และแน่นอน มู่หรงฉีกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ครอบครัวมีลูกตั้งสามคน เช่นนั้นเจ้าก็ต้องดูแลรักษาสุขภาพให้ดี ส่วนเรื่องในวันนี้...”
จู่ๆ ทหารอารักขาก็ตัวสั่นสะท้าน รีบแสดงความภักดีขึ้นมาทันใด “ข้าน้อยมิเห็นอันใดเลยขอรับ”
จากนั้นมู่หรงฉีก็ส่งเสียงฮึๆ ด้วยความพึงพอใจ ชายชาตรีนั้นยืดหยุ่นได้ การร้องขอความเมตตาจากฮูหยิน มันก็คงจะมิใช่เรื่องที่น่าขายหน้าเกินไปใช่หรือไม่?
เขาเดินหันหลังกลับไปอย่างกระฉับกระเฉง ทหารอารักขาที่เดินตามหลังเขาได้เล่าถึงประสบการณ์อันน่าสะเทือนขวัญเมื่อสักครู่นี้ พร้อมพูดถึงความน่าอัศจรรย์ของเหลิ่งชิงฮวน
“...พระชายานั้นเปรียบดั่งนางฟ้า ยังมิทันได้คาดเดากระไรก็รู้เสียแล้ว นางหยิบยาออกมาจากแขนเสื้อแล้วโปรยมันไปในเดี๋ยวนั้น ทั้งงูและแมลงเหล่านั้นก็ต่างถอยห่างไปเก้าสิบลี้ มิกล้าเข้าใกล้... จากนั้นก็หยิบขวดเหล้าออกมาจากแขนเสื้อ ทุบมันจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ไปทั่วบริเวณ ทันทีที่จุดตะบันไฟ เปลวไฟจึงลุกโชติช่วงขึ้นมา และเปลวไฟก็พุ่งสูงขึ้นจนทำให้ข้าน้อยตกอกตกใจ...”
มู่หรงฉีเดาะลิ้นอย่างครุ่นคิด ฮูหยินของเขาซ่อนความลับอันใดไว้ในตัวกันนะ? มิเพียงแต่จะมียาซ่อนอยู่ในตัวของนางเท่านั้น หากแต่ยังมีเหล้าอีกด้วย? เช่นนั้นจะมีสักวันหรือไม่ที่จะมีเงินทองแท่งไหลออกมาแทน?
ฮูหยินเยี่ยงนี้ ใครเล่าจะมิอยากเฝ้าอารักขานางราวกับไข่ในหินบ้าง?
เมื่อกลับมาในหมู่บ้านชนบท เหลิ่งชิงฮวนยังคงทำสีหน้าเย็นชา มิพูดมิจากับเขา
สะใภ้เฉินจึงพาชิงฮว่าออกไปอย่างรู้เห็นเป็นใจ ทิ้งไว้ให้เหลือเพียงแค่คนสองคนภายในบ้าน
“พรุ่งนี้ให้ข้ากลับจวนท่านอ๋องไปกับเจ้าหรือไม่?”
“มิต้อง”
มู่หรงฉียังคงคิดหาคำพูดไปเรื่อย “งั้นข้าจะให้คนขับรถม้าที่จวนมารับเจ้าพรุ่งนี้แต่เช้า”
เหลิ่งชิงฮวนรับคำว่า “อืม” มิได้ปฏิเสธ
มู่หรงฉีเม้มริมฝีปากบางของเขา “เจ้ากินข้าวรึยัง”
มาไม้นี้อีกแล้ว มิมีลูกเล่นใหม่ๆ บ้างหรือไร เวลานี้จะกินข้าวที่ไหนกัน?
“ยัง”
“เช่นนั้น ถ้าเช่นนั้นข้าก็มีธุระจะต้องกลับไปที่จวนท่านอ๋องฉี ประเดี๋ยวจะกลับมา”
เหลิ่งชิงฮวนไม่แม้แต่ส่งเสียงใดๆ
มู่หรงฉีกล่าวกับตนเองว่า “ดูเหมือนว่าที่หลังจะโดนหนามไผ่แทงอยู่มิใช่น้อย ฝังลึกเข้าไปในเนื้อด้วย คงต้องหาหมอมาเอาออกให้เสียหน่อยแล้ว”
เหลิ่งชิงฮวนยังคงมิได้เอื้อนเอ่ยอันใด และก็มิได้คิดที่จะอาสาตนด้วย
มู่หรงฉีหารือไปอย่างมิได้สนใจ ในใจแอบก่นด่าทหารอารักขาผู้นั้นที่แสร้งทำเป็นเข้าใจทั้งที่มิเข้าใจอันใดเลย แล้วตนก็ยังถือว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย “ได้ยาดีๆ แล้ว ข้าจะกลับมา”
เหลิ่งชิงฮวนรับคำว่า “อืม” โดยมิคาดคิด! อีกทั้งมิได้รั้งไว้เลย
ผู้หญิงคนนี้กลายเป็นคนใจจืดใจดำไปเสียแล้ว ใจร้ายจริงๆ เชียว มู่หรงฉีจวนจะร้องไห้อยู่รำไร บนหลังข้าแบกตัวอัปลักษณ์อยู่เยี่ยงนี้ จะเอาหน้าที่ไหนไปหาหมอจีนมารักษากันเล่า?
คำพูดออกจากปากเขาไปแล้ว และก็กลัวเสียหน้าเกินกว่าที่จะดั้นด้นให้ความเย็นชาของนางทำลายความรู้สึกดีๆ ต่อไป จึงกัดฟันพร้อมเดินหันหลังออกไปขึ้นหลังม้า และควบจากไป
เหลิ่งชิงฮวนมองดูเขาที่ออกจากบ้านพักบนภูเขาไปจริงๆ ผ่านหน้าต่าง พร้อมก่นด่าด้วยความโกรธอยู่ภายในใจ “แล้วท่านก็ไป มิละอายใจบ้างเลยสินะ วันนี้กลับเชื่อฟัง บอกให้ท่านไปก็ไปจริงๆ แล้วความไร้ยางอายก่อนหน้านั้นล่ะ?”
มู่หรงฉีกลับมาถึงจวนท่านอ๋อง พร้อมกับส่งม้าให้กับทหารอารักขาหน้าประตูนำไปผูกไว้กับเสาหินผูกม้า และเดินเข้าไปในจวนด้วยตนเอง
เขามิได้กลับมาที่จวนอยู่หลายวัน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้ดูแลก็เข้ามาต้อนรับด้วยความกระตือรือร้นราวกับพบญาติสนิทมิตรสหาย
แต่เขากลับเมินเฉย พร้อมตรงไปยังสวนอรุโณทัย
แล้วมู่หรงฉีก็หันหลังกลับพร้อมเดินจากไป
“ท่านพี่!” จิ่นอวี๋รีบเร่งเรียกเขาเอาไว้ “ชิงฮวนผู้นั้น คุ้มค่าแก่การที่ท่านปฏิบัติต่อนางเช่นนี้หรือไม่”
“มิเกี่ยวอันใดกับเจ้า แม้ว่าจะมิมีชิงฮวน ต่อแต่นี้ข้าก็จะมิมีวันเหลียวแลเจ้า เจ้ากับข้าตัดขาดกัน”
“แต่เหลิ่งชิงฮวนตัวจริงน่ะตายไปนานแล้ว!” แล้วจู่ๆ จิ่นอวี๋ก็พูดถึงเรื่องอันน่าประหลาดใจขึ้นมาอย่างมิทันคาดคิด
มู่หรงฉีชะงักฝีเท้า “เจ้ายังอยากจะลองพูดจาเหลวไหลอีกอย่างนั้นหรือ”
จิ่นอวี๋กัดฟันแน่นเพื่อยับยั้งความหวาดกลัวภายในใจ “ข้าจำเป็นต้องพูด เพราะเกรงว่าท่านจะถูกนางดึงดูดให้ลุ่มหลง เหลิ่งชิงฮวนตัวจริงตายไปแล้วในวันเสกสมรสใหญ่ของพวกท่าน เหลิ่งชิงฮวนผู้นี้ถูกผีผู้หญิงเข้าสิง หรืออาจจะเป็นอสูรกาย นางมิใช่มนุษย์เสียด้วยซ้ำ!”
มู่หรงฉียังคงมิได้หันกลับมามอง เพียงแค่สะบัดแขนเสื้อ แจกันหยกขาวที่วางอยู่บนโต๊ะก็ถูกกำลังภายในยกขึ้นมา ทุบไปยังใบหน้าของจิ่นอวี๋โดยตรง
ไต้มั่วอุทานด้วยความตกใจ “จวิ้นจู่!”
สายตาของจิ่วอวี๋จับจ้องไปที่เขา มิเข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้น นางถูกตบด้วยแจกันหยกสีขาวเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง จากนั้นก็ร่วงหล่นลงพื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ
บนหน้าผากของนาง มีเลือดอุ่นๆ ไหลออกมา และค่อยๆ หยดลงมาอย่างช้าๆ นางรู้สึกมึนงงสับสนเล็กน้อยอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
“ข้ามิชอบการเฆี่ยนตีผู้หญิง แต่ยกเว้นผู้ที่กล้าล่วงเกินชิงฮวน ถ้าเจ้ามิเชื่อข้า จะลองอีกครั้งก็ย่อมได้”
จิ่นอวี๋มิกล้าอีกต่อไป แม้ว่านางจะมิเห็นสีหน้าของมู่หรงฉี แต่จิตสังหารและความเยือกเย็นอันหนาวสะท้านนั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้นางเงียบราวกับเป่าสาก ปิดปากนางเอาไว้ได้
ร่างของนางโงนเงนไปมา ก่อนจะล้มลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ท่ามกลางเสียงร้องของไต้มั่ว
แต่มู่หรงฉีกลับมิหันกลับมามองแต่อย่างใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...