คนแรกที่พบว่าซื่ออี๋เหนียงผูกคอตายคือชิงฮวา
คณะละครคณะใหม่ได้เข้ามาในจวนและกำลังยุ่งอยู่กับการทำเวลา นางอยู่ในจวนดูเรื่องสนุกอยู่ค่อนวันก็ไม่อยากรู้แล้วว่าหลังจากนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
นางเห็นคำที่เขียนไว้ในหนังสือบทละคร นางก็นึกถึงเรื่องที่อี๋เหนียงเคยเล่าให้นางฟัง นางวิ่งเหยาะเข้าไปในสวนหลังบ้านเพื่อให้อี๋เหนียงได้ออกมาดูความสนุกสนาน
นางผลักประตูเข้าไปอย่างเบิกบานใจ คำว่าอี๋เหนียงที่จะเรียกออกไปติดอยู่ในลำคอ นางเห็นรองเท้าปักลายดอกไม้ของซื่ออี๋เหนียง มีลมพัดเข้าม กระโปรงของซื่ออี๋เหนียงปลิวไหวราวกับกำลังแกว่งอยู่
นางชะงักไปและเหม่อมองไปด้านบน จากนั้นนางก็กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจอย่างเจ็บปวด
“อี๋เหนียง!”
คนในจวนจำนวนมากมาล้อมเอาไว้และช่วยซื่ออี๋เหนียงลงมาจากคาน เห็นได้ว่านางตายมานานแล้ว
บ่าวรับใช้ในจวนต่างพากันพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในบ่ายวันนี้และพุ่งเป้าไปที่เซวียอี๋เหนียง
ชิงฮวานิ่วหน้า นางคว้ากรรไกรด้ามหนึ่งจากกล่องเย็บผ้าแล้วไปหาเซวียอี๋เหนียงอย่างสู้ตาย
คนจำนวนมากเข้ามาห้ามนางไว้จนชิงฮวาไม่สามารถหลุดรอกไปได้ นางจึงร้องไห้ออกมาตรงนั้นจนทำให้คนที่ใจอ่อนหลายคนน้ำตาไหล
เซวียอี๋เหนียงลนลาน นางคิดไม่ถึงเลยว่าซื่ออี๋เหนียงจะอารมณ์ร้ายขนาดนี้ แต่เพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น ทำไมถึงได้คิดไม่ได้กันนะ
นางคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเสนาบดีเหลิ่งแล้วโขกศีรษะ พร้อมทั้งอธิบาย เสนาบดีเหลิ่งทำเพียงหันหลังให้นาง
สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกกลัวมากเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง ความผิดนี้ตกลงมาอยู่บนหัวนางบอกว่านางเป็นคนบีบให้อี๋เหนียงในจวนตาย นางคิดว่าคงไม่มีความหวังอีกแล้ว
เหลิ่งชิงหลางรีบเข้ามาเมื่อได้ยินข่าวแต่นางกลับยิ้มออกมาอย่างเบิกบานใจ ผ้าเช็ดหน้าก็ไม่อาจผิดบังความสุขที่อยู่ในดวงตาของนางได้ เมื่อซื่ออี๋เหนียงตายไป เรื่องการตายของจือชิวก็หมดปัญหา ตายไปอย่างไร้หลักฐานและไม่มีใครสงสัยมาถึงตัวนาง สวรรค์เข้าข้างนางเสียจริง
เวทีละครถูกรื้อถอนออกไปแล้ว เจ้าคณะละครก็ออกไปจากจวนมหาเสนาบดี ไม่มีใครมีกะจิตกะใจอยากดูละครแล้ว
เหลิ่งชิงเฮ่อให้คนไปส่งจดหมายให้เหลิ่งชิงฮวนเพื่อแจ้งข่าวแก่นางว่าเรื่องดูละครคงต้องเปลี่ยนเป็นวันหลัง
เมื่อเหลิ่งชิงฮวนได้ทราบข่าวก็รีบกลับมาที่บ้าน เธอไม่วางใจเรื่องชิงฮวา ถ้าหากว่าคนตายเป็นคนที่ป่วยมานานทุกคนคงเตรียมใจเอาไว้ล่างหน้านานแล้ว แต่ว่าการจากไปอย่างกะทันหันแบบนี้คนที่เป็นญาติคงเสียใจมาก
ภายในจวนไม่มีวี่แววของงานศพ ทุกอย่างดูเป็นปกติ การตายของซื่ออี๋เหนียงเป็นการเพิ่มเรื่องสนทนาในยามจิบน้ำชาและหลังกินข้าวของคนอื่น
มีเพียงชิงฮวาที่สวมชุดไว้ทุกข์และร้องไห้จนเหนื่อยหลับไป พอนางตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้และหลับไปอีก นางนั่งขดตัวอยู่หน้าโลงศพของซื่ออี๋เหนียงอย่างไม่ยอมไปไหนเลยสักก้าว
เหลิ่งชิงเจียวที่อัครเสนาบดีปล่อยออกมากำลังนั่งอยู่ข้างชิงฮวาและก้มหน้าลงอยู่ ทั้งสองคนคุยกันเสียงเบาอย่างที่ได้ยินกันแค่สองคน
“เจ้าอย่าเสียใจไปเลย เจ้ายังมีข้าเป็นเพื่อนนะ ข้าเองก็ไม่มีแม่แล้ว”
เหลิ่งชิงฮวาร้องไห้หนักกว่าเดิม “แต่อี๋เหนียงของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ อี๋เหนียงของข้ากลับมาไม่ได้แล้ว นางไม่ต้องการข้าแล้ว”
เหลิ่งชิงฮวาพูดเสียงสะอึกสะอื้น
เหลิ่งชิงเฮ่อเดินมาที่ด้านหลังของเธอแล้วพูดเสียงเบาว่า “บ่าวรับใช้ที่มีหน้าที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ซื่ออี๋เหนียงบอกว่าเห็นรอยกรงเล็บสี่เล็บอยู่บนแขนของนางที่เพิ่งหายดี ไม่มีทางเป็นรอยแมวข่วนแน่”
นี่เป็นสิ่งที่คิดเอาไว้อยู่แล้ว
“นางฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิดงั้นหรือ” เหลิ่งชิงฮวนถามเสียงเบา “หรือนางรู้ตัวว่าเราสงสัยนาง นางจึงกลัวแล้วเลือกผูกคอตาย หรือว่าจะมีคนลงมือกับนางกัน ฆ่าคนปิดปาก?”
“เห็นได้ชัดว่านางฆ่าตัวตาย แต่ทำไมนางถึงคิดไม่ได้กันนะ ยังเป็นที่ถกเถียงกัน คนในจวนพูดกันว่านางมีปากเสียงกับเซวียอี๋เหนียง พูดจากันรุนแรงมาก ตอนนั้นซื่ออี๋เหนียงอารมณ์รุนแรงพูดถึงความเป็นความตาย แต่ทุกคนไม่ได้ใส่ใจ ”
“เซวียอี๋เหนียงต้องพูดเรื่องอดีตของนางแน่ นางถึงได้กลัวว่าจะทำให้เหลิ่งชิงฮวนลำบากถึงได้เลือกทางนี้”
“ท่านพ่อเสียใจมากจนขังตัวเองอยู่ในห้องหนังสือและไม่ยอมพบใคร เซวียอี๋เหนียงกลัวมากและไม่อยากรับผิดชอบเรื่องนี้ นางอธิบายพูดว่าเมื่อวานนี้มีคนเห็นซื่ออี๋เหนียงอารมณ์ไม่ดี ตอนที่กลับไปที่เรือนของนางก็เหมือนวิญญาณหลุดจากร่าง ต้องเกิดเรื่องอะไรที่ทำให้นางคิดสั้นแน่ สุดท้ายนางก็ต้องเผชิญกับมัน”
เหลิ่งชิงฮวนกลอกตาใส่เขา ถ้าข้ารังเกียจว่าท่าสกปรกหลังจากนี้ท่านจะไม่จูบปากข้าแล้ว?
มู่หรงฉียกมุมปากขึ้นน้อยๆ “ถ้าเจ้าไม่พูดข้าจะคิดว่าเจ้ารังเกียจข้า”
กินโจ๊กเข้าไปเขาก็อดไม่ได้ที่จะปิดปากของเหลิ่งชิงฮวน
เหลิ่งชิงฮวนถลึงตาใส่เขา นี่เขาทำอะไรกันนะ เป็นนกหรือไงที่ให้อาหารทางปาก
อนามัยหน่อยได้ไหม
มู่หรงฉีเปิดปากของเธอและบังคับให้เธอกลืนโจ๊กลงไป จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจ
“นี่ข้าป้อนให้ลูกชายของข้านะ”
เหลิ่งชิงฮวนตะลึงอ้าปากค้างและถามอย่างไม่ยินดียินร้ายว่า “ทำไมท่าถึงดีกับข้านัก”
ถามจบเธอก็รู้สึกว่าตัวเองถามได้โง่ ไร้เดียงสาพอๆกับเด็กสาวผมทองที่กระตือรือร้น
มู่หรงฉียิ้มออกมาเล็กน้อย “เพราะว่าบนโลกใบนี้คนที่ชอบเจ้ามีมากเกินไป ข้าก็เลยต้องพยายามดีกับเจ้าให้มากหน่อย โปรดปรานเจ้า เจ้าถึงจะไม่ถูกผู้ชายปากหวานพวกนั้นหลอกเอาไป”
เหลิ่งชิงฮวนยิ้มออกมาราวกับคนโง่ “งั้นหม่อมฉันควรจะแมลงพวกนั้นให้มากหน่อย ให้คนมาเอาใจหม่อมฉันให้มากแบบนั้นแล้วท่านถึงจะรู้สึกถึงอันตรายได้มากขึ้น”
“เจ้ากล้า!” มู่หรงฉีถลึงตาใส่เธออย่างข่มขู่ “ดูท่าว่าข้าจะยังป้อนเจ้าไม่อิ่มนะ”
ประโยคนี้เห็นได้ชัดว่าสองแง่สองง่าม เหลิ่งชิงฮวนหยอกเขาไปทีหนึ่ง เขากำลังคิดจะเล่นต่อแต่ที่ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าเข้ามาอย่างรีบร้อน รองแม่ทัพสูงสุดอวี๋ยังไม่ทันเข้าด้านในก็ได้ยินเสียงของเขามาก่อนแล้ว
“ท่านอ๋อง แย่แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...