ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 280

เหลิ่งชิงฮวนกัดฟันแน่น “นางจงใจสร้างความสับสนเพื่อเบี่ยงเบนเป้าหมาย นางต้องมั่นใจมากว่าจะฟ้องพระสนมฮุ่ยเฟยและใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ หม่อมฉันเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้ทำอะไรผิด ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องกลัวสู้ทำให้เรื่องมันใหญ่กว่านี้จะดีกว่า”

“เจ้าจะทำอย่างไร”

“รายงานทางการ!”

“รายงานทางการ?” มู่หรงฉีขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยนัก: “สถานการณ์ไม่เข้าข้างเจ้า แบบนี้จะไม่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ”

“จิ่นอวี๋กับยายหลิงกลับมาเร็วกว่าเราครึ่งชั่วโมง พวกเขาวางเหยื่อล่อนี้อย่างเร่งรีบ อาจทิ้งเบาะแสอะไรบางอย่างไว้เพราะความไม่รอบคอบ เราจะต้องหาเบาะแสนั้นให้เจอ

หากเสด็จแม่มาที่จวน พระนางจะมีอคติต่อหม่อมฉัน เอาจะไม่ให้โอกาสในการอธิบายหรือโอกาสในการพิสูจน์ตัวเองเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงจ้องแจ้งทางการ การใช้วิชาไสยเวทปลุกเสกไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เสด็จแม่ไม่อาจทำตามอำเภอใจได้ แบบนี้หม่อมฉันจึงมีเวลาให้ความยุติธรรมกับตัวเอง

หม่อมฉันรู้ว่าท่านกังวล ดังนั้นเราจะไม่หาใครอื่นนอกจากเสิ่นหลินเฟิง เขามีประสบการณ์ในการไขคดีมามาก การวางกับดักเช่นนั้นก็ไม่น่าจะยากสำหรับเขา ส่วนเสด็จแม่ก็คงวางใจหลานชายเช่นกัน”

มู่หรงฉีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าเหลิ่งชิงฮวนพูดมีเหตุผล แทนที่จะฟาดฟันจำใจสารภาพความผิด สู้กระจายข่าวออกไปให้ถึงที่โล่งแจ้ง

เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและสั่งให้คนไปหาเสิ่นหลินเฟิง

เมื่อพระสนมฮุ่ยเฟยได้ยินว่าจิ่นอวี๋ได้รับความลำบากใจในจวนฉีอ๋อง จึงรีบรายงานกลับไปที่ไทเฮาและตามไปที่จวนฉีอ๋องทันที

ไต้มั่วได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้นางฟัง ครั้งที่แล้วเหลิ่งชิงฮวนใช้ข้ออ้างในการตั้งครรภ์ ทำให้ไทเฮาตกใจจนทำให้นางถูกตำหนิและขายหน้า ดังนั้นนางจึงมีอคติต่อเหลิ่งชิงฮวน ทันทีที่เห็นมู่หรงฉีและเหลิ่งชิงฮวน นางก็อดไม่ได้ที่จะพร่ำบ่นและตัดพ้อ

“จินอวี๋อาศัยอยู่ในจวนฉีอ๋อง พวกเจ้าจวนฉีอ๋องต่างหากที่ติดค้างดวงตานาง นางอุตส่าห์อยู่ไกลๆ ไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับพวกเจ้า ทว่าใครกันที่ใจร้ายใช้วิชาอาคมสกปรกทำร้ายนางแบบนี้

หากดวงตาของนางไม่หายดี คงมีใครบางคนรู้สึกสะใจสินะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ไม่เพียงทำลายอนาคตของจิ่นอวี๋แต่ยังทำให้เหลิ่งชงหลางต้องทนทุกข์ทรมานด้วย หากไม่ใช่เพราะมือสังหารที่ลอบเข้ามาในจวน พระเจ้ามีตา จิ่นอวี๋ผู้น่าสงสารของข้า เกรงว่าจะไม่มีความหวังที่จะรักษาดวงตานี้เสียแล้ว”

เหลิ่งชิงฮวนหน้าลง ฟังพระสนมฮุ่ยเฟยกล่าวหาดุด่าตัวเอง เธอรู้ว่าพระสนมฮุ่ยเฟยจะยัดเยียดข้อหานี้ให้กับเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ

เธอถึงกับสงสัยว่านางเป็นคนให้กำเนิดมู่หรงฉีจริงหรือไม่ เพราะนางทำตัวยุติธรรมมากจนกระทั่งไม่เห็นญาติพี่น้องอยู่ในสายตา

มู่หรงฉีเงยหน้าขึ้นพลางตอบ “ยังเร็วเกินไปที่จะพูดสิ่งเหล่านี้ เสด็จแม่ ตอนนี้ยังเกินไปที่จะตั้งข้อหากับชิงฮวนก่อนที่เรื่องนี้จะถูกสอบสวนอย่างชัดเจน”

“ยังจำเป็นต้องสืบสวนเรื่องนี้อีกหรือ มีอะไรให้สืบสวนอีก จิ่นอวี๋คงไม่ได้ทำร้ายตัวเองหรอกนะ?หรือว่าจะเป็นคนนอก หากคนในจวนของเจ้าเป็นคนทำ นางก็หนีไม่พ้นความผิดนี้เพราะไม่มีความสามารถในการปกครองเรือน”

“บังเอิญว่าเมื่อสองวันก่อนตอนที่ซ่อมแซมตำหนักฉาวเทียน คนงานขุดเจอของบางอย่างที่เหมือนกันนี้ ลูกได้นำไปถามนักพรตเต๋าเทียนอิแล้วได้ความว่ามันเป็นไสยเวทแขนงหนึ่งที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับชิงฮวนสั่นคลอน ชิงฮวนคงจะไม่ได้ทำร้ายตัวเองหรอกขอรับ

ต้องมีใครบางคนที่มีแรงจูงใจแอบแฝงอยู่ในจวน พอคิดดูแล้วลูกรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องสืบหาคนที่อยู่เบื้องหลังจึงส่งคนไปแจ้งทางการแล้ว”

ประการที่สอง ท่อนไม้ไผ่ใช้คือไม้ไผ่จากสุสานตระกูลเหลิ่ง เมื่ออีกฝ่ายหยิบมาใช้ ผู้เฝ้าสุสานย่อมเห็นด้วยตาของตนเอง ใครเข้าๆ ออกๆ จวนในช่วงเวลานี้สามารถรู้ได้ด้วยการถามยามหน้าประตู นี่คือเบาะแสที่สอง

ประการที่สามตุ๊กตาตัวนี้เพิ่งถูกฝังดินในวันนี้ อ๋องฉีได้ส่งทหารองครักษ์ตามไปปกป้องความปลอดภัยขององค์หญิงจิ่นอวี๋อย่างลับๆ เมื่อสองวันก่อน หลานจะซักถามทีละคนว่ามีใครเข้าออกเรือนอรุโณทัยบ้าง

ส่วนเงื่อนงำอื่น ๆ หลานจะทำตามความคาดหวังท่านป้าอย่างแน่นอน ไม่หย่อนยานในการสืบสวนและจะทวงความยุติธรรมให้องค์หญิงจิ่นอวี๋อย่างแน่นอน”

ต่อมาจิ่นอวี๋กับยายหลิงออกมาพบพวกเขา เมื่อได้ยินคำพูดของเสิ่นหลิงเฟิงที่น่าเชื่อถือ พวกนางจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว

จิ่นอวี๋เริ่มรู้สึกเสียใจ โดยคิดว่าพวกตนอวดฉลาดมากไปหรือไม่ เหลิ่งชิงฮวนไม่เคยกล้ำกลืนความโกรธ หากนางได้รับความลำบากใจแม้แต่น้อยนิดจะต้องเอะอะโวยวายจนเป็นเรื่องใหญ่

ตอนที่นางเพิ่งกลับมาจากจวนอ๋องรุ่ย นางรู้สึกไม่พอใจจึงยายหลิงเปลี่ยนวันเดือนปีเกิดบนตุ๊กตาเป็นของนางเอง ก่อนจะฝังเข็มเงินและฝังไว้ในแปลงดอกไม้

คนสวนประจำจวนมักจะมาดูแลดอกไม้ ต้นไม้ ใส่ปุ๋ย พรวนดิน ไม่ช้าก็เร็วตุ๊กตาตัวนั้นจะต้องโผล่ขึ้นมาเห็นแสงแห่งวันอีกครั้ง

ทว่านางไม่คิดว่าเหลิ่งชิงฮวนจะจู่โจมอย่างรวดเร็วจนแทบไม่ทันได้ตั้งตัว

นางคลำหาทางพลางเดินไปหาพระสนมฮุ่ยเฟยและพูดอย่างเสียใจว่า “หม่อมฉันเกรงว่าอาจมีการเข้าใจผิดกัน จิ่นอวี๋เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับพระชายาเอก ดังนั้นไม่จำเป็นต้องระดมคนมามากมายเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา