ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 539

เหลิ่งชิงฮวนกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก “สุภาพบุรุษตกลงกันด้วยวาจาหาใช่กำลังไม่ สามีภรรยาต้องสื่อสารกันให้มากกว่านี้”

มู่หรงฉียิ้มอย่างชั่วร้าย “เช่นนั้นข้าจะใช้ปากสื่อสารกับเจ้า”

เหลิ่งชิงฮวนสัมผัสได้ถึงรสชาติการยิ้มที่แตกต่างออกไป พร้อมกับรีบโบกมือไปมา “ไม่ใช่นะ หม่อมฉันกำลังพูดถึงการเป็นคนมีเหตุผล การมีเหตุผลเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”

ทันใดนั้นมู่หรงฉีแกะเข็มขัดที่เอวออกมามัดข้อมือทั้งสองของเหลิ่งชิงฮวนไว้ด้วยกัน ผลักเธอลงบนเตียงและกดร่างเธอเอาไว้ด้วยปลายนิ้วเรียว

ให้ตายเถอะ นี่เขากำลังจะทำอะไร!

เหลิ่งชิงฮวนตื่นตระหนกทันที ก่อนจะดิ้นรนไปมาแต่กลับถูกมู่หรงฉีตรึงไว้แน่น

“มู่หรงฉี ปล่อยหม่อม!”

มู่หรงฉีพยุงตัวเองขึ้น เปิดม่านปล่อยให้แสงเทียนสาดส่องเข้ามาพลางมองเธออย่างสนุกสนาน “อันที่จริงข้าอยากบอกเจ้ามานานแล้วว่าคำว่ามู่หรงฉีไม่ค่อยน่าฟังนัก มันดุไม่สนิทกันเอาเสียเลย เจ้าควรใช้สรรพนามเรียกที่มันดูสนิทสนมกว่านี้”

ขอบเสื้อชุดแต่งงานสีแดงสดของเขาเปิดออก เผยให้เห็นหน้าอกอันแข็งแรงและกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ราวกับแกะสลักออกมาอย่างสวยงาม แต่ยังคงความน่าเกรงขามของความเป็นชายเอาไว้

เขาสวมชุดสีแดงแบบเดียวกันกับโฉวซือเส่าทว่าดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

โฉวซือเส่าสวมชุดแดง มีเสน่ห์เย้ายวนราวกับผ้าซาตินสีแดงที่กระเพื่อมบนผืนน้ำ

ในอีกด้านหนึ่งมู่หรงฉีสวมชุดสีแดงด้วยรูปลักษณ์อันสง่างาม

“ฉีฉี?” เหลิ่งชิงฮวนถามกลับดั่งโดนมนตร์สะกดความงาม “ดูเข้ากับฮวนฮวนดีนะ”

มู่หรงฉีจ้องมองเธออย่างคุกคาม

เธอเอียงศีรษะและคิดใหม่อีกครั้ง “หรือว่าจะเรียกเหล่ากงดีล่ะ” (หมายถึงเหล่ากงที่แปลว่าสามีในยุคปัจจุบัน)

“เจ้าน่ะสิที่เป็นเหล่ากง!” มู่หรงฉีตอบกลับ

ตอนนั้นเองที่เหลิ่งชิงฮวนนึกขึ้นได้ว่าในสมัยโบราณ ตำแหน่งเหล่ากงดูเหมือนจะหมายถึงขันที หากผู้อื่นได้ยินเข้าคงไม่สมควรอย่างยิ่ง

“งั้นเรียกว่าอะไรดี หม่อมฉันคงเรียกท่านว่ามู่หรงเฉยๆ ไม่ได้สินะ เรียกว่าพี่ใหญ่? คุณลุง?”

“ข้าแก่ขนาดนั้นเลยหรือ” มู่หรงฉีถามด้วยใบหน้ามืดมน “เจ้าจะเรียกข้าว่าฟูจวินหรือสามีก็ได้”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มอย่างประจบสอพลอ “ฟูจวินดูเชยไปหน่อย งั้นหม่อมฉันเรียกท่านว่าที่รักดีกว่า”

ด้วยสามคำง่ายๆ ทำให้มู่หรงฉีตกตะลึง “เจ้าว่าอะไรนะ”

“หม่อมฉันจะเรียกท่านว่าที่รัก ฟังดูดีหรือไม่”

มู่หรงฉีถามอีกครั้ง “ลองเรียกอีกครั้ง”

“งั้นท่านก็ปล่อยหม่อมฉันก่อนสิ” เหลิ่งชิงฮวนต่อรองด้วยเงื่อนไขอย่างมีความสุข

มือใหญ่ของมู่หรงฉีกำลังเคลื่อนไปอย่างเงียบ ๆ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาชัดเจนมากยิ่งขึ้น “ไม่ปล่อย ข้ามีวิธีทำให้เจ้าต้องขอร้องข้า เจ้าจะต้องเรียกให้ข้าฟังเป็นสิบครั้งร้อยครั้งจนข้าเบื่อ”

เหลิ่งชิงฮวนสูดหายใจเข้าพร้อมกับพยายามเบี่ยงตัวออกอย่างเหลือทน “มู่หรงฉี หากท่านไม่ปล่อย หม่อมฉันจะไม่ทนแล้วนะ!”

มู่หรงฉีขมวดคิ้วมองเธออย่างสงสัย “ไม่ทนอย่างไรหรือ”

ก่อนจะยื่นมือที่เอวของเธอพร้อมกับจั๊กจี้ เหลิ่งชิงฮวนขดตัวและหัวเราะไม่หยุด เธอตัวสั่นอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

ตอนไม่ใส่เสื้อผ้าท่านก็เคยเห็นมาแล้ว ยังอยากจะเห็นตอนใส่เสื้อผ้าหรือไง อีกอย่างต่อให้สวมชุดมงกุฎหงส์สุดท้ายก็ต้องโดนท่าถอดอยู่ดีใช่เหรอ “ทำไมท่านไม่บอกมาล่ะว่าท่านเอาเงินส่วนตัวมาจากไหนบ้าง” เหลิ่งชิงฮวนพูดอย่างแข็งขัน “ตอนที่กลับจวนฉีอ๋อง ท่านมอบกุญแจทั้งหมดให้หม่อมฉันโดยบอกว่าทรัพย์สินของท่านอยู่ในมือของหม่อมฉันทั้งหมด แล้วท่านเอาเงินจากไหนมาซื้อชุดมงกุฎหงส์อันมีค่ากับขบวนแดงสิบลี้”

หากไม่แสดงอำนาจบ้าง ท่านก็คงจะไม่เกรงกลัว

โอเค ถือว่าท่านเป็นคนซื่อสัตย์

ร้านค้าเหล่านี้เป็นธุรกิจทั้งหมดที่เขาลงทุนกับฉีจิ่งอวิ๋นในตอนแรก หลังจากทำกำไรได้ พวกเขาก็ค่อยๆ ขยายกิจการออกไป

ตอนนั้นร้านค้าเหล่านี้ถูกแยกออกจากทรัพย์สินตระกูลฉี โดยทั้งหมดเป็นชื่อของเขา ดังนั้นเมื่อตระกูลฉีถูกยึด ทั้งหมดจึงไม่มีความเกี่ยวข้อง เพียงแต่ว่าเขาไม่รู้เรื่องธุรกิจมากนัก ดังนั้นจึงปล่อยให้คนอื่นจัดการทุกอย่างแทนเขาไม่มีเวลาคำนวณกำไรขาดทุนโดยละเอียด ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่สามารถบอกได้ว่าร้านค้าเหล่านี้ทำธุรกิจประเภทใด

แล้วเหลิ่งชิงฮวนรู้ได้อย่างไร นางเพิ่งเข้าเมืองหลวงเพียงไม่กี่วัน หรือว่าผู้ดูแลจะทรยศเขา?ไม่น่าเป็นเช่นนั้น

เมื่อเผชิญกับการสอบสวนของเหลิ่งชิงฮวน เขาเริ่มรู้สึกผิด

“มันไม่ใช่เงินส่วนตัวแน่นอน ข้าแค่ไม่มีเวลาบอกกับเจ้าโดยตรง ร้านค้าภายใต้ชื่อของข้าเหล่านี้ ไม่มีคนนอกรู้อย่างแน่นอน”

“หม่อมฉันเป็นคนของท่าน สมควรที่จะรู้หรือไม่”

“ควรรู้ แต่มันไม่หยาบคายไปหน่อยหรือหากพูดเรื่องพวกนี้บนเตียง เราค่อยคุยกันพรุ่งนี้ได้หรือไม่ ข้าจะอธิบายความจริงให้เจ้าฟังทุกอย่างเลย”

“จะอธิบายหรือไม่แค่สังเกตท่าทางของท่านก็รู้แล้ว ยังมีความลับเล็กๆ น้อยๆ อะไรที่ของท่านที่หม่อมฉันยังไม่รู้อีกบ้าง”

มู่หรงฉีมองเธอด้วยแววตาเป็นประกาย “ข้าไม่มีความลับ”

เหลิ่งชิงฮวนเหลือบมองพร้อมกับยิ้ม “ตัวอย่างเช่น สาวงามสองคนที่พระสนมฮุ่ยเฟยประทานให้ท่านตอนแรก พวกนางสอนเรื่องเริงสำราญอะไรให้ท่านบ้าง”

มู่หรงฉีสัมผัสได้ถึงลางร้ายบางอย่าง เขาถามกลับด้วยสีหน้ามืดสนิท “เสิ่นหลินเฟิงเป็นคนบอกเจ้าใช่หรือไม่”

เหลิ่งชิงฮวนส่ายหน้า “เอาหูมาใกล้ๆ สิ หม่อมฉันจะกระซิบบอกท่านเอง”

ในห้องมีแค่พวกเขาสองคน เหตุใดถึงไม่พูดออกมาดังๆ มู่หรงฉีรู้สึกว่าเธอต้องมีแผนอะไรบางอย่าง เช่น วางยาพิษเขาอย่างกะทันหัน ผู้หญิงคนนี้ทำได้แน่นอน

เขายกมือขึ้นปัดริมฝีปากของเธออย่างรวดเร็ว “คิดจะลอบสังหารสามีตัวเองหรือ ข้าไม่หลงกลหรอก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา