแกร่ง ท่าทางอ้อนแอ้นของนางทำให้เขารู้สึกถึงความแปลกใหม่ไม่คุ้นเคย

“หึงหวงงั้นเหรอ? ใจแคบเสียจริง!” เหลิ่งชิงฮวนเงยหน้าขึ้นและหยอกล้อเขาอย่างเสน่หา จากนั้นก็เอียงศีรษะก่อนจะหรี่ตากระซิบข้างหู "ช่วยไว้หน้าหม่อมฉันหน่อยจะได้ไหมเพคะ"

เสียงนั้นนุ่มนวลและไพเราะ ลมหายใจหอมราวบุปผาลอยเข้าไปภายในหูของเขา เขารู้สึกร้อนและคันยุบยิบ ขณะเดียวกันเหลิงชิงฮวนก็ยกมือขึ้นมาบีบหน้าอกเขา

มู่หรงฉีเกือบจะกระโดดหนี

นี่นางกำลังล่อลวงเขางั้นรึ?

จู่ๆ มู่หรงฉีก็มีอาการใจสั่นกระสับกระส่ายเหมือนกวางน้อย เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองก่อนจะกัดฟันตะโกน "ออกไป!"

“ขี้งกจริงๆ หนำซ้ำยังมาดุแบบนี้อีก หม่อมฉันก็แค่ห่วงเล่นจนไม่อยากกลับจวนก็เท่านั้นเองนะเพคะ”

เหลิ่งชิงฮวนไม่ปล่อยมือ มองเข้าไปในนัยน์ตาของเขาที่มีความอ่อนโยนที่ไม่สามารถปฏิเสธได้อยู่ ราวกับกวางน้อยที่ตกไปอยู่ในมือของนักล่า เสียงของนางนุ่มนวลเหมือนริ้นไร "ได้โปรดนะเพคะ"

เมื่ออยู่ต่อหน้าเขานางคือตะปูอันน้อยที่ส่องแสงประกายอยู่เสมอ แต่คราวนี้กลับออดอ้อนเช่นนี้ นางกำลังวางแผนอะไร?

ไฟโมโหในใจของมู่หรงฉีปะทุมากกว่าเดิม เขากัดฟันระงับความอยากที่จะเตะนางให้กระเด็นออกไปไกล

เหลิ่งชิงเฮ่อยืนขึ้นด้วยความยากลำบากและยิ้มอย่างอบอุ่นให้กับมู่หรงฉี "ดูเหมือนนี่จะเป็นน้องเขยของข้าสินะ คารวะท่านอ๋องฉี"

มู่หรงฉีอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง น้องเขย? หรือเขาคือเหลิ่งชิงเฮ่อ เป็นลูกชายคนโตของจวนเสนาบดี? ได้ยินว่าเขามีพรสวรรค์มาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อปีที่แล้วเขาลาออกจากสถานศึกษาเพื่อกลับไปรักษาโรคที่จวน ไม่นึกเลยว่าเขาจะถูกทรมานจนกระดูกกระเดี้ยวผิดรูปผิดร่างเช่นนี้

เขารู้สึกว่าความโกรธที่อยู่ในท้องของเขาสลายไปในทันที เขาพยักหน้าให้เหลิ่งชิงเฮ่อเบาๆ เพื่อเป็นการทักทายโดยถือเป็นการไว้หน้าเหลิ่งชิงฮวน

เหลิ่งชิงฮวนยังคงวางใบหน้าของเธอให้แนบชิดอยู่กับมู่หรงฉี พยายามแสร้งทำเป็นแสดงความรักแต่เธอกลัวว่าหากเธอยังอยู่ต่อเจ้าประทัดนี้อาจจะระเบิดขึ้นมาตอนไหนก็ได้ ดังนั้นเธอจึงรีบเอ่ยถาม "จบงานแล้วท่านรีบกลับจวนดีหรือไม่? พวกเราไปกันเถอะ ท่านพี่ ไว้วันหลังข้าจะมาเยี่ยมท่านใหม่ ขอให้ท่านดูแลร่างกายให้ดี หากมีเรื่องเดือดร้อนอันใดก็ให้ส่งสารไปหาหลิงกวนเอ๋อร์”

เมื่อเห็นว่ามู่หรงฉีไม่ได้โหดร้ายอย่างที่เล่าลือกัน เหลิ่งชิงเฮ่อก็ตามใจน้องสาว รอยยิ้มบนหน้าฉีกกว้างขึ้น "น้องสาวเจ้าเองก็เช่นกัน แต่งเข้าเรือนผู้อื่นแล้วจะเอาแต่ใจมิได้ จะทำการใดก็ต้องคิดให้รอบคอบ"

เหลิ่งชิงฮวนพยักหน้าอย่างเชื่อฟังก่อนจะรีบดึงมู่หรงฉีออกไป รอจนไม่เห็นเงาของเหลิ่งชิงเฮ่อแล้วจึงปล่อยมือจากมู่หรงฉี ก่อนจะเช็ดมือที่เต็มไปด้วยเหงื่อลงกับชายกระโปรงและถอนหายใจราวกับยกภูเขาออกจากอก

มู่หรงฉีเห็นการกระทำของนางก็เอ่ยอย่างเย็นชา "เล่นละครจบเจ้าก็ถีบหัวส่งข้าเลยหรือ? "

เหลิ่งชิงฮวนเชิดหน้าขึ้นมองบุรุษตรงหน้าที่สูงกว่าเธอ “หม่อมฉันเหลิ่งชิงฮวนแยกแยะถูกผิดเสมอ ครั้งนี้ถือว่าหม่อมฉันติดหนี้บุญคุณท่านอ๋อง หม่อมฉันจะจำเอาไว้เพคะ”

“เจ้าจงใจตามข้ากลับมาที่จวนเพื่อที่จะพบหน้าพี่ชายเจ้าหรือ?”

“ถ้าไม่เช่นนั้นล่ะเพคะ? กลับจวนมาฟังท่านฟ้องเพื่อให้โดนโบย? หม่อมฉันยังไม่มีความคิดที่จะทำร้ายตัวเองเช่นนั้นหรอกนะเพคะ"

เหลิ่งชิงฮวนลูบไหล่ที่ถูกโบยเมื่อครู่ เจ็บไม่เบา ไม่คิดว่าท่านพ่อหูเบานี่จะลงมือจริงๆ

มู่หรงฉีสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของนางจึงเอ่ยถากถาง "เจ้าถูกโบยเพราะเจ้าทำผิด พฤติกรรมไม่ดี หากเหลิ่งเซียงรั่วลงโทษเจ้าอย่างเคร่งครัดเร็วกว่านี้ ลูกสาวที่เลี้ยงมาก็คงจะไม่ไร้ยางอายเช่นนี้"

“คนหน้าด้านอย่างท่านยังแต่งงานกับสองคนในครั้งเดียว ไม่เช่นนั้นเราจะลงเรือลำเดียวกันเช่นนี้หรือ? อีกทั้ง” เหลิ่งชิงฮวนกล่าวเสริม “หม่อมฉันและท่านต่างก็ร่วมมือกัน หม่อมฉันช่วยท่านตบตาเหล่าไท่จวิน แต่วันนี้ท่านกลับพังเวทีของหม่อมฉันต่อหน้าคนในตระกูล ทำให้หม่อมฉันถูกด่าทอ ท่านช่างโหดร้ายจริงๆ”

มู่หรงฉีก้าวเข้าไปประชิด กลิ่นบัวหิมะโอบอุ้มรอบตัวเหลิ่งชิงฮวนทำให้เธอตกใจจนลืมถอยหนี

“เขาไม่มา แล้วเจ้าจะไปหาเองไม่ได้รึ? แต่งตัวให้สวยสดงดงามถือน้ำแกงไปให้บ่อยๆ เข้าจะไม่มีโอกาสเลยหรือ? จริงสิ ในจวนท่านอ๋องฉีก็ต้องมีสาวใช้ห้องข้างใช่ไหม”

เหลิ่งชิงหลางก้มหน้า “ลูกให้จือชิวไปเสาะถามมาได้ความว่าตอนที่ท่านอ๋องฉีสวมกวาน พระสนมเสียนเฟยได้จัดเตรียมสาวใช้ห้องข้างไว้ให้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าท่านอ๋องเคยได้ลองใช้หรือไม่”

จินซื่อตบต้นขา "เช่นนั้นเจ้าก็ต้องเป็นคนแรก บุรุษมักจะประทับใจสตรีคนแรกของเขา ให้เขาได้รับรู้รสและเขาจะไม่มีวันทิ้งเจ้าไป"

“นอกจากนี้ระวังคนรอบข้างด้วย วันนี้เจ้าก็ได้เห็นนังคนหน้าด้านชิงเหยาแล้ว ในอนาคตเจ้าคงต้องใช้แผนการไม่น้อยเพื่อปีนขึ้นไป”

“แล้วก็จือชิว แม่ขอย้ำเตือนเจ้าอีกครั้ง นังเด็กรับใช้คนนั้นจิตใจดำ ต่างกับแม่จ้าวที่ให้สินเดิมกับเจ้า เวลาเจ้าอยู่ต่อหน้าท่านอ๋องก็อย่าให้นางออกนอกหน้านัก”

หลังจากพูดพล่ามเคี่ยวเข็ญอยู่เป็นเวลานาน นางก็ลุกจากเตียงไม้ หยิบกล่องเครื่องเคลือบสีแดงออกมาจากกล่องเก็บของ เปิดกุญแจ หยิบหยกแกะสลักยื่นมาตรงหน้าเหลิ่งชิงหลาง

"ทั้งหมดเป็นกล่องสินสอดทองหมั้น 8 ชิ้นที่แม่ใช้เป็นสินสอดตอนแต่งงาน เช่นนั้นบันทึกชีวิตประจำวันของตระกูลสูงศักดิ์กับหยกสลักนี้แม่ขอมอบให้เจ้า เจ้าควรจะเข้าใจเรื่องสามีภรรยา รองเท้าหยกนี้ก็มอบให้เจ้าด้วยเช่นกัน"

เหลิ่งชิงฮวนถือไว้ในมือพลางจับเล่น นางเห็นว่ารองเท้าหยกนั้นขนาดเล็กและประณีต ตัวรองเท้าเป็นสีชมพู พื้นรองเท้าทำจากทองแดง ปลายรองเท้าประดับผีเสื้อที่ถักทอด้วยทองเส้น รวมถึงกระดิ่งทองเล็กๆ ที่คมชัดและไพเราะ ดูสูงส่งและไม่ซ้ำใคร

“ของสิ่งนี้มีไว้ทำอะไรหรือเพคะ? แม้ว่าจะดูงดงามแต่เมื่อสวมไว้ที่เท้าแล้วเหยียบย่ำไปบนพื้น หยกชิ้นนี้จะไม่เสียหายหรือ”

จินซื่อยิ้มขำ “ย่อมไม่ให้เจ้าใส่ในชีวิตประจำวันอยู่แล้วต้องใช้เมื่ออยู่บนเตียงสิจึงจะมีเสน่ห์ เท้าดอกบัวที่แม่ห่อให้เจ้านั้นประณีตที่สุด เมื่อใส่รองเท้าหยกคู่นี้รองเท้าสีชมพูห่อหุ้มเท้าเล็กๆ ราวบัวหิมะมีหรือที่บุรุษจะไม่หมายปอง? ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะรู้ถึงความละเอียดอ่อน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงอย่างเหลิ่งชิงฮวนจะมีได้”

เหลิ่งชิงหลางเข้าใจในทันที นางอายจนใบหน้าขึ้นสีเหมือนผ้าสีแดง "ทำไมท่านแม่ถึงได้สอนเรื่องแบบนี้กับลูก? ลูกเคยบอกแล้วว่าเหลิ่งชิงฮวนไม่บริสุทธิ์ ท่านอ๋องฉีก็ไม่อยากจะมองหน้านาง เขาจะสัมผัสนางได้อย่างไร?"

จินซื่อนั่งลงข้างๆ ลูกสาวของเธอ "เจ้าแน่ใจหรือว่าเหลิ่งชิงฮวนเสียพรหมจรรย์ที่สำนักแม่ชี? นักเลงหัวไม้สองคนนั้นล้มเหลวไม่ใช่หรือ? หรือนอกจากสองคนนั้นแล้วยังมีบุรุษผู้อื่นอีก?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา