ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 33

"ท่านอ๋องฉีถึงกลับมาด้วยตนเองเลยหรือ" ฮูหยินเฒ่าทั้งดีใจและกังวล "นี่มันเป็นการจัดเลี้ยงที่จวนท่านเคานต์ของเรา จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่ได้เด็ดขาดนะ รีบไปดูเร็ว บอกลุงเฒ่าว่า หากอาการรุนแรงให้รีบส่งคนไปรับหมอหูมา อย่าเสียเวลาเชียว"

ผู้ดูแลวิ่งออกไปส่งสารอีก ฮูหยินเฒ่านั้นนั่งไม่ค่อยอยู่กับที่แล้ว มองออกไปด้านนอกบ่อยๆ

เสียงข้างนอกนั้นยิ่งดังวุ่นวายขึ้นมาอีก ผู้ดูแลนั้นวิ่งกลับมาอย่างตื่นตระหนก "แย่แล้วเพคะ ฮูหยินเฒ่า ท่านผู้ตรวจการที่มีอาการแต่แรกนั้นยังคงหมดสติ แถมริมฝีปากนั้นเป็นสีม่วง แขกที่ร่วมโต๊ะทานอาหารกับเขาก็มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ราวกับว่าโดนยาพิษ แต่หมอยังตรวจหาไม่ได้ว่าโดนพิษอะไรเพคะ"

ฮูหยินเฒ่าลุกขึ้นอย่างตกใจ "แล้วแขกโต๊ะอื่นๆ ล่ะ"

"แขกโต๊ะอื่นๆ ไม่เป็นอะไรเพคะ มีแค่แขกที่นั่งอยู่ที่ตำแหน่งหลักนั้นรู้สึกไม่สบาย"

ทันใดนั้นเหล่าไท่จวินเองก็ตกใจอย่างมาก ลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า "อะไรนะ ฉีเอ๋อร์กับหลินเฟิงก็โดนยาพิษหรือ"

พวกเขาทั้งสองคน คนหนึ่งเป็นท่านอ๋องของราชวงศ์ปัจจุบัน คนหนึ่งเป็นราชทายาทของจวนกั๋วกง ก็จะต้องนั่งอยู่ที่ตำแหน่งหลักของโต๊ะอยู่แล้ว

งานเลี้ยงนี่คงจะกินไม่ลงแล้ว พวกเขาเดินอ้อมฉากกั้นลมมาแล้วมุ่งตรงไปยังโต๊ะกินเลี้ยงชายอย่างลุกลี้ลุกลน ฮูหยินเฒ่าเองยิ่งร้อนรนจนขาสั่นไปหมด คนที่เกิดเรื่องคือแขกที่อยู่ที่นั่งตำแหน่งหลัก ล้วนเป็นคนสูงส่งของราชวงศ์ หากโดนยาพิษเพราะเรื่องการกิน เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว จวนท่านเคานต์คงจะรับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ

ที่โต๊ะกินเลี้ยงของผู้ชายนั้นวุ่นวายไปหมด นอกจากผู้เฒ่าตรวจการที่หมดสตินอนน้ำลายไหลอยู่บนพื้นนั้น ก็มีอีกสองคนที่กุมท้องแล้วนอนคดตัวอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าที่ทรมาน

มีคนคนหนึ่งยืนหันหลังให้เหล่าผู้หญิง ผมเงาดำของเขาปกคลุมอยู่ที่ไหล่ สวมใส่ด้วยชุดที่หรูหราเป็นเลิศ ไหล่กว้างสะโพกแคบ รูปร่างสูงโปร่ง เขากำลังสั่งการให้แขกสลายตัวออกอย่างสงบนิ่ง แล้วสั่งให้คนรับใช้ในจวนนั้นช่วยเหลือการรักษาของหมออย่างเต็มที่ เขายืนอยู่ในฝูงชน แต่โดดเด่นออกมาราวกับหงส์ในฝูงกา เป็นที่ต้องตาอย่างมาก ทำให้คนมองเห็นแค่หลังก็รู้สึกหลงใหลแล้ว

เหล่าผู้หญิงนั้นก็ถูกทหารอารักขาล้อมกั้นเอาไว้ บอกว่าเพื่อความปลอดภัย ก่อนที่หมอจะตรวจพบว่าต้นเหตุของการโดนยาพิษนั้นมาจากอะไร ท่านอ๋องฉีสั่งห้ามไม่ให้คนเข้าใกล้

เหลิ่งชิงฮวนเงยหน้ามองไป พบว่าแผ่นหลังที่หล่อเหลานั้นเป็นมู่หรงฉี

แต่วิธีของเขานั้นก็ถูก เพราะว่าหากใครสักคนวางยาจริงๆ คนกำลังยุ่งๆ อยู่ก็จะไม่ทันได้จัดการ อาจจะทำให้คนที่วางยานั้นรอดตัวไปแล้วก็รบกวนการตรวจสอบ

ตอนนี้แขกที่นั่งอยู่ตำแหน่งหลักและโดนยาพิษก็ถูกกักตัวไว้แล้ว หมอกำลังเร่งมือช่วยอย่างเต็มที่

เขาปาดเหงื่อบนหัวแล้วพูดว่า "เรียนท่านอ๋องฉี มั่นใจว่าเป็นการโดนยาพิษไม่ผิดแน่ขอรับ แต่โดนพิษชนิดไหนนั้น ข้าน้อยจะต้องตรวจดูอาหารบนโต๊ะอีกที จากนั้นถึงจะให้การรักษาได้ถูกขอรับ"

มู่หรงฉีนั้นขมวดคิ้วแล้วพยักหน้า "ตรวจ!"

หมอหยิบเอาเข็มเงินมาลองทีละอันๆ

เสิ่นหลินเฟิงเองก็นั่งอยู่ที่ตำแหน่งหลักของโต๊ะนี้ พอเห็นเข็มเงินในมือของเขาแล้ว ก็นึกคำพูดที่เหลิ่งชิงฮวนพูดกับเขาได้ว่า "ใช้เข็มเงินนี่ในการตรวจมันจะจำกัดเกินไปหรือเปล่า พิษบางชนิดมันไม่สามารถที่จะตรวจพบได้"

ใจของหมอนั้นลนลานมากกว่าเดิม เพราะหลังจากที่เขาตรวจทีละเมนูแล้ว เข็มเงินนั้นไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ในขณะที่เขาคิดไม่ออกนั้น ก็เหลือบไปเห็นถ้วยซุปหยกสีขาวที่อยู่กลางโต๊ะ ซุปนั้นแทบจะกินไปจนหมดเหลือเพียงซุปสีขาวนมอยู่ก้นถ้วยเท่านั้น แล้วก็เหลือหนังปลาชิ้นเล็กชิ้นหนึ่งที่มีกระดูกปลาอยู่ด้วย

เขานั้นนึกขึ้นได้ทันที "นี่มันซุปอะไร"

ลุงเฒ่าฉีของจวนท่านเคานต์อธิบายว่า "เป็นปลาปักเป้าที่ตั้งใจให้คนไปหามา เห็นว่าท่านอ๋องฉีมาเยือน จึงสั่งให้พ่อครัวในจวนต้มซุปข้นหอมหวานให้ขอรับ"

หมอนั้นกระทืบเท้า "นี่แหละ แม้ว่ารสชาติของปลาปักเป้าจะหอมหวานนุ่มนวล แต่ว่าเครื่องในและเลือดนั้นเป็นพิษที่รุนแรง หากพ่อครัวนั้นทำไม่เป็นบวกกับมีเวลาน้อย เวลาในการต้มก็ไม่นานพอ มันก็ไม่สามารถกำจัดฤทธิ์พิษของเนื้อปลานี่ได้ เมื่อเหล่าขุนนางกินเข้าไปก็จะต้องโดนยาพิษเป็นธรรมดาขอรับ"

ผู้คนนั้นต่างฮือฮา คิดว่ามีคนจงใจวางยาพิษ คิดไม่ถึงว่าจะเกิดจากเนื้อปลานี้ เนื้อของปลาปักเป้านี่หอมหวาน ผู้คนที่ชินกับอาหารหรูหรานั้นต่างชมไม่ขาดสาย จึงอดใจไม่ไหวต้องกินสักถ้วย คงจะเป็นเพราะว่าตาเฒ่าตรวจการนี่ตะกละกินเยอะที่สุด แถมยังมีอายุมากแล้ว จึงเป็นคนแรกมีออกอาการ

ลุงเฒ่าของจวนท่านเคานต์นั้นลนลานอย่างมาก ตนเองนี่ทำเรื่องเกินความจำเป็นจริงๆ ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้แขกของโต๊ะนี้พอใจ แถมยังสร้างปัญหาใหญ่โตไว้อีก

เขาถามอย่างร้อนรนว่า "แล้วทำยังไงดีขอรับ มีแค่ซุปนี่แหละที่ทุกคนได้ลองลิ้มชิม แก้พิษยังไงขอรับ"

หมอนั้นรู้สึกลำบากใจ "วิธีก็มีอยู่หรอก แต่ก็ใช่ว่าจะใช้ได้ผลหมด อีกอย่างวิธีนี้มันค่อนข้างจะพูดยากขอรับ"

ลุงเฒ่าฉีนั้นกำลังร้อนรนอย่างมาก จึงพูดตะคอกว่า "นี่มันเวลาอะไรแล้ว ยังจะมาอ้ำๆ อึ้งๆ อีก วิธีอะไรก็รีบพูดมาสิ ต่อให้ต้องเสียเงินทองขนาดไหนก็ต้องช่วยคนก่อนสิ"

หมอนั้นรวบรวมความกล้าแล้วพูดว่า "ก็ไม่ต้องเสียเงินทองหรอก ที่จวนเราก็มีอยู่"

"รับพูดสิ!" ทุกคนเร่งเร้า

มู่หรงฉีนั้นทำสีหน้าอึมครึมแล้วไม่พูดอะไร ชีวิตความเป็นความตาย เขาไม่สามารถที่จะตัดสินใจแทนคนอื่นได้ว่าจะกินหรือไม่กิน

วันนี้ที่เขาก้าวเข้าในจวนก็ไม่เห็นเหลิ่งชิงฮวนและเหลิ่งชิงหลาง ก็ถูกพวกเสิ่นหลินเฟิงนั้นลากไปกินเหล้าที่โต๊ะ ดื่มไปทีเดียวหลายแก้วก็รู้สึกร้อนท้อง เมื่อมีคนยกน้ำซุปมา เขาก็กินไป ใครจะคิดว่าจะลืมอันนี้ไปได้

ในฝูงคนนั้นมีคนพูดว่า "รีบช่วยชีวิตคนสิ จะมีสนใจอะไรมากมาย รีบสั่งให้คนไปเอามาเร็วๆ"

คำพูดนี้ได้รับการสนับสนุนมากมาย ส่วนมากจะมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น "ใช่ๆ ขอแค่ช่วยชีวิตได้ ก็อดทนหน่อยก็แล้วกัน"

ลุงเฒ่าฉีก็ไม่รู้จะทำยังไง เมื่อได้ยินทุกคนต่างเห็นด้วย จึงสั่งให้คนในจวนยกเอาถ้วยหยกขาวและช้อนไปเอาพระบังคนหนักที่เว็จ

บ่าวรับใช้นั้นพยายามกลั้นลมหายใจแล้วทำตามที่เจ้าบ้านสั่ง แล้วก็เอาซุปพระบังคนหนักสีทองเหลืองและกลิ่นเหม็นมาเต็มถ้วยจริงๆ ทุกคนต่างปิดจมูกแล้วหลีกทางให้แต่ไกล ไม่มีใครกล้ามองอย่างชัดๆ เกรงว่าจะฝันร้าย

ทีนี้ก็ไม่ต้องพูดถึงมู่หรงฉีเลย แม้แต่สีหน้าของเสิ่นหลินเฟิงก็อึมครึม เขาเองก็เป็นผู้รับได้ผลกระทบ ให้เขากินไอ้ของที่น่าคลื่นนี้ สู้ปล่อยให้เขาตายเพราะฤทธิ์ยาจะดีกว่าอีก

เหลิ่งชิงฮวนนั้นยิ่งรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา นางพยายามใช้ลิ้นดันไปที่คอหอย ไม่ให้ตนเองอาเจียนออกมา เมื่อเห็นสีหน้าที่มืดมิดของมู่หรงฉี ก็อดไม่ได้มีจะมีความสุขในขณะที่เขาทุกข์ ทำให้สีหน้าของนางนั้นสั่นในชั่วขณะ

เหลิ่งชิงหลางยืนอยู่ข้างๆ นาง ก็ไม่ลืมที่จะโจมตีนาง "ท่านอ๋องและราชทยาทเสิ่นนั้นโดนยาพิษ พวกเราต่างเป็นห่วงและกังวลอย่างมาก ทำไมดูแล้วพี่ถึงมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นกัน"

เหลิ่งชิงฮวนนั้นติดว่าคงจะเป็นเพราะตนเองนั้นลืมตัวไปชั่วขณะ จึงรีบเก็บสีหน้าเอาไว้แล้วพูดอย่างจริงจังว่า "น้องพูดอะไรกัน ข้าก็รู้สึกดีใจจริงนั่นแหละที่ยาพิษนี่มีวิธีแก้ ท่านอ๋องถึงจะปลอดภัย หรือจะให้ร้องไห้อย่างเจ้ากัน แบบนี้หรือถึงจะเป็นการห่วงใย"

"ข้าเป็นห่วงท่านอ๋อง รู้สึกเหมือนเป็นเองเลย อยากจะโดนยาพิษแทนท่านด้วยซ้ำ อยู่ๆ ก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ มันไม่สมควรหรือไงกัน"

"สมควร สมควร!" ในนัยต์ตาของเหลิ่งชิงฮวนนั้นมีความเจ้าเล่ห์ "ในเมื่อน้องเป็นห่วงท่านอ๋อง ไม่อย่างนั้น เจ้าก็กินซุปพระบังคนหนักนี่แทนท่านสิ จะได้แสดงความรักของเจ้าที่มีต่อท่าน จะได้ให้ท่านอ๋องนั้นซาบซึ้งหน่อย"

เหลิ่งชิงหลางนั้นพยายามกลืนน้ำลาย แล้วพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า "ถ้าหากมันแก้พิษบนตัวของท่านอ๋องได้ ข้าก็อยากจะกินแทนท่านอ๋องอยู่หรอก"

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะออกมา "เอาสิ เจ้าไปกินสิ ไม่ต้องกินมากหรอก แค่ถ้วยเดียวก็พอ ข้ารับรองว่าท่านอ๋องจะอยู่รอดอย่างปลอดภัย"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา