เหลิ่งชิงฮวนเปิดปากออกกัดนิ้วของมู่หรงฉีทันที ปลายลิ้นอ่อนนุ่มของเธอเลื่อนผ่านปลายนิ้วของเขาทำให้รู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย
หัวใจของมู่หรงฉีบีบรัดแน่น เขาเริ่มหายใจติดขัด ดวงตาเต็มไปด้วยความคลุมเครือ “เจ้ากำลังยั่วยวนข้านะ”
เหลิ่งชิงฮวนไม่ตอบแต่จ้องที่เขาด้วยสายตาเสน่หาและแสดงความในใจออกมา
ครั้งนี้มู่หรงฉีโน้มตัวจูบเหลิ่งชิงฮวนโดยปราศจากคำเชื้อเชิญ ก่อนจะเลื่อนลงมาที่ลำคอขาวของเหลิ่งชิงฮวน
เหลิ่งชิงฮวนคลายปมที่ผูกไว้ที่หัวเตียงเบาๆ ก่อนจะถือยาเม็ดเล็กไว้ในฝ่ามือ น่าเสียดาย ก่อนที่เธอจะได้ดำเนินการใดๆ กลับถูกมือใหญ่ของมู่หรงฉีคว้าเอาไว้เสียก่อน
“นี่เป็นครั้งแรกข้าเห็นว่าเจ้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ข้ารู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีแผนการอะไรอย่าง คราวหน้าข้าควรจะยึดแหวนของเจ้าก่อนเข้านอน”
ถ้าฉันรู้เร็วกว่านี้ ฉันจะไม่บอกความลับนี้กับเขาแน่นอน
เหลิ่งชิงฮวนหงุดหงิกเพราะถูกยึดเม็ดยาและไม่สามารถต่อสู้กลับได้ เธอแค่ต้องการให้มู่หรงฉีลิ้มรสความรู้สึกเหมือนถูกมัดไว้ข้างเตียง เธอจะทรมานเขาให้ร้องขอชีวิต
“หม่อมฉันแค่อยากเพิ่มความสนุก มันก็แค่ยาชูกำลังเท่านั้น”
มู่หรงฉีโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูของเธอ “ดูเหมือนว่าฮูหยินจะสงสัยในความสามารถของข้าสินะ หรือว่าเจ้าไม่พอใจ เจ้าคิดว่าข้าจำเป็นต้องใช้มันด้วยหรือ”
เหลิ่งชิงฮวนยอมจำนนต่อการครอบงำเขาพร้อมกับส่ายหัว “ไม่ต้อง หม่อมฉันผิดไปแล้ว”
“ทำผิดย่อมต้องได้รับโทษ ข้าจะทำให้เจ้าจำบทเรียนในวันนี้” มู่หรงฉีกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “วันนี้ข้าจะให้บทเรียนกับเจ้าไม่มีวันลืม”
คำพูดของเขาจริงจัง แต่มือของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่ง
เหลิ่งชิงฮวนถูกตรึงเอาไว้กลายเป็นกระต่ายสีขาวตัวเล็กที่อ่อนแอ เผชิญหน้ากับหมาป่าตัวโต เขามองลงไปยังกระต่ายสีขาวตัวเล็กที่กำลังตัวสั่นเทาราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นในสายลม ไม่มีความสงสารในดวงตาของมู่หรงฉี มีเพียงความปรารถนาอันบ้าคลั่ง
สายลมแห่งความปรารถนากำลังพัดพล่านมา พร้อมกับกวาดทุกสิ่งอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
เหมือนสายชนวนที่สั่นไหวในหัวใจถูกจุดขึ้นค่อยๆ เผาไหม้ทีละน้อย
ดอกไม้ไฟที่ลุกโชนพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันมืดมิด แล้วจู่ๆ ก็ระเบิดออกกลายเป็นดอกไม้ไฟที่บานสะพรั่งหลากสีสันงดงามและสว่างไสวแต่งแต้มท้องฟ้ายามค่ำคืน
ดอกไม้ไฟลูกหนึ่งตกลงมาอย่างเงียบๆ และอีกลูกหนึ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นดอกไม้หลากสีไม่มีวันดับสูญ
ในที่สุดเสียงร้องอันแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบาง เธอตัวสั่นสะท้านราวกับถูกหยาดฝนจากชายคาไหลรินลงมาเป็นสาย
เธอเม้มริมฝีปากด้วยความเขินอาย ก่อนจะส่งเสียงขึ้นจมูกเบาๆ เหมือนลูกแมวที่น่าสงสารเผยให้เห็นความเปราะบาง
มู่หรงฉีเอนกายลง ริมฝีปากร้อนประกบตามลงมาพร้อมกับพึมพำเสียงแหบพร่า “น่าฟัง”
เล็บฝังลึกบนไหล่ของเขา เหลิ่งชิงฮวนขมวดคิ้วแน่น ภายใต้เงาเทียน ใบหน้าแดงระเรื่อของเธอเสมือนต้นบีโกเนียกลางสายฝนที่ย้อมด้วยสีแดง
“เบาๆ หน่อย”
มู่หรงฉีทำราวกับไม่ได้ยินและรุนแรงขึ้น
“รู้ตัวว่าผิดหรือยัง”
“หม่อมฉันผิดไปแล้ว”
“ต่อไปยังจะกล้าแกล้งข้าแบบนี้อีกหรือไม่”
“ไม่กล้าแล้ว”
เหลิ่งชิงฮวนตอบด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น ดูเชื่อฟังจนไม่เหมือนตัวเธอสักนิด
“เรียกชื่อข้าให้ฟังหน่อย”
“ฉี...”
ห้าปีแห่งความอดกลั้น ใครจะต้านทานไหว อยากร้องไห้...
ไม่เป็นไร ต่อจากนี้ไปข้าจะกลัวเจ้าตอนกลางวัน ส่วนเจ้ากลัวข้าตอนกลางคืน นี่คือความกลมกลืนและความสมบูรณ์ของหยินหยาง อำนาจบารมีเป็นเพียงเมฆที่ล่องลอย
เจ้าไม่ใช่ปลา ไหนเลยจะรู้ความสุขของปลา
เฟิงเหล่ยอวี้ยังคงเฝ้าอยู่ด้านหน้าโดยไม่ได้พักผ่อน
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของโฉวซือเส่า นางรีบลุกขึ้นมองเห็นชุดมงกุฎหงส์ที่อยู่บนตัวเขาด้วยความประหลาดใจ
โฉวซือเส่าไม่ตอบ เขาเดินผ่านตัวนางไปหาเสี่ยวอวิ๋นเช่อ และมองดูเด็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นใบหน้าเล็กกำลังหลับใหล เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มอีกครั้ง
เฟิงเหล่ยอวี้ยืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างเงียบ ๆ
นางมักจะไม่มีตัวตนเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าโฉวซือเส่า แต่เมื่อใดที่เขาต้องการ นางจะปรากฏตัวขึ้นต่อให้เขาอย่างเร็วที่สุด พวกเขาทั้งสองเป็นแบบนี้มาโดยตลอด
โฉวซือเส่าลุกขึ้น “ข้าไม่ได้อยู่ที่เจียงหนานสักพัก มีบางอย่างเกิดขึ้นที่นั่น พรุ่งนี้ข้าจะต้องกลับไป เจ้าจะอยู่ที่นี่ต่อสินะ”
เฟิงเหล่ยอวี้ไม่คิดเรื่องนั้น นางส่ายหัวเบาๆ “ข้าจะกลับไปเจียงหนานเช่นกัน”
“ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่เต็มใจที่จะแยกทางกับเสี่ยวอวิ๋นเช่อ”
เฟิงเหล่ยอวี้ ก้มหน้าลงพลางยิ้มอย่างเขินอาย “อวิ๋นเช่ออยู่ในเมืองหลวง มีผู้คนมากมายที่รักเขา ขาดข้าคนเดียวจะเป็นไรไป”
โฉวซือเส่าตะลึงไปครู่หนึ่ง “เจ้าไม่เด็กแล้ว ผู้ติดตามของฉีอ๋องที่ยังหนุ่มยังแน่นมีมากมาย ชิงฮวนจะช่วยเจ้าคิดเรื่องการแต่งงาน เจ้าจะติดตามข้าทำไม ข้าไม่ได้ขาดคนรับใช้เสียหน่อย”
เฟิงเหล่ยอวี้ถูมุมเสื้อผ้าของเธออย่างงุ่มง่าม ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ “นายท่านไม่ต้องการข้าแล้วใช่หรือไม่”
โฉวซือเส่าหัวเราะเบาๆ “ข้าช่วยเจ้าในตอนนั้นไม่ได้ขายตัวให้ข้าเสียหน่อย เจ้าควรมีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตของตนเอง”
“แต่นายท่านคือสิ่งที่ข้าไล่ตามมาทั้งชีวิต ชีวิตเหล่ยอวี้เป็นของนายท่าน ไม่ว่าสุดหล้าฟ้าเขียวข้าก็จะติดตามนายท่านไปตลอด”
“ข้าไม่ชอบมีใครอยู่ข้างกาย มันเป็นภาระ” โฉวซือเส่าตอบอย่างหนักแน่น
เฟิงเหล่ยอวี้กำมุมเสื้อผ้าแน่น “ท่านไม่เคยเดินทางไกลมาเป็นเวลาห้าปีเพียงเพราะพระชายา แต่ท่านไม่เคยคิดว่านางเป็นภาระ เหล่ยอวี้แค่อยากติดตามท่าน ท่านสามารถปฏิบัติต่อข้าเหมือนข้าเป็นแค่เงา ข้าไม่มีข้อเรียกร้องใดๆ ไม่ต้องสนใจข้า ข้าจะตามท่านให้ทันเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...