ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 527

เสิ่นหลินเฟิงได้รับราชโองการเขาก็ไม่กล้าที่จะล่าช้า เขายังไม่ได้เข้าบ้านเลยด้วยซ้ำก็รีบตรงไปที่พระราชวัง

ฮ่องเต้ชรานั่งอยู่ด้านหลังของโต๊ะทรงพระอักษรและมองเขาด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ฮ่องเต้วางพู่กันในมือลงด้วยท่าทางอารมณ์ดี

เสิ่นหลินเฟิงเข้ามาด้านหน้าแล้วคุกเข่าลง ฮ่องเต้ชรารีบโบกมือไม่ให้เขายืนขึ้นอย่างไม่ต้องมากพิธี “ครั้งนี้ภัยพิบัติที่อวี้โจวลำบากเจ้าแล้ว อีกทั้งเจ้าเด็กน้อยอย่างเจ้ายังช่วยข้าตามหาชิงฮวนกับหลานชายกลับคืนมา ถือว่ามีความดีความชอบ”

คำว่า “เด็ก” ทำให้เสิ่นหลินเฟิงรู้สึกว่าตัวเองนั้นได้รับความรักมากเกินไปจนน่าตกใจ ถึงแม้ว่าเขาจะกำลังก้มหน้าอยู่ แต่ว่าเขาก็สัมผัสได้ว่าตัวเองนั้นได้รับความรักความเอ็นดูจากผู้ใหญ่

“เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของหลินเฟิง ไม่อาจทำให้ฝ่าบาทผิดหวังได้”

ฮ่องเต้พยักหน้าลงอย่างพึงพอใจ “ที่ผ่านมาข้านั้นเป็นคนแยกแยะความผิดและความชอบอย่างชัดเจน เจ้าอย่าได้ถ่อมตัวเกินไป ข้าจะมีรางวัลให้กับเจ้าแน่”

หลังจากนั้นฮ่องเต้ก็ได้ส่งราชโองการที่เพิ่งร่างเสร็จให้แก่เขา

“เสิ่นหลินเฟิงรับราชโองการ”

เสิ่นหลินเฟิงรู้สึกสงสัยอีกทั้งยังรู้สึกตื่นเต้น ไม่รู้ว่าหมายว่าความอย่างไรหรือว่าจะให้เขาเลื่อนตำแหน่งง?

เขารับราชโองการมาอย่างนอบน้อม หลังจากที่ได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้แล้วเขาก็กางราชโองการออกเขาก็รู้สึกปีติจนแทบบ้า มือของเขามีเหงื่อไหลซึมออกมาในทันที

เห็นได้ชัดว่านี่คือราชโองการพระราชทานสมรสให้ และคนที่ได้รับพระราชทานก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่คือเขากับลี่ว์อู๋ที่เขาเฝ้าฝันมานาน ในที่สุดฮ่องเต้ก็เมตตาและยอมรับเขยอย่างเขาแล้ว ไม่ง่ายเลยจริงๆ เสิ่นหลินเฟิงแทบจะร้องไห้ออกมา

ฮ่องเต้ชราลอบขยี้ตาตัวเอง เขาเห็นปฏิกิริยาทุกอย่างของเสิ่นหลินเฟิง เขาจึงกระแอมออกมา “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะให้รางวัลเจ้าเป็นอะไรดี ในฐานะที่เจ้าเป็นผู้สืบทอดของท่านกั๋วกง เรื่องอำนาจและเงินทองเจ้าเองก็ไม่ได้ขาด พอคิดไปคิดมาข้าจึงนึกได้ถึงหญิงงาม ข้าจึงยกองค์หญิงลี่ว์อู๋ที่ข้ารักมากที่สุดให้แต่งกับเจ้า เจ้าคิดเห็นเป็นเช่นไร”

เสิ่นหลินเฟิงลุกยืนขึ้นแล้วสะบัดชายเสื้อ จากนั้นคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง “กระหม่อมขอบพระทัยฝ่าบาทที่พระราชทานสมรสให้พ่ะย่ะค่ะ”

สวรรค์เมตตาคนที่พยายามจริงๆ เขายืนหยัดฟันฝ่าอุปสรรคมา ตอนนี้คนงามลี่ว์อู๋เป็นของเขาแล้ว

ฮ่องเต้ชรายกมือขึ้น “เจ้าอย่าได้รีบขอบใจข้าไป ตอนนี้ยังมีเรื่องที่น่าลำบากอีกเรื่อง”

“ฝ่าบาทโปรดบัญชามา” เสิ่นหลินเฟิงตอบรับอย่างแข็งขัน ต่อให้ไปบุกน้ำลุยไฟเขาก็จะไป

“ราชโองการเขียนเสร็จแล้ว ข้าอยากจะประทับตราพระราชลัญจกร แต่จู่ๆก็เห็นว่ามันหายไปแล้ว ตราพระราชลัญจกรหายไปแล้ว”

“ตราพระราชลัญจกรหายไปแล้ว?” เสิ่นหลินฟังอย่างไม่เชื่อหู

“ใช่ อยู่ดีๆมันคงไม่มีปีกบินออกไปหรอก”

จู่ๆเสิ่นหลินเฟิงก็ตกใจจนมีเหงื่อเย็นไหลออกมา ตราพระราชลัญจกรไม่มีปีก นี่มันไม่ใช่คดีเล็กๆ! ฮ่องเต้คงไม่ได้อยากให้เขาไขคดีนี้หรอกนะ?

“หายไปตอนไหนพ่ะย่ะค่ะ”

“ก็หลังจากพระชายาฉีมา ข้าก็ไม่เห็นมันแล้ว”

ประโยคนี้มีอะไรแอบแฝงอยู่หรือเปล่า? เสิ่นหลินเฟิงไม่กล้าพุดอะไรต่อทันที

ฮ่องเต้ชราพูดต่อไปว่า “ได้ยินว่าสุนัขตำรวจของเจ้าตอนนี้นับวันยิ่งเก่งขึ้น หาตราพระราชลัญจกรอันหนึ่งเป็นแค่เรื่องเล็กเท่านั้นใช่ไหม”

มีเสียงเตือนขึ้นในใจของเสิ่นหลินเฟิง เขาจึงพูดอย่างอ้อมค้อมว่า “ถึงแม้ว่าจมูกสุนัขจะดี แต่ว่าก็ไม่ได้วิเศษขนาดนั้นกระหม่อม อีกทั้งยังได้รับการรบกวนกลิ่นจากภายนอกได้ง่าย วังหลวงใหญ่ขนาดนี้การจะหาตราพระราชลัญจกรอันหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

ฮ่องเต้ค่อยๆขยับเข้ามาด้านหน้าแล้วหยุดลงพร้อมกับใบหน้าเจ้าเล่ห์ “ข้าสงสัยว่า ตรารพระราชลัญจกรจะถูกพระชายาฉีขโมยไป”

“ไร้สาระ สุนัขตำรวจของเจ้าใหญ่กว่าเจ้าหมาน้อยสีขาวนั่นสองเท้า ยังจะกลัวมันงั้นหรือ”

“สุนัขสีขาวตัวนั้นไม่มีอะไรน่ากลัว แต่มันเป็นลูกรักของท่านอ๋องฉีนะพ่ะย่ะค่ะ มันอาศัยบารมีของนายตัวเอง สุนัขตำรวจของตำรวจถูกเขาตีจนกลัวไปหมดแล้ว”

“เจ้าจะขัดขืนราชโองการงั้นหรือ” ข้ามาไม้อ่อนแล้วไม่ได้ผล คงต้องไม้แข็งแล้ว

เสิ่นหลินเฟิงไม่ได้ลังเลเลยสักนิด “กระหม่อมรับประกันได้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพระชายาฉีแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าจะเอาอะไรเป็นประกัน”

เสิ่นหลินเฟิงคงจะไม่เอาศีรษะของตัวเองมาล้อเล่น “ขอใช้นิสัยของพระชายาฉีเป็นประกันพ่ะย่ะค่ะ”

เจ้าเด็กนี่นับว่าไม่โง่ ฮ่องเต้ชรายิ้มจนตาหยีแล้วพูดว่า “งั้นเราสองคนมาพนันกัน ข้าพนันด้วยตราพระราชลัญจกรในมือของพระชายาฉีมาเป็นเดิมพัน...”

ฮ่องเต้ชี้ไปที่ราชโองการในมือของเสิ่นหลินเฟิง “ราชโองการนี้เก็บไว้ที่เจ้าแล้วกัน ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งวัน ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตามเจ้าจะต้องเอาตราพระราชลัญจกรมาคืนข้าให้ได้ ข้าจะให้เจ้าประทับตราด้วยตัวเอง แล้วราชโองการฉบับนี้ก็จะมีผล

วันพรุ่งนี้ถ้าหากเจ้ายังหาตราพระราชลัญจกรไม่พบ ข้ายังมีราชโองการที่จะมอบสมรสให้กับลี่ว์อู๋และจวนของแม่ทัพใหญ่เหอตงอยู่ ราชโองการนั้นยังสามารถใช้ได้อยู่ ข้าจะรีบเอาคนนำมันส่งออกไป”

ใช้ลูกสาวแท้ๆของตัวเองมาบีบบังคับคนอื่น เรื่องแบบนี้คนธรรมดาคงไม่สามารถทำออกมาได้ เรื่องนี้ช่างเกินไปจริงๆ

การจะเป็นฮ่องเต้ชราได้ก็ต้องเป็นอย่างมั่นใจ อีกทั้งคำพูดของฮ่องเต้นั้นมีค่าดุจทองพันชั่ง เมื่อมีราชโองการลงไปแล้วเสิ่นหลินเฟิงได้ยินก็ต้องฟัง ไม่อยากฟังก็ต้องฟัง การเอาตราพระราชลัญจกรกลับคืนมาภายในหนึ่งวันไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำได้

“กระหม่อมขอบังอาจถามฝ่าบาทว่าพระองค์ทรงมีเบาะแสการที่ตราพระราชลัญจกรนี้ถูกขโมยไปหรือไม่ หลินเฟิงจะได้ตามรอยได้ง่าย อย่างเช่นทำไมฝ่าบาทถึงได้มั่นใจว่าพระชายาฉีเป็นคนขโมยตราพระราชลัญจกรไปหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ที่รังแกเสิ่นหลินเฟิงแล้วก็อารมณ์ดีมา “ไม่มีเบาะแสอะไรทั้งนั้น แต่ข้ามั่นใจว่าตราพระราชลัญจกรอยู่ในมือของพระชายาฉี ส่วนเรื่องจะเอามันกลับมาได้อย่างไรนั้นก็ต้องดูที่ความสามารถของเจ้า จริงสิ ลี่ว์อู๋รอเจ้าอยู่ข้างนอกแน่ะ รีบไปหานางสิ มีเวลาเพียงแค่วันเดียวรีบทำให้เสร็จ เวลาไม่คอยท่า ข้าจะรอฟังข่าวดีจากเจ้า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา