ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 315

ฤดูใบไม้ร่วงที่สดใสไร้กังวล ท้องนภาสูง มีเมฆบางๆ

เหลิ่งชิงฮวนไปจับแมลงกับชิงฮว่าบนภูเขา

ชิงฮว่าอยู่ที่นี่มาได้สองสามวันแล้ว สนุกเกินกว่าจะกลับไปที่จวนมหาเสนาบดี ความโศกเศร้าเสียใจที่สูญเสียผู้เป็นมารดาไปก็ค่อยๆ ดีขึ้นทีละน้อย

เหลิ่งชิงฮวนคิดว่า มันอาจจะเหมือนกับที่ผู้คนมักจะพูดกันจริงๆ มิมีรอยแผลใดที่มิสามารถลบเลือนได้ด้วยกาลเวลา เมื่อเวลาผ่านไป ชิงฮว่าก็จะมีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง เพราะท้ายที่สุด นางก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง

แต่การที่ตนเองยังมิยอมยกโทษให้มู่หรงฉี จะค่อยๆ เคลื่อนคล้อย และค่อยๆ หายไปบ้างหรือไม่?

ไม่สิ ความห่วงหาอาทรก็เหมือนกับวัชพืชที่โตวันโตคืน และกัดกินในใจ

ใช่แล้ว เพียงแค่เงยหน้าขึ้น ก็เห็นเขาที่ดูเศร้าหมองจนแทบจะแฝงไปด้วยสายตาขอร้องอ้อนวอนอย่างต่ำต้อย และสามารถทำให้ใจอ่อนได้ เขาเป็นคนทะนงตนแค่ไหน วีรบุรุษที่เป็นคนดูหมิ่น และมีอารมณ์ชั่ววูบ จะมาก่อกวนกันแบบมิยอมปล่อยกันไปได้งั้นรึ?

ทว่าตนมิสามารถผ่านเวลาที่กระชั้นชิดนั้นไปได้ เมื่อนึกถึงคราใด หัวใจก็เหมือนโดนเข็มทิ่มแทง

ท้ายที่สุด ก็เป็นความรู้สึกที่ล้ำเส้นเข้ามาอย่างท่วมท้น หรือความรู้สึกเพียรพยายามของตนจะหายไปกันนะ? ความย้อนแย้งก็คือการนำเลื่อยมาเลื่อยไปเลื่อยมา ช่างทรทมานสิ้นดี

แต่มู่หรงฉีกลับเหมือนอสูรที่ถูกขังอยู่ในกรง เหลิ่งชิงหลางก็คือความโกรธแค้นและความฉุนเฉียวของเขา ความเย็นยะเยือกของเหลิ่งชิงฮวนก็คือกรงที่ขังเขาเอาไว้ เดินไปมาอย่างกระสับกระส่าย กระแทกไปทางซ้ายทีขวาที แต่ก็จนปัญญา

ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว พืชพรรณบนภูเขาก็พัดปลิวไสว น้ำก็ไหลเย็น

ความเพลิดเพลินใจที่สุดของเหลิ่งชิงฮว่าก็คือการได้จับแมลงทุกชนิด เช่น จิ้งหรีด เรไรขายาว ด้วงดีด ตั๊กแตนตำข้าว แมลงเต่าทอง หรือแม้กระทั่งไส้เดือนที่ทำให้คนขนลุก เลี้ยงไว้ในหม้อดินเผา หรือในกรงสาน

เหลิ่งชิงฮวนจิตใจไม่อยู่เนื้อกับตัวเล็กน้อย

จู่ๆ ชิงฮว่าที่กำลังคุ้ยเขี่ยหาด้วงดีดในโพรงหญ้าก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมา ชี้ไปด้านหน้าและกระโดดอย่างดีใจ “กระต่าย กระต่ายน้อย!”

เหลิ่งชิงฮวนเงยหน้าขึ้น เห็นเพียงกระต่ายตัวหนึ่ง มิใช่สิ มิใช่แค่หนึ่งตัว แต่อาจจะมีมากกว่านั้น และกำลังวิ่งหนีไปยังที่ที่ทั้งสองยืนอยู่อย่างสุดชีวิต

และยังมีนกที่กระพือปีกบินไปอย่างแรงด้วยความตื่นตระหนกตกใจ และขึ้นไปบนท้องนภา

ในขณะเดียวกัน เสียงของเหล่าแมลงในฤดูใบไม้ร่วงที่ร้องกันเจี๊ยวจ๊าวอยู่ในโพรงหญ้าก็หยุดลงด้วย ด้วงดีดหรือจิ้งหรีดจำนวนมากต่างบินว่อนราวกับตกใจ

ชิงฮว่ากระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข “ข้าอยากจับกระต่าย! ท่านพี่ กระต่ายช่างน่ารักยิ่งนัก!”

เหลิ่งชิงฮวนกลับรู้สึกถึงความโกลาหลอลหม่านและความหวาดผวาของเหล่าสรรพสัตว์ในบรรยากาศ นี่มันมิปกติ สัตว์ทั้งหลายรับรู้อันตรายได้มากกว่าเหล่ามนุษย์ เช่นเดียวกับก่อนเกิดแผ่นดินไหว บรรดาสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงในบ้านจะมีปฏิกิริยาที่อยู่มิสุข

นางรีบคว้าชิงฮว่าที่กำลังจะพุ่งตัวไปข้างหน้า “อย่าวิ่งไปทั่วสิ!”

กระต่ายเหล่านั้นหยุดอยู่ข้างหน้าทั้งสองคนมิไกลนัก และยกหูขึ้นมา หลังจากมองไปรอบๆ แล้วก็ยิ่งวิ่งอุตลุตไปด้วยความตื่นตกใจมากขึ้น กลับดูเหมือนว่าจะถูกมนต์สะกดให้หนีจากวงจรนี้มิได้

หัวใจของเหลิ่งชิงฮวนสั่นสะท้าน มีอันตรายอยู่บริเวณใกล้ๆ และมิได้มาจากจิตสังหารของมนุษย์ แต่เป็นอันตรายที่ร้ายแรงจนทำให้เหล่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยต่างรู้สึกตื่นตกใจ

ยิ่งไปกว่านั้น อันตรายนี้กำลังจะค่อยๆ หดแคบลง โดยมีนางเป็นศูนย์กลาง และล้อมรอบนางไว้

ทำเยี่ยงไรดี?

วินาทีนั้น ร่างในชุดสีดำสีห้าคนก็กระโจนมาทางทั้งสองคนอย่างรวดเร็วราวกับเหยี่ยว และในขณะที่ยังมิได้เข้ามาใกล้ เขาก็ตะเบงเสียงขึ้น “พระชายาระวังงูพิษขอรับ!”

เพียงครู่เดียวก็ได้ยินเสียงแซ่กแซ่กดังขึ้นในโพรงหญ้า หนาแน่นมากจนทำให้ผู้คนขนหัวลุก

แน่นอนว่างูนั้นมีจำนวนมิน้อยเลย พวกมันอยู่รวมกันเป็นฝูง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้สัตว์ตัวเล็กๆ บนภูเขาตื่นตระหนกเช่นนี้

นี่มิใช่เรื่องบังเอิญแน่ ต้องมีคนจงใจทำมัน

อีกทั้งยังเป็นตอนกลางวันแสกๆ เลือกลงมือตอนที่มู่หรงฉีมิอยู่โดยเฉพาะ

โชคดีที่เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นสูง และเผางูที่อยู่บริเวณรอบๆ ได้อย่างรวดเร็ว กระอายความร้อยแผ่ซ่านสกัดกั้นฝูงงูที่พุ่งเข้ามามิขาดสาย

แรงกดดันของทหารอารักขาก็ลดลงอย่างกะทันหัน ออกแรงโจมตีไปได้เพียงสองสามครั้ง งูที่อยู่รอบๆ ตัวก็ถูกฆ่าตายจนเกลี้ยง ทหารอารักขารีบส่งสัญญานขอความช่วยเหลือทันที ตอนนี้ก็ทำเพียงแค่ถ่วงเวลาเอาไว้จนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง

เหลิ่งชิงฮวนมีแอลกอฮอล์มากมายอยู่ในแหวน มิต้องกังวลเลยว่ามันจะหมด นางทำความสะอาดบาดแผลของทหารอารักขาที่ถูกพิษ แล้วฉีดเซรุ่มพิษงูให้

เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เหล่าทหารอารักขาก็มองที่ดวงตาของนางอย่างยากจะอธิบายเล็กน้อย

พวกเขาจ้องมองไปยังเหลิ่งชิงฮวนที่หยิบขวดแอลกอฮอล์ออกมาจากแขนเสื้อแล้วเขวี้ยงมันลงพื้น รู้สึกเหมือนใช้ได้มิมีวันหมด

เป็นไปได้หรือไม่ที่พระชายาของตนจะมีแหล่งขุมทรัพย์? แขนเสื้อนั่นก็เป็นสมบัติล้ำค่าด้วยหรือไม่?

เหลิ่งชิงฮวนก็รู้ดีว่าอวดเก่งไปมันก็มิมีประโยชน์ แต่จะให้ตนเบิกตาโพลงมองดูคนถูกงูกัดตายรึอย่างไร?

ทั้งสองฝ่ายหยุดชะงักไปอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับมิกล้าชะล่าใจเลยสักนิด เพราะอีกฝ่ายมิมีวันยุติลงแน่

แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ งูพิษยังมิยอมล่าถอย เสียงขลุ่ยแหลมคมดังขึ้น โทนเสียงเปลี่ยนไป ก่อนจะมีเมฆดำลอยอยู่บนท้องฟ้าจนมืดมิด

ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองด้วยความหวาดผวา มันเป็นฝูงค้างคาวดำ! จำนวนมหาศาลบินขึ้นไปเหนือหัวของฝูงชนโดยพร้องเพรียงกัน ปกคลุมท้องฟ้าบดบังแสงอาทิตย์

คราวนี้ทหารอารักขาตั้งรับได้ยากขึ้น

เศษแขนเศษขาจำนวนมากมายร่วงลงมาบนตัว

เหลิ่งชิงฮวนก็มิสามารถทำอันใดได้อีกต่อไป อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องมิออก สิ่งมีชีวิตที่มีปีกพวกนี้มิใช่เรื่องที่จะจัดการได้ง่ายนัก

ว่ากันว่าค้างคาวก็กลัวไฟเช่นกัน แต่บุคคลคนนั้นดันเป็นคนมีความสามารถ สามารถทำให้ค้างคาวข้ามวงล้อมเปลวไฟเข้ามาได้อย่างมิกลัวอันใด นางก็คงจะมิสามารถทำให้ไฟลุกโชนขึ้นมาเผาตัวเองไปด้วยหรอกใช่หรือไม่?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา