ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 511

ถ้าหากในภายภาคหน้าส่งมอบหนานจ้าวให้ไปอยู่ในมือกับคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่รู้จักแบกรับภาระ เห็นแก่ตัวเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองอย่างคนป่วยผู้นั้น หนานจ้าวจะเป็นประเทศที่ร่ำรวยและแข็งแกร่งสิน่าแปลก

ไม่เหมือนกับแม่นางจาอี๋นั่วผู้นี้ ที่มีทั้งความรู้รอบตัว มีความรับผิดชอบ รู้จักแบกรับภาระได้ และยังมีความกล้าหาญอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่ตัวเองไม่ใช่พ่อแม่ของนางพูดอะไรก็ไม่เกิดผลอะไร

ตอนที่น่าเยี่ยไป๋ยังคงลังเลตัดสินใจไม่ได้อยู่นั้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกลองข้าศึกดังขึ้นและมีเสียงต่อสู้ดังมาจากระยะไกล

น่าจาอี๋นั่วตกใจอย่างมาก “เมื่อครู่นี้หน่วยสอดแนมไม่ได้มารายงานหรือว่าว่ามู่หรงฉีได้สั่งให้ตั้งฐานประจำการแล้ว? ทำไมถึงบุกโจมตีเมืองต่อข้ามคืนเช่นนี้?”

พอน่าเยี่ยไป๋ได้ยินข่าวดังนี้ ก็ตื่นตระหนกจนกระแอมไอออกมาสองครั้ง “ด่านเหยียนหลิงเป็นด่านที่ตั้งการป้องกันได้ง่ายและยากที่จะโจมตีได้ ทำไมมู่หรงฉีถึงได้ร้อนใจเช่นนี้?”

ทันใดนั้นก็มีทหารเข้ามารายงานสถานการณ์สงคราม โดยบอกว่าครั้งนี้มู่หรงฉีโจมตีเมืองรุนแรงมาก ไม่เพียงแต่จะสร้างสะพานข้ามมาเข้าโจมตีทั้งสองด้านเท่านั้น แต่ยังใช้คันธนูและใช้เครื่องยิงหินอีกด้วย เหล่าทหารยากที่จะต้านรับได้

น่าจาอี๋นั่วรีบหันหน้าไปเร่งน่าเยี่ยไป๋ทันที “ท่านพี่ ไม่ต้องลังเลอีกแล้ว รีบออกไปเดี๋ยวนี้”

“แล้วเจ้าล่ะ? ที่นี่อันตรายเช่นนี้ รีบหนีไปด้วยกันเถอะ?”

“หากข้าหนีไปด้วย ขวัญและกำลังใจของกองทหารก็จะสูญสิ้น กองทัพก็ไม่จะเป็นหนึ่งอีกและพ่ายแพ้ย่อยยับ น้องจะทำอะไรอย่างระมัดระวัง หากมองรูปการณ์แล้วรู้ว่าสู้ไม่ได้ ก็จะรีบถอยกลับออกมาอย่างกล้าหาญ”

น่าจาอี๋นั่วหันกลับไปบอกองครักษ์รักษาพระองค์ที่อยู่ข้าง ๆ “ถ่ายทอดคำสั่งข้าออกไป รีบคุ้มกันพาองค์รัชทายาทออกไปทันที ตลอดทางจะต้องทำอะไรรวดเร็วอย่าได้ชักชา ตรงไปที่ยังเมืองหลวงทันที”

ดีเลย โอกาสมาถึงแล้ว!

โฉวซือเส่าส่งเสียงเย็นชาในใจ เมื่อก่อนตอนที่ชิงฮวนเคยถูกเขาจับมาเป็นตัวประกัน ตัวเองห่วงหน้าพะวงหลังไม่กล้าลงมือ ดูสิว่าตอนนี้ท่านจะหวังพึ่งอะไรได้อีก?

องครักษ์รีบไปจัดการทันที

น่าจาอี๋นั่วกระทืบเท้าอย่างแรงหนึ่งที ก่อนจะหันหลังกลับไปทางประตูเมืองเพื่อบัญชาการรบ

เสิ่นหลินเฟิงเขยิบเข้าไปหาโฉวซือเส่าและลดเสียงลงกระซิบถาม “พวกองครักษ์เงาพวกนั้นมีฝีมือยอดเยี่ยมมาก และสาวใช้สวย ๆ พวกนั้นก็ไม่ใช่คนธรรมดาเสียด้วย ถ้าหากพวกเราโจมตีไม่ดีเกรงว่าจะเกิดเรื่องลำบากเอาได้ จำเป็นต้องใช้สมองและไหวพริบดี ๆ ในการจัดการพวกเขา”

“ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าพูดเช่นนั้นควรจะทำอย่างไรดี?”

เสิ่นหลินเฟิงยกมุมปากขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ ในความมืดมิด “วิธีนะมี แต่ว่าคงต้องทำให้ท่านลำบากใจหน่อยหนึ่งแล้ว”

เขาโน้มตัวไปข้างหูแล้วกระซิบเสียงเบาสองสามประโยค พอโฉวซือเส่าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกหัวร้อนขึ้นมาเล็กน้อย “ทำไมเจ้าไม่ลงมือเองเล่า? รวมหัวกันรังแกแต่ข้า”

เสิ่นหลินเฟิงรีบปลอบประโลมเขาที่ตื่นตระหนก “ข้าก็อยากปลอมตัวอยู่ แต่มันไม่เหมือนนะสิ?”

“แล้วข้าเหมือนงั้นหรือ? เจ้าดูร่างข้าร่างบึกบึนกำยำเช่นนี้ เหมือนผู้หญิงตรงไหน? กลับเป็นเจ้ามากกว่า ที่วัน ๆ เอาแต่บ่นเหมือนพวกผู้หญิงไม่มีผิด”

เสิ่นหลินเฟิงลูบริมฝีปากไปมา ไม่ได้โต้กลับ “แล้วแต่เจ้า ถึงอย่างไรคนที่อยากจะต่อยคนป่วยผู้นั้นไม่ใช่ข้าสักหน่อย”

โฉวซือเส่าส่งเสียงฮึดฮัด ยุติการต่อร้องต่อเถียงต่อ

คนที่หามเก้าอี้เสลี่ยงให้กับคนป่วยอย่างน่าเยี่ยไป๋เป็นสาวใช้แปดคนที่ใบหน้างดงามเหมือนดั่งดอกไม้ แน่นอนว่าไม่ใช่มีแค่แปดคนนี้เท่านั้น ถ้าเดินทางไกลต้องมีการเปลี่ยนกะอยู่แล้ว

เขาเกลียดพวกผู้ชายที่ทำอะไรซุ่มซ่าม ทำให้ตัวเองพลิกคว่ำได้ และไม่ชอบนั่งรถม้าจึงให้สาวงามทั้งแปดคนมาหามเกี้ยว นั่งสบายกว่ากันเยอะ

แต่ว่าสาวใช้เหล่านี้ สวยน่ะสวย แต่รูปร่างเมื่อเปรียบเทียบกับผู้หญิงธรรมดาทั่วไปจะดูสูงและร่างใหญ่กว่าเล็กน้อย

ส่วนโฉวซือเส่าเป็นเพราะเหตุผลทางร่างกายก่อนหน้านี้จึงทำให้มีโครงร่างที่เพรียวสูงสมส่วน มีเอวและแขนที่เพรียวบาง หากมองข้ามกล้ามเนื้อที่แข็งแรงกำยำนั้น ก็ดูมีความเป็นผู้หญิงอยู่บ้าง

เขาถอดเสื้อผ้าจากสาวใช้ที่นอนสลบไสลมาสวมเอาไว้บนตัวเอง จากนั้นก็มวยผมขึ้น แล้วเดินออกมาอย่างอรชรจากในความมืด จนเสิ่นหลินเฟิงถึงกลับมองตาตั้ง

ลมพัดกระโชกผ่านมาอย่างแรงพัดจนคนป่วยผู้นั้นเอาผ้าขึ้นมาคลุมปิดปากเอาไว้ และไอสองสามที ในลำคอเหมือนกล่องสูบลมก็ไม่ปาน หายใจติดขัดเหมือนมีเสมหะติดอยู่ในนั้น

สาวงามทั้งหลายต่างพากันก้มศีรษะลงอย่างเงียบ ๆ ไม่พูดไม่จา และย่อตัวลงข้างหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นตำแหน่งที่โฉวซือเส่ายืนอยู่จึงสะดุดตาโดดเด่นขึ้นมา

คนป่วยผู้นั้นเงยหน้าขึ้น และยกมือขึ้นชี้ไปที่เขาอย่างเกียจคร้าน

โฉวซือเส่ายืนนิ่งอยู่กับที่ อยู่ ๆ ก็ทำอะไรไม่ถูกไม่รู้ว่าคนป่วยคนนั้นต้องการจะทำอะไร?

เยาจิ่วรีบวิ่งตามมา และจ้องมองไปที่โฉวซือเส่าที่อยู่ในความมืดด้วยความโกรธเคือง “ยังจะนิ่งทำไมอีก ไม่มีตาหรือ? ยังไม่รีบเข้ามาอีก?”

โฉวซือเส่ายังคงสับสน แต่การเปิดทางให้ตัวเองเข้าหาได้แบบนี้ก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน เป็นสิ่งที่คาดหวังเป็นอย่างยิ่ง จึงก้มหน้าก้มตาเดินบิดตัวเข้าไปหา

เสิ่นหลินเฟิงที่นอนหมอบอยู่บนหลังคาที่อยู่ในระยะไกล หัวเราะอย่างหนักจนเกือบจะเป็นตะคริวอยู่แล้ว ส่วนโฉวซือเส่าไม่เข้าใจว่าคนป่วยคนนี้คิดแผนอะไรแผลง ๆ ขึ้นมาอีก หรือว่าเขารู้แล้วงั้นหรือ

เหลิ่งชิงฮวนเคยพูดอย่างเกินจริงว่า เขาชอบพูดไปพลางอาเจียนไปพลาง คนป่วยผู้นี้อยากให้โฉวซือเส่าเป็นกระโถนให้งั้นหรือ

เมื่อนึกถึงตอนที่ปากของบุรุษที่ตุ้งติ้งทั้งสองปากประกบปากอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน เสิ่นหลินเฟิงก็รู้สึกสยดสยองทนดูต่อไปไม่ได้

โฉวซือเส่าก้าวขึ้นไปบนเกี้ยวของคนป่วยอย่างระมัดระวัง ในมือกำดาบสั้นที่แหลมคมเอาไว้แน่นเรียบร้อยแล้ว

คนป่วยผู้นี้รนหาที่ตายเอง จะมาโทษคนอื่นไม่ได้ สิ่งที่ตกลงกันไว้กับเสิ่นหลินเฟิงก่อนหน้านี้ ที่คุยกันว่ารอให้ออกจากด่านเหยียนหลิงก่อนถึงจะลงมือ ทำเช่นนี้โอกาสที่จะทำสำเร็จจะสูงขึ้นมาเล็กน้อย แต่เห็นได้ชัดว่าคนป่วยผู้นี้อดทนรอต่อไปไม่ไว้อยากจะตายเร็ว ๆ เสียแล้ว

เท้าใหญ่ของเขาเหยียบขึ้นไปบนเกี้ยว คนป่วยผู้นั้นได้หลับตาลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเผยอปากขึ้นมาทางเขาเล็กน้อย หน้าอกของเขากระพือขึ้นลงและกำลังหอบอย่างกระเสือกกระสน

ใบหน้ากวนโอ๊ยแบบนี้เหมือนอยากโดนรุมสกรัม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา