ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 297

วันถัดมา ซื่ออี๋เหนียงก็แต่งเนื้อแต่งตัวและถือกล่องเครื่องประดับไปยังเรือนของเหลิ่งชิงหลางแต่เช้าตรู่ แน่นอว่านางตื่นเต้นมาก

เหลิ่งชิงหลางกำชับกับนางอีกครั้งว่าต้องจำเอาไว้ว่าให้เก็บอารมณ์ของตัวเองให้ดีอย่าทำให้หญิงสาวตกใจ

ซื่ออี๋เหนียงรับปากราวกับว่าเธอกำลังกังวล

มันไม่ง่ายเลย ผ่านไปอยู่นานก็มีเสียงของแม่จ้าวดังมาจากข้างนอกแจ้งว่ามีคนมาถึงแล้ว

ซื่ออี๋เหนียงลูกยืนขึ้นทันที แต่ก็ไม่สามารถออกไปต้อนรับได้

เมื่อม่านถูกเปิดออกก็เห็นหญิงสาวที่แต่งตัวอย่างบ้านๆเดินเข้ามา นางอยู่ในชุดกระโปรงผ้าเนื้อหยาบมองดูแล้วเรียบง่ายและซื่อๆไม่ต่างจากสาวชาวนาทั่วไป

แต่ว่าผิวของนางขาวมากและละเอียดละออราวกับไม่ได้ต้องแสงแดดมานาน อีกทั้งผิวของนางยังดูชุ่มชื้น คิ้วของนางก็ชัดเจนราวกับว่ากันมาแล้ว หมดจดเสียจนมองไม่เห็นแม้แต่ขนตาของนาง คิ้วของนางเองก็ถูกกันออกมาจนโค้งบางมองดูแล้วราวกับกิ่งหลิวที่พริ้วไหวมองดูแล้วเป็นหญิงที่งามหมดจดเป็นอย่างมาก

โตมาแล้วไม่เหมือนกับนางเลยสักนิด

หญิงสาวคนนั้นเหมือนกำลังยับยั้งชั่งใจเอาไว้อยู่ นางเอาแต่ก้มหน้าตลอดเวลาและทำเพียงแค่มองไปรอบๆอย่างไม่เชื่อสายตา นางหลบอยู่หลังแม่จ้าวอย่างไม่กล้าพูดอะไรออกมาราวกับไม่เคยเห็นโลกมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น

ซื่ออี๋เหนียงคิดว่าเด็กสาวคนนี้ถูกเลี้ยงขึ้นมาในบ้านแม่บุญธรมมของนางอย่างดี และไม่เคยออกมาเจอความลำบากมาก่อน แม้แต่มือของนางเองก็ได้รับการดูแลอย่างดีราวและขาวราวกับงาช้าง

แม่จ้าวถอยหลบไปด้านข้างก้าวหนึ่ง”เคยเจอกับคุณหนูรองของเราแล้วใช่ไหม หลายปีมานี้ฮูหยินของเราช่วยเหลือทางบ้านของเจ้าไว้ไม่น้อยวันนี้ฮูหยินไม่อยู่แล้ว คุณหนูรองเองก็นับได้ว่าเป็นญาติของเจ้า”

หญิงสาวเข้ามาก็ทำความเคารพต่อเหลิ่งชิงหลางตามระเบียบ

เหลิ่งชิงหลางพยักเพยิดอย่างเรียบๆ “ไม่ต้องมากความนัก นั่งเถอะ”

ซื่ออี๋เหนียงประคองหญิงสาวขึ้น มือของเธอสั่นขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

“เจ้าคืออวี๋เอ๋อร์?”

เมื่อก่อนก่อนจินซื่อเคยบอกกับนางไว้ว่าลูกสาวคนโตของนางมีชื่อเล่นว่าอวี๋เอ๋อร์ มีความหมายว่างดงามบริสุทธิ์ราวกับหยก

หญิงสาวกระพริบตาปริบๆ “ข้าชื่ออวี๋เอ๋อร์ ฮูหยินท่านนี้ก็รู้จักข้าเหมือนกันหรือเจ้าคะ”

ซื่ออี๋เหนียงจ้องหญิงสาวตาไม่กระพริบและตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาคลอเบ้า แต่กลับยังคงต้องถอยออกไปอย่างช่วยไม่ได้ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ “ไม่รู้จักค่ะ ไม่รู้จัก เพียงแต่ข้าเคยได้ยินฮูหยินกับคุณหนูพูดถึงท่าน”

หญิงสาวร้องอ๋อออกมา “ฮูหยินกับคุณหนูเป็นผู้มีพระคุณของบ้านข้าเจ้าค่ะ แม่ของข้าเคยบอกมาว่าหลายปีมานี้ เป็นเพราะฮูหยินกับคุณหนูคอยช่วยไว้พวกเราถึงได้มีกินมีใช้ และมีชีวิตดีกว่าคนอื่นที่อยู่ในหมู่บ้าน”

ซื่ออี๋เหนียงพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้พุ่งเข้าไปกอดน้ำเอาไว้แล้วร้องไห้ออกมา และพยายามยกยิ้มออกมา

“เห็นคุณหนูของเราบอกว่าเจ้ากำลังจะแต่งงานแล้ว”

หญิงสาวที่มีนามว่าอวี๋เอ๋อร์ก็หน้าแดง นางก้มหน้าลงเล็กน้อย และพูดออกมาเสียงเบาว่า “เจ้าค่ะ”

“คนที่จะแต่งด้วยเป็นใครหรือคะ”

“เขาอยู่ไม่ไกลจากบ้านของข้ามากเท่าไรเจ้าค่ะ เขาเป็นคนจริงใจที่อยู่ในหมู่บ้านสิบแปด อีกทั้งยังเป็นลูกชายคนเดียว ท่านแม่ของข้าบอกว่าอาศัยคุณสมบัติของข้าเขาดีเกินไป ถ้าหากไม่เพราะเงินสินสอดจำนวนมากข้าเองก็คงหาผู้ชายแบบนี้ไม่ได้ และให้เข้ามาโขกศีรษะให้กับคุณหนูสองที”

เหลิ่งชิงหลางกระแอมออกมาและยกมือขึ้นปัด “ไม่ต้องหรอก ไม่ต้อง วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามาไม่ใช่เพราะข้าอยากเห็นเจ้ามาโขกศีรษะให้กับข้า ข้าได้ยินมาว่างานแต่งของเจ้าใกล้มาถึงแล้ว ข้าจึงอยากจะมอบเงินสินเดิมให้กับเจ้าเพิ่ม”

นางลอบส่งสายตาให้กับซื่ออี๋เหนียง ซื่ออี๋เหนียงรีบหยิบกล่องเครื่องประดับออกแล้วเปิดออกตรงหน้าแม้น่างอวี๋เอ๋อร์

“เครื่องประดับพวกนี้ท่านลองดูว่าชอบไหมเจ้าคะ ถ้าหากว่ามองดูแล้วมันแก่เกินไปก็สามารถนำมันไปขายที่ร้านเครื่องประดับแล้วสร้างออกมาใหม่ได้ ของพวกนี้เป็นเงินทองจริงทั้งหมด”

เมือออกมาจากเรือนของเหลิ่งชิงหลางแล้วนางก็ไม่สามารถสะกดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ได้อีกต่อไป นางก้มหน้าเช็ดน้ำตาก็มองเห็นกำไลบนข้อมือของตัวเอง อยู่ดีๆเธอก็นึกถึงอะไรบางอย่างเมื่อครู่นี้ขึ้นมาได้

นี่คือกำไลทองที่ฝังอัญมณี เธอวางแผนที่จะนำไปแบ่งเป็นสองส่วนแบ่งให้กับชิงฮวากับอวี๋เอ๋อร์คนละชิ้น เป็นไปได้ไหมพวกว่าหลังจากนี้พวกนางจะมีโอกาสได้พบกัน? นี่เป็นความคิดของนาง

แต่เมื่อครู่นี้นางเอาแต่ตื่นเต้นจนลืมพูดเรื่องสำคัญไป

นางจึงวิ่งตามออกไปและมองซ้ายมองขวา แม่นางคนนั้นเดินนำอยู่ข้างหน้าและออกไปนอกจวนมหาเสนาบดีแล้วอย่างไม่เห็นแม้แต่เงา

ทหารยามที่เฝ้าประตูทั้งสองคนพูดคุยกันและมีหน้าตาดุร้าย

นางอดไม่ได้ที่จะถามออกมาว่า “เมื่อครู่ผู้หญิงที่เพิ่งออกจากจวนไป พวกเจ้าเห็นไหมว่านางไปที่ไหน”

ทหารยามหยุดพูดคุยกันและนิ่วหน้า เมื่อเห็นว่าเป็นซื่ออี๋เหนียงของจวน สมัยที่นางเป็นเด็กสาวนั้นนางมักเจ้าเข้าออกจวนบ่อยๆจนคุ้นเคยกับพวกทหารยาม

“ท่านหมายถึงพี่สาวจากเรือนหลิงหลางเมื่อครู่?”

ซื่ออี๋เหนียงชะงักไป “พี่สาวเรือนหลิงหลางอะไรกัน”

“ก็หมายถึงหญิงงามที่คุณหนูรองเรียกให้เข้าไปในจวนนั่นไง ไม่ใช่เทพธิดาเรือนหลิงหลางหรือขอรับ”

“พูดอะไรไร้สาระ อย่ามาพูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า” นางรู้สึกโกรธอย่างที่ไม่ยอมให้คนอื่นมาว่าลูกสาวของนางได้

ทหารยามหัวเราะออกมาอย่างไม่ถือสา “ท่านหมายถึงผู้หญิงคนที่แต่งตัวปอนๆราวกับมาจากบ้านนอกคนนั้นใช่ไหมขอรับ นางเป็นพี่สาวที่อยู่ที่หอหลิงหลาง ข้ารู้จักนาง นางมาทำอะไรที่จวนมหาเสนาบดีกัน ทำไมคุณหนูรองถึงไปมาหาสู่กับคนแบบนี้กันได้นะ”

คนที่เขาพูดคืออวี๋เอ๋อร์!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา