ใบชาเป็นใบชาหลงจิ่งชั้นดี มีเพียงไม่กี่ชิ้น แต่ละใบมีขนาดเท่ากัน
แต่ว่าในถ้วยชากลับมีใบชาเถี่ยกวนอินอยู่ใบหนึ่งซึ่งมีลักษณะไม่เหมือนกับใบชาใบอื่นในถ้วย
ใต้เท้าเว่ยชอบดื่มชาดำ บางครั้งเขาจะผสมใบชาเถี่ยกวนอินลงไปด้วยคนอื่นจึงไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิดปกติ
แต่นางแซ่หลินเคยบอกว่าช่วงนี้ผู้ตายนอนไม่ค่อยหลับ ดังนั้นจึงไม่อยากให้เขาดื่มชาที่เข้มข้น และเปลี่ยนชาโดยเฉพาะ ถ้าใส่ใจขนาดนี้ทำไมถึงใส่ชาสองชนิดปนกันในถ้วยให้เสียรสชาติล่ะ
คุณชายเว่ยยังไม่ได้ไปไหน เขายังคงยืนอยู่ที่หน้าประตูอยู่ตลอด เหลิ่งชิงฮวนจึงถามเขาว่า “ในห้องตำราของใต้เท้าเว่ยมีใบชาเถี่ยกวนอินอยู่ไหม”
คุณชายเว่ยส่ายหน้า “ท่านพ่อชอบดื่มชา และค่อนข้างเรื่องมากเรื่องการดื่มชา ท่านบอกว่ากลิ่นของหมึกจะกระทบต่อกลิ่นของชาดังนั้นจึงไม่เคยเก็บชาไว้ในห้องตำราขอรับ ชาทั้งหมดถูกส่งไปเก็บที่ห้องครัวเล็กโดยเฉพาะแล้วถูกส่งเข้ามา”
งั้นใบชาเถี่ยกวนอินมาจากไหนกันแน่ มีความลึกลับอะไรซ่อนอยู่ในนี้กัน
ถ้าหากว่ามีคนลอบวางยาพิษเขาจริง ทำไมเขาถึงทำเช่นนี้ เหลือหลักฐานไว้แบบนี้ไม่กลัวคนอื่นสงสัยหรือไง
เหลิ่งชิงฮวนขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ดวงตาของเธอค่อยๆกวาดไปทั่วห้องตำรา เธอยกนิ้วขึ้นชี้และถามคุณชายเว่ยว่า “บนหน้าต่างห้องตำรานี่ทำไมถึงต้องมีรูไว้บนนั้นด้วย”
คุณชายเว่ยเงยหน้าขึ้นแล้วอธิบายว่า “ท่านพ่อกลัวจะได้กลิ่นควัน เมื่อฤดูหนาวปีก่อนตอนที่กำลังใช้ถ่านผิงไฟก็ได้เจาะรูที่บนหน้าต่างเพื่อเป็นปล่องไฟ แต่ว่าหลายปีมานี้ได้เปลี่ยนมาใช้ถ่านหยินซวยที่ไม่มีกลิ่น ท่านพ่อจึงสั่งให้เอามันออก รูนี่ก็เลยไม่เคยถูกปิดตาย วันที่อากาศเย็นลมก็จะพัดเข้ามาจนรู้สึกหนาว”
เสิ่นหลินเฟิงได้ยินเหลิ่งชิงฮวนถามเช่นนี้เขาก็รู้ว่าต้องมีเหตุผล เขาจึงย้ายเก้าอีกมาและเหยียบขึ้นไปดู รูมีขนาดเล็กมากจนนิ้วมือไม่สามารถลอดเข้าไปได้ หากไม่สนใจคงจะมองไม่เห็นจริงๆ
ดวงตาของเจามีความสงสัย เขาพยายามสอดนิ้วขึ้นไป ตอนที่เอาออกมานิ้วของเขาก็มีขนนกสีดำติดออกมา
“ดูเหมือนว่าจะเป็นนกขุนทอง”
เสิ่นหลินเฟิงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นในทันที ถ้าหากว่าเป็นขนนกกระจอกทั่วไปก็ไม่เท่าไร อย่างไรเสียนกกระจอกก็ชอบหาของเหล่านี้มาสร้างรัง แต่ว่าขนของนกขุนทองนั้นไม่ได้หาได้ง่าย
“ใต้เท้าเว่ยมีนิสัยชอบเลี้ยงนกไหม” เขานิ่วหน้าถาม
คุณชายเว่ยส่ายหน้า “ท่านพ่อมีงานมากจะไปมีเวลาว่างแบบนั้นที่ไหนกันขอรับ”
“ไปพาตัวคนที่ปกติเฝ้าอยู่ที่นี่มาแล้วถามพวกเขาว่าปกติแล้วที่ห้องของใต้เท้าเว่ยมีนกขุนทองเข้าออกหรือไม่”
คุณชายเว่ยรู้สึกแปลกใจ และไม่เข้าใจความหมายของเสิ่นหลินเฟิง แต่เขาก็ยังทำตามที่พูดและออกไปเรียกข้ารับใช้เข้ามา
“พี่สะใภ้สายตาดีมาก ข้าเข้ามาตรวจสอบที่นี่สองรอบแต่ก็มองไม่เห็น”
คดีมีความคืบหน้าเล็กน้อย น้ำเสียงของเสิ่นหลินเฟิงจึงไม่อาจปิดความดีใจไว้ได้มิด
“เมื่อครู่นี้ตอนที่เพิ่งเข้ามาข้าเห็นควันลอยออก ไม่อย่างนั้นข้าเองก็คงไม่ทันได้สังเกต”
“นกขุนทองนอกจากจะเก่งเรื่องการพูดแล้ว หลังจากที่พวกมันถูกฝึกมันสามารถส่งจดหมายได้ด้วย เป็นไปได้ไหมว่าใต้เท้าเว่ยจะใช้การส่งจดหมายผ่านนกมาโดยตลอด และคอยติดต่อกับใครบางคนอยู่ตลอดเวลา”
ความเฉียบแหลมทางอาชีพของเขาทำให้เขาได้กลิ่นไม่เหมือนกับคนอื่น “โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาไม่สามารถติดต่อกันได้อย่างเปิดเผย ดังนั้นใต้เท้าเว่ยจึงมักจะเผาจดหมายในห้องตำรานี้”
จุดนี้เหลิ่งชิงฮวนเองก็คิดไม่ถึง เนื่องจากเธอสนใจเรื่องอื่นอยู่ ขอเพียงแค่ได้รับการยืนยันก็สามารถแก้ข้อสงสัยในการวางยางพิษได้
เหลิ่งชิงฮวนพยักหน้า “ใบชาถูกห่อเม็ดยาเอาไว้ ปากของนกขุนทองยาวและไม่มีน้ำลายอยู่ในปาก ใบชาจึงไม่คลายออก มันน่าจะเข้าออกห้องของใต้เท้าเว่ยบ่อย ดังนั้นใต้เท้าเว่ยจึงไม่ได้ห้ามมัน อีกทั้งยังให้มันอยู่บนห้องตำราของเขา
แต่ในตอนนั้นใต้เท้าเว่ยกำลังสนใจเรื่องอื่นอยู่จึงไม่ได้หันไปมองข้างๆ มันจึงได้แอบเอาเม็ดยาหย่อนลงในถ้วยชาที่ร้อน พอใบชาคลายตัวเออก เม็ดยาที่อยู่ข้างในก็ถูกความร้อนทำให้ละลาย ใต้เท้าเว่ยไม่ทันได้รู้สึกตัวก็ได้ดื่มยาพิษจนถึงแกความตายไปเสียแล้ว คนร้ายจึงหลบไปได้อย่างสบายและไร้ร่องรอย
เสิ่นหลินเฟิงชกที่ฝ่ามือของเขาอย่างตื่นเต้น “ทำไมก่อนหน้านี้ข้าถึงคิดไม่ออกกันนะ”
เป็นเพราะว่าฉันอ่านนิยายมาเยอะน่ะสิ รวบรวมภูมิปัญญาของคนโบราณที่ฉลาดมาตั้งมากขนาดนั้น แม้นายจะคาดเดาไม่ออก แต่ไม่มีอะไรที่สมองของนักเขียนเหล่านั้นจินตนาการไม่ถึงหรอก
“งั้นคดีก่อนหน้านี้ที่ใต้เท้าเฝิงจากกรมทหารเองก็ตายด้วยสาเหตุนี้ ยาพิษนั้นก็ถูกวางในน้ำชาแบบนี้ ไร้สีไร้กลิ่น”
“จำได้ว่าเจ้าเคยบอกว่าผู้ตายชอบพู่ห้อยอันหนึ่ง แต่จู่ๆมันก็หายไป มันน่าจะโจรขโมยไป นกบางชนิดชอบของที่แวววาว อีกทั้งวันนั้นเป็นวันที่อากาศร้อน ประตูหน้าต่างถูกเปิดออกหมด นกจึงสามารถบินเอาออกได้อย่างอิสระ”
เหตุผลของเธอเป็นที่ยอมรับของเสิ่นหลินเฟิง คุณชายเว่ยนั้นยิ่งชอบ เนื่องจากในที่สุดเขาก็หมดความสงสัยที่มีในตัวแม่ของเขาได้
เสิ่นหลินเฟิงนิ่วหน้าหันไปถามคุณชายเว่ยว่า “เจ้ารู้ไหมว่าคนที่พ่อของเจ้าติดต่อผ่านทางนกมาโดยตลอดเป็นใครกัน”
คุณชายเว่ยส่ายหน้า “ท่านพ่อไม่อนุญาตให้พวกเราเข้าออกห้องตำรา ปกติแล้วจะเป็นท่านแม่ที่ทำความสะอาดห้องนี้ด้วยตัวเอง สองปีมานี้ก็ไม่ค่อยพูดกับเราเรื่องภายในวัง ทุกครั้งที่เอ่ยถึงเรื่องนี้เขาก็มักจะหงุดหงิดและโมโหขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ดังนั้นพวกเราจึงไม่ค่อยได้ถามขอรับ”
“งั้นแม่ของเจ้ารู้ไหม”
“ท่านแม่รู้หนังสือแค่ไม่กี่ตัวขอรับ และไม่เคยถามเรื่องงานของท่านพ่อเลย ท่านแม่กำลังโทษตัวเองอยู่บนเตียงเรื่องการตายของท่าพ่อ ถ้าหากรัชทายาทเสิ่นอยากรู้เรื่องรายละเอียดคงต้องรอหน่อยขอรับ”
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยมันเกี่ยวกันถึงกุญแจสำคัญของคดีนี้ ดังนั้นเสิ่นหลินเฟิงกับเหลิ่งชิงฮวนจึงรีบไปที่ห้องของฮูหยินเว่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...