ซื่ออี๋เหนียงลนลานขึ้นมาในทันที เธอตีมือของชิงฮวาและจับแขนเสื้อเอาไว้แน่น “ดีขึ้นตั้งนานแล้วแผลเล็กๆแค่นี้เอง อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่สิ”
ชิงฮวาส่งเสียงออกมาอย่าไม่พอใจ เธอปล่อยมือออกอย่างเสียใจ เห็นได้ชัดว่าเธอถูกตีจนเจ็บ เธอพ่นพึมพำออกมาเบาๆ “เห็นๆอยู่ว่าเลือดออกตั้งมากจนาดนั้น”
เหลิ่งชิงฮวนมองไปที่เธอ ดวงตาของเธอมีประกายบางอย่างวาบขึ้นมา “ชิงฮวาช่างเอาใจใส่แบบนี้ ช่างเป็นบุญของซื่ออี๋เหนียงเสียจริง”
ต่อหน้าเธอแล้วซื่ออี๋เหนียงทำเหมือนกับกำลังซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ ราวกับว่าความลับนั้นกำลังถูกเธอมองจนทะลุปรุโปร่ง ซื่ออี๋เหนียงก้มหน้าลงไปมือไม้ของเธอเริ่มลนลาน
“ที่คุณหนูใหญ่ไม่รังเกียจชิงฮวาถึงจะนับว่าเป็นบุญของนางค่ะ เมื่อก่อนข้าเลอะเลือนไปหน่อยุคงได้ทำเรื่องไม่ดีกับท่านขอบคุณคุณหนูใหญ่ที่ไม่ถือสาเอาความ และยังมาที่นี่ด้วยตัวเองโดยเฉพาะ”
เหลิ่งชิงฮวนนึกถึงสิ่งที่เจ้าของคณะละครพูด “เป็นเรื่องเล็กน้อยทั้งนั้น เป็นตัวของซื่ออี๋เหนียงเองที่เก็บมาใส่ใจ และเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องบางเรื่องลืมได้ก็ควรลืมเสีย วางลงได้ก็ควรวางเสีย”
ไม่ว่าความหมายที่เหลิ่งชิงฮวนต้องการจะสื่อคืออะไรแต่ที่ซื่ออี๋เหนียงได้ยินกลับรู้สึกกินใจจนทำให้นางตกใจจนใจเต้นรัว
“ขอบคุณคุณหนูใหญ่ที่ชี้แนะ”
เหลิ่งชิงฮวนจึงแกล้งถามออกไปว่า “ซื่ออี๋เหนียงรับใช้จินอี๋เหนียงมานาน ชิงเจียวกับท่านก็น่าจะสนิทสนมกันใช่ไหมคะ”
ซื่ออี๋เหนียงนึกขึ้นมาได้ว่าเธอแอบได้ยินมาถึงสิ่งที่เหลิ่งชิงฮวนพูดกับมู่หรงฉี เธอก็ยิ่งรู้สึกผิดจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้น
“ไม่ถือว่าสนิทสนมอะไรเจ้าค่ะ อย่างมากก็คงมองว่าข้าเป็นบ่าวรับใช้ใกล้ตัวเจ้าค่ะ”
เหลิ่งชิงฮวนยิ้มเล็กน้อย “เด็กคนนี้สมควรถูกสั่งสอน ถ้าหากว่าซื่ออี๋เหนียงว่างก็ให้ดูแลเขาหน่อยนะคะ ข้าหวังว่าชิงหลางจะสั่งสอนเขา แต่ดูเหมือนว่าจะพึ่งพาไม่ได้เท่าไรนัก”
คนพูดนั้นไม่ได้ตั้งใจจะพูด แต่คนฟังนั้นกลับร้อนตัว ซื่ออี๋เหนีบงกำชับปากแขนเสื้อของเธอแน่น “ข้ามีสิทธิ์หรือเจ้าคะ”
เหลิ่งชิงฮวนลูบหัวชิงฮวา “น้องสี่ถูกท่านเลี้ยงดูมาอย่างดีทั้งฉลาด ทั้งใจดี อีกทั้งยังเชื่อฟัง”
“กล่าวเกินไปแล้วจ้าค่ะ” นางรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย และพูดออกมาอย่างหนักแน่น
เหลิ่งชิงฮวนมีสีหน้าเข้าใจ “ในเมื่อท่านไม่เป็นไร งั้นข้าจะไปหาท่านพ่อ”
เมื่อเธอเดินไปถึงประตูก็หันหลังกลับมาและพูดอย่างจริงจังว่า “ถ้าหากว่าถูกแมวข่วนจริง งั้นก็ต้องระวังนะคะ อาจจะติดเชื้อเอาได้”
เธอพูดออกมาอย่าสองแง่สองง่ามอีกครั้ง ซื่ออี๋เหนียงจิตใจสั่นไหว ดวงตาของเธอเลื่อนลอยออกไปไกลและไม่กล้ามองเหลิ่งชิงฮวน
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แผลดีขึ้นนานแล้ว”
เหลิ่งชิงฮวนจึงหัวเราะออกมาน้อยๆ แล้วจากไป
ซื่ออี๋เหนียงทรุดตัวลงบนเก้าอี้ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทั่วทั้งร่างของนางมีเหงื่อซึมออกมาจนเปียกชุ่ม
ชิงฮวาเข้าไปใกล้นางอย่างกระอักกระอ่วน “อี๋เหนียงเจ้าคะ ทำไมท่าถึงไม่ให้พี่ใหญ่ดูอาการให้ท่านล่ะเจ้าคะ พี่ใหญ่เป็นคนดีนะเจ้าคะ”
ความรู้สึกของซื่ออี๋เหนียงผสมปนเปกันไปหมด ต่อหน้าลูกสาวของนางแล้วนางก็ไม่รู้จะอธิบายออกมาอย่างไรดี นางจึงลูบหัวของเหลิ่งชิงฮวา “เจ้าชอบพี่ใหญ่ของเจ้ามางั้นหรือ”
ชิงฮวาพยักหน้าอย่างแข็งขัน “ในบรรดาพี่สาวทั้งสามคน พี่ใหญ่ดีต่อข้าที่สุดเจ้าค่ะ พี่รองกับพี่สามต่างดูถูกข้า”
ซื่ออี๋เหนียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ที่แท้สายตานางก็สู้เด็กคนหนึ่งไม่ได้ ใครดี ใครเลว สายตาของเด็กน้อยเป็นอะไรที่ใสซื่อที่สุดจนมองออกอย่างชัดเจน
เธอพูด “อืม” ออกมาเบาๆ “งั้นหลังจากนี้เจ้าต้องดีกับพี่ใหญ่ของเจ้าให้มาก”
ชิงฮวายิ้มกริ่ม ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความยินดี “แน่นอนว่าข้าต้องดีกับอี๋เหนียงที่สุด”
เหลิ่งชิงหลางเหลือบมองกล่องนั่นแวบหนึ่งแล้วกลับไปนั่งลงทันที
ภายในกล่องเต็มไปด้วยเงินทองจำนวนมาก ดูแล้วไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ช่วงนี้นางเองก็ค่อนข้างขัดสนพอได้เงินเครื่องประดับจำนวนมากมายนี่แล้วก็รู้สึกปวดใจ
“นางเองก็ไม่ได้รู้จักเจ้า เจ้าไม่คิดว่าบุ่มบ่ามเกินไปหน่อยหรือ ไม่สู้ เจ้าเอาของพวกนี้มาให้ข้า พอกลับไปข้าจะส่งของไปให้เหมือนกัน”
“หลายปีมานี้ลำบากฮูหยินส่งเงินเดือนมาตลอด ดังนั้นข้าเองก็ไม่ได้มีเงินเก็บมากนักซึ่งเงินจำนวนนี้แทบจะเป็นเงินทั้งหมดที่ข้ามี ข้าคิดว่าข้าอยากจะเห็นนางกับตาตัวเองสักครั้ง ข้าไม่เคยได้แม้แต่จะเลี้ยงนาง นางโตมารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรข้าเองก็ไม่เคยได้เห็นอย่างเต็มตา แต่ข้าเองก็คิดมาก ขอเพียงแค่ได้เห็นนางสักครั้งหลังจากนี้ข้าจะไม่ข้องเกี่ยวอะไรกับนางอีก เพื่อไม่ให้นางต้องมาลำบากเพราะข้า เดี๋ยวจะทำให้ชื่อเสียงของนางเสื่อมเสีย”
“แค่เห็นสักครั้งไม่นับว่ารู้จักหรือไง”
“ไม่รู้จักเจ้าค่ะ” ซื่ออี๋เหนียงก้มหน้าแล้วกัดริมฝีปากแน่น “ข้าคิดมาดีแล้วเจ้าค่ะ ข้าควรจะอยู่ให้ห่างจากนางถึงจะดีที่สุด ดังนั้นแค่ได้เห็นสักครั้งก็พอแล้วเจ้าค่ะ ขอให้คุณหนูรองช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ”
เหลิ่งชิงหลางมองเครื่องประดับที่อยู่ในอ้อมอกของซื่ออี๋เหนียง เธอครุ่นคิดไปและคำนวณ “มันไม่ใช่ว่าไม่ได้ ลูกสาวคนโตของเจ้าข้าเคยเห็นนางตอนที่อี๋เหนียงของข้าไปพบนางอยู่ครั้งสองครั้ง วันพรุ่งนี้ข้าจะส่งไปในนามของส่งสินสอด และจะนัดนางออกมา พอถึงเวลานั้นแล้วเจ้าก็คอยนั่งดูอยู่ข้างๆและพูดเสริมอีกสักสองประโยคก็พอแล้ว”
แต่เจ้าต้องจำเอาไว้ว่าต้องควบคุมติอารมณ์ของตัวเองให้ได้ อย่าให้นางจับได้เด็ดขาดจนสงสัยขึ้นมา อีกอย่างเครื่องประดับพวกนี้เกรงว่าเจ้าต้องให้ข้ามอบให้กับนางในชื่อของข้าเท่านั้น
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” ซื่ออี๋เหนียงรับปากอย่างดีใจ “ขอเพียงแค่ได้อยู่ต่อนหน้าแล้วได้พูดกับนางอีกสักสองประโยคก็พอแล้ว”
พอทั้งสองคนตกลงกันเสร็จแล้ว ซื่ออี๋เหนียงก็ออกไป ความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบลูกสาวของตนในวันนี้ทำให้ความรู้สึกเศร้าโศกจางลงไปได้บ้าง
เหลิ่งชิงหลางเมื่อเห็นว่าซื่ออี๋เหนียงเดินออกไปแล้วก็เงียบไปครู่หนึ่ง จานั้นก็ลุกยืนขึ้นทันที นางเธอไปที่ข้างโต๊ะและยกพู่กันขึ้นเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง สอดมันใส่ซอง จากนั้นก็เรียกแม่จ้าวเข้ามา
“ให้คนส่งจดหมายฉบับนี้ไปที่จวนรองเสนาบดีแล้วส่งมันให้กับลูกพี่ลูกน้องของข้า ให้เขาส่งมันต่อไป พอเห็นจดหมายนี่แล้วเขาจะรู้เอง”
แม่จ้าวไม่ได้ถามอะไรออกมาสักคำ นางถือจดหมายไปและทำตามที่เหลิ่งชิงหลางสั่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...