ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 34

เหลิ่งชิงฮวนคาดคัดต่อหน้าผู้คนที่อยู่ที่นี่ เหลิ่งชิงหลางพูดโม้อยู่ข้างหน้า เพียงช่วงเวลาหนึ่งก็หมดหนทางที่จะโต้แย้ง ดึงดูดให้พวกสาวๆ หลายคนพากันมามุงดูอยู่ที่นี่

เมื่อเสิ่นหลินเฟิงเห็นเหลิ่งชิงฮวน แววตาก็เป็นประกาย นึกถึงตอนที่เธออยู่ในสุสานจวนมหาเสนาบดีแล้วเหลิ่งชิงเฮ่อเปิดโปงแผนการชั่วของตระกูลจิน พูดกับมู่หรงฉีอย่างดีอกดีใจ “ข้าลืมพี่สะใภ้ไปได้อย่างไรกัน พี่สะใภ้มีวิชาเก่งกล้าในด้านการแก้พิษ”

มู่หรงฉีพูดอย่างเหยียดหยาม “นางผู้นั้นก็เป็นแค่พวกลัทธินอกรีด ก็เอาไว้แค่หลอกเสด็จยาย เจ้าก็หลงเชื่อด้วยงั้นเหรอ?”

“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าทำไม่ได้? หลินเฟิงเห็นมากับตาตัวเอง ชื่นชมเลื่อมใสศรัทธามากเลยล่ะ”

จริงๆแล้วมู่หรงฉีรู้สึกมีอาการปลายลิ้นชาตั้งนานแล้ว รู้ว่าความร้ายแรงของพิษนั้นได้กำเริบขึ้นแล้ว ทว่าอาศัยพละกำลังภายในสะกดกลั้น ฝืนเอาไว้ นางหันหน้าไปมองเหลิ่งชิงฮวนที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน เมื่อเห็นเธอหยอกล้อกระดี๊กระด๊าอยู่กับเหลิ่งชิงหลางราวกับกำลังมีความสุขบนความโชคร้ายของผู้อื่น ความโกรธก็ค่อยๆเริ่มลอยประทุขึ้น พูดตำหนิเสียงต่ำ “เหลิ่งชิงฮวน!”

ณ ตอนนี้เหลิ่งชิงฮวนกำลังมีความสุข ไม่อยากที่จะถูกมู่หรงฉีหิ้วออกมาต่อหน้าฝูงชน เธอหันหน้าไปอย่างงุนงง แล้วกระพริบตาปริบๆ “มีอะไรเหรอ?”

มู่หรงฉีข่มกลั้นความขยะแขยงเอาไว้ กัดฟันแน่นกรอดราวกับกำลังโมโห “เจ้าสามารถแก้พิษของปลาปักเป้าได้หรือไม่?”

เมื่อพูดคำนี้ออกมา แขกเหรื่อที่อยู่ที่นี่ก็รีบพูดขึ้นทันที “ลืมไปได้เยี่ยงไรกัน พระชายาเข้าใจเรื่องการแพทย์ ฝีมือเข็มภมรนั้นเก่งกาจยิ่งนัก”

สายตาของทุกคนก็เลยจับจ้องมาที่นาง

เหลิ่งชิงฮวนส่ายหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน “หม่อมฉันทำไม่ได้เพคะ ทว่าพระชายารองทำได้ นางกล่าวว่านางยินดีที่จะดื่มน้ำแกงมูลสัตว์นี้แทนท่านอ๋องเพื่อแก้พิษ”

ท่าทีที่เธอพูดเลี่ยงปัญหาอย่างนี้ทำให้มู่หรงฉีโมโห มองไปที่เธออย่างเย็นชา “ถ้าไม่เป็นก็หุบปากเจ้าซะ!”

เหลิ่งชิงฮวนหดหัวตัวเองกลับ

เหล่าไท่จวินพูดโน้มน้าวอย่างร้อนใจ “ชิงฮวน หากเจ้ารู้วิธีการแก้พิษ ก็จงลองทำดูสักครั้งเถอะ ผู้ที่นั่งอยู่ตรงนี้ล้วนเป็นบุคคลสำคัญแห่งราชสำนัก สูงศักดิ์มีอำนาจ หากเจ้าสามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้ ก็มีแต่ความรุ่งเรืองไม่มีวันสิ้นสุด”

เหลิ่งชิงฮวนไม่เคยออกหน้า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเป็นห่วงเป็นใย เพียงแต่มองดูก็รู้ ว่านอกจากผู้ตรวจการแล้ว พวกคนอื่นๆก็ไม่ได้ถือว่าโดนยาพิษที่ร้ายแรง ไม่ถึงขั้นที่ว่าจะเป็นจะตายในทันที

มูลสัตว์ที่หมักไว้นานนี้เป็นวิธีการขจัดพิษออกจริงๆ ตามหลักลำดับอาวุโสแล้ว ในบรรดาผู้ที่โดนวางยาพิษนั้น มู่หรงฉีมีตำแหน่งศักดิ์สูงกว่า ถ้าเยี่ยงนั้นน้ำแกงเหลืองช้อนแรกนี้ก็ควรมอบให้กับเขาที่เป็นผู้อาวุโสของตระกูลสินะ?

เธอยิ่งกว่ายินดีที่จะได้เห็นมู่หรงฉีต้องขายหน้า หากว่าเขาจะต้องดื่มน้ำแกงเหลืองเป็นคนแรกต่อหน้านางกำนัล เธอก้าวออกไปอย่างองอาจ แต่ก็ไม่ลืมตบหัวตัวเองอย่างขัดเคืองและแสร้งทำเป็นตระหนักขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน

“ไม่ใช่ว่าหลานสะใภ้ไม่ยอมช่วยเหลือ หากแต่ไม่กล้า หากการรักษาไม่ได้ผล คนอื่นยิ่งใส่ไฟเข้า ท่านอ๋องคงไม่วายต้องสั่งลงโทษข้า ข้าต้องรับกรรมเสียอีกไม่เช่นนั้นฟังคำหมอว่าเถิด ใบสั่งยานี้เชื่อถือได้เป็นที่สุด”

คำพูดนี้นัยแอบแฝง เห็นได้ชัดว่าเป็นการประฌามว่ามู่หรงฉีหลงใหลในอนุจนละเลยชายา ที่นั่นล้วนมีแต่พวกฉลาดทันคน ทุกคนล้วนฟังแล้วต่างก็เข้าใจ อีกทั้งความหมายในประโยคนั้นชัดเจนมาก เธอมีวิธีจริงๆ

ผู้คนที่โดนยาพิษทันใดนั้นก็เห็นถึงความหวังทันที พร้อมใจกันขอร้องอ้อนวอนนาง “กราบทูลพระชายาได้โปรดช่วยเหลือด้วยเถอะ แม้นหากพอมีหนทางเล็กน้อย กระหม่อมก็จะไม่รอช้าที่จะดื่มสิ่งโสโครกนี้”

ทุกคนให้เกียรตินาง เหลิ่งชิงฮวนไม่อาจปฏิเสธได้ เธอเดินออกจากฝูงชนไปตรวจดูอาการของผู้ตรวจการ ก็มีความมั่นใจขึ้นมาพอควร

“ข้าต้องทำให้พวกท่านอาเจียนออกมาก่อน ล้างท้องแล้วระบายขับสารพิษออกจากร่างกายเพื่อไม่ให้พิษสะสมหรือคงค้างเหลืออยู่ รบกวนทุกท่านย้ายไปอีกที่ด้วยเถิด”

ด้วยตรงนี้มีผู้คนมากมายอยู่ ซึ่งจะทำให้ภาพลักษณ์เสียหายเป็นการแน่ ดังนั้นแขกทั้งหมดที่โดนพิษนั้นจึงถูกหามส่งเข้าไปในห้อง

เหลิ่งชิงฮวนเร่งทำให้พวกเขาอาเจียนออกมาทีละคน แล้วให้ทานยาระบายแมกนีเซียมซัลเฟต หลังจากนั้นก็รีบส่งคนให้กลับไปที่จวนเพื่อไปเอากล่องยามา เพิ่มของเหลวในร่างกายโดยการฉีดเข้าเส้นหรือดื่มเพิ่มเร่งขับสารพิษออกมา เพื่อที่จะตบตาและหลีกเลี่ยงการถูกถามถึงวิธีการช่วยเหลือฉุกเฉินนี้

เธอยังคงใช้เข็มภมรเหมือนเดิม เพียงหนึ่งคนสามารถช่วยเหลือผู้คนมากมายได้ในเวลาเดียวกันอย่างมีระเบียบขั้นตอน สงบนิ่งและช่ำชอง อีกทั้งท่วงท่าในขณะที่ฝังเข็มก็งดงาม ความมั่นใจนั้นทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายใจ ไม่มีใครเคลือบแคลงใจในด้านวิชาแพทย์ที่เธอมี ต่างจดจ้องมองสิ่งที่เธอทำอย่างกระตือรือร้น

มีเพียงแค่มู่หรงฉี ที่อยากจะขอร้องให้เธอช่วยแก้พิษให้ แต่ว่าก็กลัวจะเสียหน้า นึกถึงตอนแรกที่ตัวเองนั้นคุยโม้สาบานกับเธอเอาไว้ ดูถูกเข็มเล่มที่อยู่ในมือของเธอ แล้วตอนนี้จะเสนอหน้าออกไปได้อย่างไรกันล่ะ?

พิษของปลาปักเป้านั้นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายอีกครั้ง สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก

ส่วนเหลิ่งชิงฮวนเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ตัวเองมัวแต่ยุ่งอยู่ จึงไม่ทันได้เป็นฝ่ายเอ่ยปากแก้พิษให้เขา

ตลอดเวลาที่ต่อว่านั้น เหลิ่งชิงฮวนที่อยู่ด้านในได้ยินทุกถ้อยคำ หนวกหูจนจิตใจสับสนวุ่นวาย วางของที่อยู่ในมือลงแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้อง มองเหลิ่งชิงหลางอย่างไร้อารมณ์

“ตอนแรกตอนที่รักษาโรคหัวใจให้กับเสด็จยาย น้องก็พูดยุยงให้ร้ายข้าต่อหน้าท่านอ๋อง หาว่าข้าไม่รู้เรื่องวิชาการแพทย์ มองชีวิตคนเป็นเรื่องเล่นๆ ท่านอ๋องเองก็โกรธข้าจนเกือบตีข้าให้ตายเสียตรงนั้น ข้าเชื่อว่าหลายคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เห็นประจักษ์กันหมด หากข้าไม่มั่นใจเต็มร้อย ยังจะกล้าเสนอตัวออกมาขจัดพิษให้กับทุกท่านอย่างนั้นหรือ?

ตอนนี้ข้ายินดีที่จะลองให้การช่วยเหลืออย่างสุดพละกำลัง แต่น้องข้ากลับมาพูดจาใส่ร้ายป้ายสีข้าต่อหน้าท่านอ๋องอีกแล้ว เรื่องที่ดื่มน้ำแกงมูลสัตว์เพื่อแก้พิษแทนท่านอ๋องเจ้าก็เป็นคนเอ่ยขึ้นมาเองก่อน ประจบประแจงสอพลอ มีใครไปบังคับเจ้าหรืออย่างไร?

ที่ตอนนี้ข้าไม่ขจัดพิษให้กับท่านอ๋องก่อน ก็เป็นเพราะท่านอ๋องมีวิทยายุทธ์ การต้านทานพิษย่อมแข็งแกร่งกว่าผู้อื่น การช่วยเหลือมีลำดับความสำคัญ แน่นอนว่าต้องช่วยผู้ไข้ที่อาการหนักเสียก่อน ยิ่งไปกว่านั้นข้าคือพระชายาแห่งตำหนักฉีอ๋อง ต้องมีความเห็นอกเห็นใจต่อข้าราชบริพารราชสำนัก พิจารณาผู้อื่นก่อนตนเอง นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ท่านอ๋องน่ายกย่องนับถือ

หากเจ้ามีความสามารถก็จนมารักษาผู้ป่วยซะ แต่ถ้าไม่มีก็จงอย่างมาแสดงละครร้องไห้ฟูมฟายให้ทุกคนได้ดูอยู่ที่นี่เลย รบกวนการช่วยเหลือคนของข้าเสียเปล่า การปล่อยให้จังหวะและโอกาสช่วยชีวิตหลุดลอยไปเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะรับผิดชอบได้”

ทั้งสองคน คนหนึ่งแต่งกายงามหยาดเยิ้ม งามราวดอกสาลี่ต้องหยาดฝน กำลังร่ำไห้โกรธกริ้วอย่างเป็นฟืนเป็นไฟ ส่วนอีกคนก็เรียบง่าย สดชื่นแจ่มใส สุขุมใจเย็น คำพูดของนางทั้งสองนั้นแตกต่างอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ท่ามกลางแขกเหรื่อก็ยังมีคนในครอบครัวของผู้ที่ได้รับการรักษาจากการโดนยาพิษ มองไปที่เหลิ่งชิงหลางด้วยสายตาที่ดูถูกมากยิ่งขึ้น

“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคุณธรรมอันสูงส่ง เชิญพระชายารักษาอย่างไม่ต้องกังวลพระทัย กระหม่อมรู้สึกซาบซึ้งอย่างหาที่สุดมิได้”

เมื่อพูดถึงการซื้อใจผู้คน เจ้ายังสามารถเล่นละครบทเศร้าน่าเวทนาได้ แล้วข้าจะพูดปลุกเร้าผู้คนมิได้เชียวหรือ เหลิ่งชิงฮวนแอบยิ้มอยู่ในใจ แล้วหันกลับเข้าห้องไป

เหลิ่งชิงหลางอยู่ต่อหน้าผู้คนแต่กลับเสียหน้ามาก เห็นสายตาของผู้คนมากมายที่เหมือนคมมีดจ้องมองมาที่ตัวเอง หากไม่ใช่เพราะกลัวเกรงมู่หรงฉีที่อยู่ข้างตน เกรงว่าจะยกน้ำแกงนั้นมากรอกใส่ปากเสียแล้ว

เธอใช้ผ้าคลุมหน้าตา คิดที่จะแก้ตัวอีก

เป็นเพราะฤทธิ์ของยาพิษ ทำให้มู่หรงฉีในเวลานี้นั้นจิตใจว้าวุ่น ขมวดคิ้วรับสั่งอย่างหงุดหงิด “เจ้ากลับจวนไปก่อนเถอะ”

เหลิ่งชิงหลางรู้ดีว่าหากตัวเองอยู่ต่อไปก็ไม่ได้ประโยชน์อันใด จึงร้องไห้สะอึกสะอื้นทำทีเป็นห่วงเป็นใยและไม่วางใจ ก่อนจะให้จือชิวสาวรับใช้พยุงประคองพาออกจากจวนไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา