วันถัดมา ซื่ออี๋เหนียงก็แต่งเนื้อแต่งตัวและถือกล่องเครื่องประดับไปยังเรือนของเหลิ่งชิงหลางแต่เช้าตรู่ แน่นอว่านางตื่นเต้นมาก
เหลิ่งชิงหลางกำชับกับนางอีกครั้งว่าต้องจำเอาไว้ว่าให้เก็บอารมณ์ของตัวเองให้ดีอย่าทำให้หญิงสาวตกใจ
ซื่ออี๋เหนียงรับปากราวกับว่าเธอกำลังกังวล
มันไม่ง่ายเลย ผ่านไปอยู่นานก็มีเสียงของแม่จ้าวดังมาจากข้างนอกแจ้งว่ามีคนมาถึงแล้ว
ซื่ออี๋เหนียงลูกยืนขึ้นทันที แต่ก็ไม่สามารถออกไปต้อนรับได้
เมื่อม่านถูกเปิดออกก็เห็นหญิงสาวที่แต่งตัวอย่างบ้านๆเดินเข้ามา นางอยู่ในชุดกระโปรงผ้าเนื้อหยาบมองดูแล้วเรียบง่ายและซื่อๆไม่ต่างจากสาวชาวนาทั่วไป
แต่ว่าผิวของนางขาวมากและละเอียดละออราวกับไม่ได้ต้องแสงแดดมานาน อีกทั้งผิวของนางยังดูชุ่มชื้น คิ้วของนางก็ชัดเจนราวกับว่ากันมาแล้ว หมดจดเสียจนมองไม่เห็นแม้แต่ขนตาของนาง คิ้วของนางเองก็ถูกกันออกมาจนโค้งบางมองดูแล้วราวกับกิ่งหลิวที่พริ้วไหวมองดูแล้วเป็นหญิงที่งามหมดจดเป็นอย่างมาก
โตมาแล้วไม่เหมือนกับนางเลยสักนิด
หญิงสาวคนนั้นเหมือนกำลังยับยั้งชั่งใจเอาไว้อยู่ นางเอาแต่ก้มหน้าตลอดเวลาและทำเพียงแค่มองไปรอบๆอย่างไม่เชื่อสายตา นางหลบอยู่หลังแม่จ้าวอย่างไม่กล้าพูดอะไรออกมาราวกับไม่เคยเห็นโลกมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น
ซื่ออี๋เหนียงคิดว่าเด็กสาวคนนี้ถูกเลี้ยงขึ้นมาในบ้านแม่บุญธรมมของนางอย่างดี และไม่เคยออกมาเจอความลำบากมาก่อน แม้แต่มือของนางเองก็ได้รับการดูแลอย่างดีราวและขาวราวกับงาช้าง
แม่จ้าวถอยหลบไปด้านข้างก้าวหนึ่ง”เคยเจอกับคุณหนูรองของเราแล้วใช่ไหม หลายปีมานี้ฮูหยินของเราช่วยเหลือทางบ้านของเจ้าไว้ไม่น้อยวันนี้ฮูหยินไม่อยู่แล้ว คุณหนูรองเองก็นับได้ว่าเป็นญาติของเจ้า”
หญิงสาวเข้ามาก็ทำความเคารพต่อเหลิ่งชิงหลางตามระเบียบ
เหลิ่งชิงหลางพยักเพยิดอย่างเรียบๆ “ไม่ต้องมากความนัก นั่งเถอะ”
ซื่ออี๋เหนียงประคองหญิงสาวขึ้น มือของเธอสั่นขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
“เจ้าคืออวี๋เอ๋อร์?”
เมื่อก่อนก่อนจินซื่อเคยบอกกับนางไว้ว่าลูกสาวคนโตของนางมีชื่อเล่นว่าอวี๋เอ๋อร์ มีความหมายว่างดงามบริสุทธิ์ราวกับหยก
หญิงสาวกระพริบตาปริบๆ “ข้าชื่ออวี๋เอ๋อร์ ฮูหยินท่านนี้ก็รู้จักข้าเหมือนกันหรือเจ้าคะ”
ซื่ออี๋เหนียงจ้องหญิงสาวตาไม่กระพริบและตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาคลอเบ้า แต่กลับยังคงต้องถอยออกไปอย่างช่วยไม่ได้ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ “ไม่รู้จักค่ะ ไม่รู้จัก เพียงแต่ข้าเคยได้ยินฮูหยินกับคุณหนูพูดถึงท่าน”
หญิงสาวร้องอ๋อออกมา “ฮูหยินกับคุณหนูเป็นผู้มีพระคุณของบ้านข้าเจ้าค่ะ แม่ของข้าเคยบอกมาว่าหลายปีมานี้ เป็นเพราะฮูหยินกับคุณหนูคอยช่วยไว้พวกเราถึงได้มีกินมีใช้ และมีชีวิตดีกว่าคนอื่นที่อยู่ในหมู่บ้าน”
ซื่ออี๋เหนียงพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้พุ่งเข้าไปกอดน้ำเอาไว้แล้วร้องไห้ออกมา และพยายามยกยิ้มออกมา
“เห็นคุณหนูของเราบอกว่าเจ้ากำลังจะแต่งงานแล้ว”
หญิงสาวที่มีนามว่าอวี๋เอ๋อร์ก็หน้าแดง นางก้มหน้าลงเล็กน้อย และพูดออกมาเสียงเบาว่า “เจ้าค่ะ”
“คนที่จะแต่งด้วยเป็นใครหรือคะ”
“เขาอยู่ไม่ไกลจากบ้านของข้ามากเท่าไรเจ้าค่ะ เขาเป็นคนจริงใจที่อยู่ในหมู่บ้านสิบแปด อีกทั้งยังเป็นลูกชายคนเดียว ท่านแม่ของข้าบอกว่าอาศัยคุณสมบัติของข้าเขาดีเกินไป ถ้าหากไม่เพราะเงินสินสอดจำนวนมากข้าเองก็คงหาผู้ชายแบบนี้ไม่ได้ และให้เข้ามาโขกศีรษะให้กับคุณหนูสองที”
เหลิ่งชิงหลางกระแอมออกมาและยกมือขึ้นปัด “ไม่ต้องหรอก ไม่ต้อง วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามาไม่ใช่เพราะข้าอยากเห็นเจ้ามาโขกศีรษะให้กับข้า ข้าได้ยินมาว่างานแต่งของเจ้าใกล้มาถึงแล้ว ข้าจึงอยากจะมอบเงินสินเดิมให้กับเจ้าเพิ่ม”
นางลอบส่งสายตาให้กับซื่ออี๋เหนียง ซื่ออี๋เหนียงรีบหยิบกล่องเครื่องประดับออกแล้วเปิดออกตรงหน้าแม้น่างอวี๋เอ๋อร์
“เครื่องประดับพวกนี้ท่านลองดูว่าชอบไหมเจ้าคะ ถ้าหากว่ามองดูแล้วมันแก่เกินไปก็สามารถนำมันไปขายที่ร้านเครื่องประดับแล้วสร้างออกมาใหม่ได้ ของพวกนี้เป็นเงินทองจริงทั้งหมด”
เมือออกมาจากเรือนของเหลิ่งชิงหลางแล้วนางก็ไม่สามารถสะกดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ได้อีกต่อไป นางก้มหน้าเช็ดน้ำตาก็มองเห็นกำไลบนข้อมือของตัวเอง อยู่ดีๆเธอก็นึกถึงอะไรบางอย่างเมื่อครู่นี้ขึ้นมาได้
นี่คือกำไลทองที่ฝังอัญมณี เธอวางแผนที่จะนำไปแบ่งเป็นสองส่วนแบ่งให้กับชิงฮวากับอวี๋เอ๋อร์คนละชิ้น เป็นไปได้ไหมพวกว่าหลังจากนี้พวกนางจะมีโอกาสได้พบกัน? นี่เป็นความคิดของนาง
แต่เมื่อครู่นี้นางเอาแต่ตื่นเต้นจนลืมพูดเรื่องสำคัญไป
นางจึงวิ่งตามออกไปและมองซ้ายมองขวา แม่นางคนนั้นเดินนำอยู่ข้างหน้าและออกไปนอกจวนมหาเสนาบดีแล้วอย่างไม่เห็นแม้แต่เงา
ทหารยามที่เฝ้าประตูทั้งสองคนพูดคุยกันและมีหน้าตาดุร้าย
นางอดไม่ได้ที่จะถามออกมาว่า “เมื่อครู่ผู้หญิงที่เพิ่งออกจากจวนไป พวกเจ้าเห็นไหมว่านางไปที่ไหน”
ทหารยามหยุดพูดคุยกันและนิ่วหน้า เมื่อเห็นว่าเป็นซื่ออี๋เหนียงของจวน สมัยที่นางเป็นเด็กสาวนั้นนางมักเจ้าเข้าออกจวนบ่อยๆจนคุ้นเคยกับพวกทหารยาม
“ท่านหมายถึงพี่สาวจากเรือนหลิงหลางเมื่อครู่?”
ซื่ออี๋เหนียงชะงักไป “พี่สาวเรือนหลิงหลางอะไรกัน”
“ก็หมายถึงหญิงงามที่คุณหนูรองเรียกให้เข้าไปในจวนนั่นไง ไม่ใช่เทพธิดาเรือนหลิงหลางหรือขอรับ”
“พูดอะไรไร้สาระ อย่ามาพูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า” นางรู้สึกโกรธอย่างที่ไม่ยอมให้คนอื่นมาว่าลูกสาวของนางได้
ทหารยามหัวเราะออกมาอย่างไม่ถือสา “ท่านหมายถึงผู้หญิงคนที่แต่งตัวปอนๆราวกับมาจากบ้านนอกคนนั้นใช่ไหมขอรับ นางเป็นพี่สาวที่อยู่ที่หอหลิงหลาง ข้ารู้จักนาง นางมาทำอะไรที่จวนมหาเสนาบดีกัน ทำไมคุณหนูรองถึงไปมาหาสู่กับคนแบบนี้กันได้นะ”
คนที่เขาพูดคืออวี๋เอ๋อร์!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...