ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 299

ซื่ออี๋เหนียงกลับมายังเรือนของตัวเองก็ให้บ่าวรับใช้ถอยออกไปจากนั้นก็ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรด้วยความเสียใจ

ถ้าหากว่าตอนแรกนางรู้ว่าลูกของนางได้ตายไปแล้วนางคงจะเสียใจอยู่พักใหญ่และกลับมาเป็นปกติในทันที แต่ตอนนี้เวลาได้ผ่านไปจนกลายเป็นรอยแผลเป็น

แต่สิบกว่าปีมาแล้วนะ พวกนั้นมอบภาพลวงตาและความหวังให้กับนางให้งนางผูกติดอยู่สิบกว่าปี ในวันนี้กลับทำลายนางอย่างโหดเหี้ยมอีกครั้งราวกับขุดหลุมเอาไว้ในใจ จะไม่เจ็บปวด จะไม่เกเลียดได้อย่างไร

ตัวนางเกลียดจินซื่อ เกลียดเหลิ่งชิงหลาง แต่กลับไม่ต่อต้าน

นางนอนพักอยู่บนเตียงและมองไปบนเพดาน สติของนางหายไปหมดแล้วแม้แต่เซวียอี๋เหนียงเข้ามาในห้องเมื่อไรนางก็ไม่รู้

เซวียอี๋เหนียงพิงกรอบประตูแล้วมองไปที่นางอย่างเย็นชา “เจ้าให้ท่านอัครเสนาบดีเปลี่ยนคณะละครงั้นหรือ”

แม้จะบอกว่าเซวียอี๋เหนียงมีอำนาจในจวนและนางเองก็อยู่ในจวนอย่างสุขสบาย แต่ตามฐานะแล้วพวกนางก็เป็นอี๋เหนียงเหมือนกัน ดังนั้นซื่ออี๋เหนียงจึงไม่ได้ลุกขึ้นและหันหลังให้นาง เพราะกลัวว่าจะถูกเห็นว่าตัวเองร้องไห้มา

“เปลี่ยนคณะละครอะไรกัน ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูด ”

เซวียอี๋เหนียงทำตัวเย่อหยิงต่อหน้านาง นางสะบัดหน้าใส่แล้วหัวเราะออกมาเสียงเย็น “ข้าลงทุนลงแรงไปมา แต่เพียงประโยคเดียวเจ้าก็พูดปฏิเสธได้ออกมาง่ายจนทำให้ข้าต้องหาคณะละครใหม่ หลายปีที่ผ่านมานี้ไม่ได้นอนอยู่กับท่านมหาเสนาบดีอย่างเสียเปล่าสินะ อายุขนาดนี้แล้วยังไปรบกวนท่านมหาเสนาบดีทั้งกลางวันและกลางคืน อายคนอื่นบ้างไหม”

ซื่ออี๋เหนียงกำหมัดแน่น “เจ้ามาพูดแบบนี้มีหลักฐานอะไร เจ้าได้ยินที่ข้าพูดกับนายท่านเซียงกับหูหรือ”

“เลิกเสแสร้งต่อหน้าข้าสักที!” เสียงของเซวียอี๋เหนียงเริ่มแหลมขึ้น “เจ้าไม่ได้กำลังกลัวว่าเรื่องราวที่เหม็นโฉ่วของเจ้าจะถูกคนอื่นรู้งั้นหรือ คิดว่าข้าไม่รู้หรือไง”

ซื่ออี๋เหนียงตัวสั่นเล็กน้อยและหันมาผุดนั่งขึ้นทันทีพร้อมกับจ้องไปที่เซวียอี๋เหนียง “เจ้าพูดไร้สาระอะไรอยู่”

เซวียอี๋เหนียงรู้สึกได้ใจมากและพูดเสียงสูงขึ้น “กลัวหรือ ดูท่าว่าท่าที่ที่เรียบร้อยอยู่ในโอวาทของเจ้าจะมากระสับกระส่ายได้แบบนี้ แม้แต่เจ้าคณะละครแก่ๆเจ้าก็ยังไปอ่อยได้แถมยังมีลูกกันอัก ถ้าหากว่าได้พบคนคุ้นเคยกัน จะเสียหน้าไหมนะ กลัวคนอื่นจะรู้ล่ะสิ งั้นตอนแรกเจ้าก็เก็บหางของเจ้าไว้ให้ดีอย่าให้ถูกจับได้ล่ะ!”

ซื่ออี๋เหนียงรู้สึกหายใจไม่ออกในทันที เธอทำตัวไม่ถูกไปชั่วครู่และไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ผ่าไปอยู่นานจากที่เธอไม่เคยเงยหน้าขึ้นมองเซวียอี๋เหนียง เธอยิ่งไม่รู้ว่าจะโต้เถียงกับคนอื่นอย่างไร

เสียงของนางสั่น “ไร้สาระ!เจ้าใส่ร้ายข้า!”

“เจ้ามาแกล้งทำตัวหน้าสงสารอะไรอีก ศิษย์พี่ของเจ้าเล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว” เซวียอี๋เหนียงยังคงพดออกมาอย่างดุร้าย “เจ้าขอให้คุณหนูใหญ่คอยสนับสนุนเจ้า และวิ่งไปข่มขู่เจ้าคณะละคร เจ้าไปหานายท่านเซียงอยู่กินกันมาจะทนได้อย่างไร ทั้งหมดข้าสร้างเรื่องขึ้นมางั้นหรือ ความสามารถในการทำอะไรลับหลังคนอื่นนี่มันอะไรกัน”

เสียงเซวียอี๋เหนียงแหลมขึ้นเล็กน้อย ประตูที่อยู่ไม่ไกลออกไปนักมีบ่าวรับใช้มาล้อมเอาไว้อยู่

ซื่ออี๋เหนียงก็ยิ่งตื่นตูม เมื่อถูกเซวียอี๋เหนียงกล่าวหานางก็ไม่ได้ทำตัวยิ่งใหญ่อีกแล้ว

“ข้าไปขอให้คุณหนูใหญ่มาสนับสนุนข้าเมื่อไรกัน อีกทั้งเมื่อไรกันที่ข้าไปข่มขู่เขา”

เซวียอี๋เหนียงยิ้มเย็นออกมาและภูมิใจในการกุมความลับของนางเอาไว้ได้

“เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งไปยกเลิกงานแสดงกับคณะละครมาด้วยตัวเอง พอเขาเห็นข้า ข้ายังไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็คืนเงินมัดจำมาให้ข้าก่อนแล้วบอกว่างานแสดงนี้พวกเขาแสดงต่อไปไม่ได้แล้ว ที่แท้ก็เป็นพระชายาอ๋องฉีที่สนับสนุนเจ้าและส่งคนไปจัดการกับพวกนั้นโดยเฉพาะ อีกทั้งยังข่มขู่พวกเขาไม่ให้พูดอะไรออกมาอีก ถ้าหากเจ้าไม่ได้ไปขอร้องคุณหนูใหญ่แล้วนางจะช่วยเจ้าได้อย่างไร”

ซื่ออี๋เหนียงรู้สึกสับสนไปหมด แม้แต่เรื่องนี้คุณหนูใหญ่ก็รู้งั้นหรือ คงไม่ใช่ว่าเรื่องนี้คนอื่นรู้กันหมดแล้วหรอกนะ

เซวียอี๋เหนียงหัวเราะอกมาเสียงเย็น “ตอนนี้เผยนิสัยที่แท้จริงออกมาแล้วสินะ เก่งนี่ ไม่เกรงใจข้า เจ้าจะฆ่าข้างั้นหรือ ข้าไม่กลัวหรอก อย่างไรเสียข้าก็ได้ทำอะไรผิด ข้าไม่กลัวคนอื่นจะมาข่มขู่ข้าหรอก”

ซื่ออี๋เหนียงปิดประตูดังปัง “ข้าฆ่าเจ้าไม่ได้ ข้าตายไปเสียเองก็พอแล้ว!”

เซวียอี๋เหนียงได้เปรียบ แต่ความโกรธของนางยังคงไม่หายไปและไม่กลัวกับไม้นี้ของนางเลยจึงจิ๊ปากออกมาสองที “เจ้าจะขู่ใครกันน่ะ”

จากนั้นนางก็เดินจากไปอย่างสง่างาม

ไม่มีใครเก็บคำพูดนี้ของซื่ออี๋เหนียงมาใส่ใจและต่างพากันนึกว่าเป็นการปะทะกันของคนสองคน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปตายจริงๆ

แต่คำพูดของเซวียอี๋เหนียงนั้นกลายเป็นฟางเส้นุดท้ายของซื่ออี๋เหนียงจริง

เรื่องที่นางกังวลมากที่สุดก็เกิดขึ้น และเธอก็นึกไม่ออกว่าหลังจากที่ความลับของนางถูกเปิดเผยแล้วในอนาคตนางจะเหมือนตกนรกทั้งเป็นขนาดไหน แม้แต่ชิงฮวาก็จะคิดร่างแหไปด้วย ต้องถูกผู้คนวิพากษวิจารณ์

บวกกับความตายของลูกสาวคนโต อีกทั้งยังกังวลเรื่องที่ฆ่าจือชิวจะหลุดออกไป ในเวลานี้นางคิดไม่ตกเลยจริงๆ

หวังว่าความตายของนางจะทำให้ชื่อเสียงที่ไม่ดีทั้งหมดหายไป ชิงฮวาเองก็จะไม่ลำบากเพราะนาง

นางค้นหีบและหยิบผ้าออกมาผืนหนึ่งจากนั้นผูกมันไว้กับขื่อและสอดหัวเข้าไป เมื่อเธอปีนขึ้นไปวิญญาณของเธอกก็ออกจากร่างไปทันที มือของเธอห้อยลง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา