ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 217

เหลิ่งชิงฮวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง อย่างไรก็ตามตราประทับชาดมีความสำคัญอย่างยิ่ง แม้ว่าบุคคลนี้จะอ้างตัวว่าเป็นศัตรู แต่เธอไม่เคยพบเขามาก่อน ดังนั้นมันรีบร้อนไปหรือไม่ที่เอามันให้เขาแบบนี้

เธอจึงถามอย่างสงสัย “เจ้ากำลังพูดถึงสิ่งใด”

ผู้ดูแลไม่คิดว่าเธอจะปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะผงะเล็กน้อย “พระชายาเอกอ๋องฉีล้อกระหม่อมเล่นหรือขอรับ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าท่านเป็นคนมอบตราประทับชาดให้กับเจ้านายของกระหม่อมเอง”

“ตราประทับชาดน่ะมี แต่ทำไมข้าถึงต้องเชื่อเจ้า เจ้านายของเจ้าสายตาไม่ดีเอาเสียเลย ทำไมถึงมีคนไม่น่าเชื่อถืออยู่ข้างกายแบบนี้”

ผู้ดูแลพูดอย่างจริงจัง “เจ้านายของกระหม่อมบอกไว้ล่วงแล้วว่าหากพระชายาเอกสงสัยในตัวตนของกระหม่อม จึงฝากให้กระหม่อมมาบอกท่านว่าจะเว้นตำแหน่งภรรยาผู้สืบทอดไว้ให้ท่าน ท่านสามารถเปลี่ยนใจกลับไปเมื่อใดก็ได้”

หึ...ไร้ยางอายสิ้นดี

มู่หรงฉีให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวระหว่างคนทั้งสองอย่างเงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าพวกเขาใกล้เข้ามากขึ้นเรื่อยๆ พลางพูดพึมพำกันด้วยเสียงกระซิบ ทำให้เขาทนไม่ได้อีกต่อไป ก่อนจะก้าวขายาวเข้าไปหา กระแอมเบาๆพลางโยนเหรียญเงินใส่ผู้ดูแลถือเป็นออกคำสั่งขับไล่แขกอย่างไม่เป็นทางการ

“วันนี้ลำบากเจ้าแล้ว เดินทางปลอดภัย ข้าขอส่งเพียงเท่านี้! กลับไปบอกเจ้านายของเจ้าด้วยว่าข้าจะรองานเลี้ยงขอบคุณจากเขาและหวังว่าเขาจะรักษาคำพูด”

ผู้ดูแลกำเหรียญเงินในมือโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะโค้งคำนับด้วยท่าทีเรียบเฉย “ขอบพระคุณ ท่านอ๋องสำหรับรางวัล เจ้านายของกระหม่อมรักษาคำพูดเสมอ หวังว่าถึงเวลานั้นท่านอ๋องจะไม่รังเกียจ”

จะรังเกียจอย่างไร ผู้ชายคนนี้ขี้งกจะตาย ถ้าสู้กันตัวต่อตัวละก็ไม่ใครก็ใครต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงสงบสติอารมณ์ไม่ได้

เหลิ่งชิงฮวนหยิบตราประทับชาดออกมาจากในแขนเสื้อและส่งให้ผู้ดูแล “ข้าหวังว่าเจ้านายของเจ้าจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น”

จากมุมมองของผู้อื่นอาจดูเหมือนเธอกำลังให้รางวัล

ในขณะที่ผู้ดูแลรับตราประทับชาดจากมือเธอ เขาเกาฝ่ามือของเธออย่างเงียบ ๆ นี่เป็นสัญญาณลับหรือการยั่วยวนกันแน่

เหลิ่งชิงฮวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะตอบสนอง มู่หรงฉีรีบดึงเธอออกมาด้วยความไม่พอใจ เขาขมวดคิ้วและมองไปที่ผู้ดูแลด้วยความโกรธ

“เดินทางปลอดภัย ข้าขอส่งเพียงเท่านี้!”

ผู้ดูแลยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เหลิ่งชิงฮวนเห็นคำว่าชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของเขา เธอรู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่งและมองเขาอย่างแข็งกร้าว

เห็นๆ กันอยู่ว่าใบหน้าที่แตกต่างกัน ทำไมถึงให้ความรู้สึกว่าเป็นอารมณ์เดียวกันล่ะ

ผู้ดูแลเดินจากไปแล้ว ทว่าเขาหันกลับมาอีกครั้งหลังจากเดินออกไปไกล เขามองไปที่เหลิ่งชิงฮวนพลางหรี่ตาลงอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมราวกับสุนัขจิ้งจอก

ทันใดนั้น เหลิ่งชิงฮวนก็ตระหนักได้ว่าผู้ชายคนนี้คือโฉวซือเส่า แม้แต่เธอยังถูกหลอกหลังจากเปลี่ยนรูปลักษณ์ เทคนิคการปลอมตัวที่เหมือนจริงเช่นนี้ เกรงว่าเทคโนโลยีอันโดดเด่นสามประเทศในยุคปัจจุบันอย่างการทำศัลยกรรมเกาหลี การแต่งหน้าของญี่ปุ่นและเทคโนโลยีแต่งรูปของจีนยังไม่สามารถเปรียบเทียบได้

ทว่ามู่หรงฉีกำลังยืนอยู่ด้านหลัง หากเธอเลือกที่จะเปิดโปงในตอนนี้เกรงว่าคงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่น่าดู เธอจึงทำได้เพียงเก็บไว้เงียบๆ

เธอตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะหันไปเห็นพระสนมฮุ่ยเฟยดึงมู่หรงฉีไปหาพลางกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับเขา เธอรู้และสามารถเดาไม่ไม่ยาก คำพูดดีๆ มักไม่พูดลับหลังคนอื่น พูดลับหลังคนอื่นมักเป็นคำพูดไม่ดี หาไม่นินทาเธออยู่ก็คงจะเกลี้ยกล่อมให้มู่หรงฉีเมียเล็กมีน้อยนั่นแหละ

แม่ทัพอวี๋ขยับเข้าไปใกล้เธอ ลดเสียงลงและพูดอย่างลึกลับ “มีคำพูดที่ว่าไม่มีธุรกิจใดปราศจากความชั่วร้าย กระหม่อมได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วในวันนี้”

เหลิ่งชิงฮวนพูดอย่างสบายๆ “ทำไมหรือ”

“ท่านอ๋องสั่งให้เราตามหาต้นตอของข่าวลือ เราใช้ความพยายามอย่างมากแต่ยังหาต้นตอนั้นไม่ได้ ทว่าพวกเขากลับจับพวกมันได้จำนวนมาก ทำเหมือนเรากินแรงพวกเขา”

“แล้วไม่ใช่อย่างนั้นหรือ” เหลิ่งชิงฮวนหยอกล้อ

“ไอ้...” แม่ทัพยืดหลังตรง ก่อนจะกลืนคำสบถลงไปในลำคออย่างเงียบๆ “ข่าวลือแพร่สะพัดด้วยปากต่อปากอย่างไร้หลักฐาน จะหาต้นตาได้ง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร” เหลิ่งชิงฮวนมองไปหญิงสาวที่ยังคงถูกมัดเหมือนบ๊ะจ่างเพื่อทำความเข้าใจ

แม่ทัพอวี๋พูดอย่างขุ่นเคือง “เมื่อครู่กระหม่อมได้แอบสอบสวนแล้ว หญิงสาวเหล่านี้ล้วนได้รับการว่าจ้างจากตระกูลโฉวด้วย! พวกนางแต่ละคนได้เงินหนึ่งร้อยตำลึง พวกนางร้องไห้อย่างขมขื่น แสดงได้ถึงรสถึงชาติจริงๆ”

เหลิ่งชิงฮวนอดไม่ได้ที่จะเป็นใบ้ไปชั่วขณะ เงินทำให้คนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีได้จริงๆ ไม่ต้องพูดถึงเงินหนึ่งร้อยตำลึง แม้จะเป็นเงินหนึ่งหรือสองตำลึงล้วนแต่มีคนคอยจ้องจะแย่งชิง หลังจากการแสดงจบลง เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ตำหนักอ่องฉีคงจะไม่ทำอะไรพวกนางอยู่ดีจ

เงินหนึ่งร้อยตำลึงหาได้ง่ายเกินไปแล้ว... เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกไม่พอใจ ให้พวกนางแสดงละครมากกว่านี้อีกสักหน่อยดีไหมนะ แนวคิดของโฉวซือเส่าทำให้เธอมีแรงบันดาลใจมากมาย ดังนั้นเธอจึงทำการโต้กลับด้วยแผนซ้อนแผน

แม่ทัพอวี๋ลังเล “ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าชายผู้นี้มีใบหน้าขาวสะอาด ไม่มีหนวดเครา คำพูดของเขาแปลกประหลาดดูไม่สมชายเลยสักนิด... เหมือนขันทีในวัง”

มู่หรงฉียืดตรง ก่อนมองไปที่พระสนมฮุ่ยเฟยอย่างมั่นใจและพูดอย่างใจเย็น “ข้าพยายามปิดข่าวการหายตัวไปของชิงฮวนอย่างเต็มที่ แล้วทำไมข่าวนั้นยังหลุดรอดไปในวังได้อีก ช่างแปลกจริงๆ ”

พระสนมฮุ่ยเฟยกัดฟันและกำแท่งเงินไว้ในมือแน่น “กลับวัง!”

นางเดินจากไปพร้อมกับผู้คนรอบตัว โดยยังไม่ได้ทักทายเหลิ่งชิงฮวนด้วยซ้ำ

โอ๊ย อายจนโกรธไปเลยสินะ

เหลิ่งชิงฮวนยักไหล่และแสร้งทำเป็นไม่เห็นว่าพระสนมฮุ่ยเฟยเดินออกไป ตอนนี้ไม่สำคัญว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือ สิ่งสำคัญคือตอนนี้จิ่นอวี๋กำลังสร้างปัญหาให้เธอ ดังนั้นเรื่องบ้าๆ นี่ต้องกลับไปอยู่ที่คนทำตั้งแต่แรก!

พระสนมฮุ่ยเฟยมาเพื่อกล่าวโทษ นั่นเป็นเพราะจิ่นอวี๋พูดจาเหลวไหลสร้างเรื่องขึ้นมา ดังนั้นพระสนมฮุ่ยเฟยจึงรู้สึกว่ากำลังถูกจิ่นอวี๋หลอกใช้ ด้วยวิธีนี้ พระสนมฮุ่ยเฟยจะรู้สึกว่าถูกจิ่นอวี๋เธออย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้น การใส่ร้ายชื่อเสียงของลูกชาย เสียดแทงเข้าไปหัวใจของนางเต็มๆ ไม่ว่าจิ่นอวี๋จะพยายามแก้ตัวมากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์

ตอนนั้นเหลิ่งชิงฮวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะไปตรวจสอบของขวัญขอบคุณที่โฉวซือเส่าส่งมา นางหยิบกล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษสีแดงอย่างตั้งใจ ค่อยๆ เปิดทีละชั้น และในที่สุดก็พบว่าสิ่งที่ห่ออยู่ข้างในนั้นแท้จริงแล้วคือไม้แท่งหนึ่ง!

เธอปล่อยมันทิ้งและไปดูกล่องของขวัญกล่องที่สอง มันยังคงเป็นท่อนไม้และกล่องที่สามก็ยังเป็นท่อนไม้เช่นเดิม

โดนผู้ชายคนนี้หลอกหลอกซะแล้ว

พวกเขาใช้ไม้ผุๆ พวกนี้เพื่อสร้างฉากขนาดใหญ่

ขิงแก่ช่างร้อนแรงจริงๆคนเก่าแก่ในยุทธภพคนนี้ไม่ธรรมดา เขาสามารถจับเสือมือเปล่าแถมยังเอาตราประทับชาดจากเธอไปอีกด้วย

เห็นทีว่าคำพูดของแม่ทัพอวี๋จะเป็นเรื่องจริงสินะ ไม่มีธุรกิจใดปราศจากความชั่วร้าย!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา