ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 592

เหลิ่งชิงฮวนหลบอยู่บนหลังคา มองดูจินเอ้อร์โผล่หัวออกมาจากกำแพงสูงของจวนสกุลจิน ก็ได้รู้ว่าตนเดาถูก

แม้ว่านางจะมิคุ้นกับจินเอ้อร์นัก แต่นางรู้ดีว่าจินเอ้อร์เป็นคนเยี่ยงไร

จินซ่างซูควบคุมเขาได้เหมือนท้องฟ้าเดือนมิถุนายน พอนึกขึ้นมาได้ก็ดุด่าทุบที กักบริเวณ พอโกรธก็ปล่อยเขาไปตามเวรตามกรรม เหนื่อยจะดูแล

ดังนั้นจินเอ้อร์จึงกลัวบิดาของตัวเองสุดขั้วหัวใจ แต่ก็ใจถึง ตราบใดที่สร้างปัญหาไว้ ก็จะกระโดดกำแพงหนีไป รอให้เขาใจเย็นลง แล้วตนก็ค่อยกลับมาสารภาพผิด

ครานี้ ปัญหาที่สร้างไว้มิใช่เรื่องเล็กเลย เมื่อรองแม่ทัพอวี๋มาถึงที่นี่ เขาก็ได้ข่าว แน่นอนว่าเขามิยอมให้โดนจับง่ายๆ และมิปล่อยให้จินซ่างซูด่าทอทุบตีตนเป็นแน่ จึงใช้วิธีการเดิม โดยการใช้กลยุทธ์การหลบหนีจากจวนสกุลจินเพื่อหลีกเลี่ยง

ตำแหน่งนี้เป็นเส้นทางการหลบหนีของจินเอ้อร์ มีบันไดอยู่ในกำแพง และมีเชือกห้อยอยู่ตรงกำแพงด้านนอก หลังจากที่เขาลงมาได้อย่างปลอดภัย เด็กรับใช้ก็จะเก็บของทั้งหมดออกไป

เหลิ่งชิงฮวนมองดูเขาหย่อนก้นลงไปด้วยท่าทีเงอะๆ งะๆ ก่อนจะหันไปโบกมือให้ทหารอารักขาที่อยู่ไกลๆ ทหารอารักขาจึงรีบปล่อยมือทันที แล้วสุนัขดุร้ายตัวหนึ่งก็วิ่งไปพร้อมเห่าตลอดทาง

จินเอ้อร์ตกใจผงะอยากจะปีนกลับไป แต่มือเท้าอ่อนแรงไปหมด แล้วร่วงลงบนพื้นดัง “ตุ้บ” สุนัขดุตัวนั้นก็กระโจนเข้ามากัดต้นแขนของเขาเพียงครั้งเดียวก็แทบจะฉีกเนื้อเป็นชิ้นๆ

เขากรีดร้องอย่างน่าเวทนา ทำให้ข้ารับใช้ที่ทำหน้าที่ลาดตระเวรในจวนสกุลจินตื่นตระหนกตกใจ ทุกคนถือไม้กระบองไล่ต้อนสุนัขดุร้ายตัวนั้นและตีมันจนตาย

จินเอ้อร์แยกเขี้ยวยิงฟัน และดูเหมือนว่าหน้าแข้งจะหัก ทุกคนต่างมิมีใครกล้าขยับเขยื้อนเขาอย่างบุ่มบ่าม และรีบไปตามหมอมาแทน

คนเป็นหมอทำการตวรจขาของเขา และยืนยันว่ากระดูกหัก แต่มิถึงขั้นบาดเจ็บร้ายแรง ค่อยๆ รักษาไป ใช้เวลาสักสามเดือนก็จะหายในมิช้าก็เร็ว

หมอจัดการกับน่องของเขา ใช้ไม้หนีบขา จากนั้นก็มองดูบาดแผลที่ต้นขาของเขา พลางขมวดคิ้วและเงียบไปมิได้เอ่ยวาจาใด

จินซ่างซูก็รีบปรี่เข้ามาด้วยใจที่เป็นกังวล “แผลของไอ้ลูกหมานี่มีอันใดผิดปกติรึ?”

คนเป็นหมอส่ายหัว ใบหน้าเคร่งขรึม “ขอถามสักหน่อยว่า ท่าทางรูปพรรณสัณฐานของสุนัขดุร้ายที่กัดคุณชายตัวนั้นเป็นเยี่ยงไรรึ”

คนรับใช้จึงชี้ไปทางสุนัขตัวนั้นที่ตายแล้ว “ดวงตาแดงก่ำ น้ำลายไหล มิสนใจใยดี อย่างกับหมาบ้าน่ะขอรับ”

หมอเดินไปเปิดเปลือกตาของสุนัขดุร้ายตัวนั้นและอ้าปากมันอีกครั้ง มองดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ “เกรงว่ามันจะแย่แล้วล่ะ”

“เป็นอันใดรึ?”

“สุนัขดุร้ายตัวนี้เป็นบ้าไปแล้ว คนที่ถูกมันกัดมีโอกาสสูงที่จะติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้”

“พิษสุนัขบ้ารึ?” จินซ่างซูเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง

“ขอรับ หลังจากได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้าแล้ว ก็จะมีอาการปวดหัว เป็นไข้ กระสับกระส่าย กลัวน้ำ กลัวลม หายใจลำบาก ยิ่งไปกว่านั้นโรคนี้ยังมิมีทางรักษา เป็นโรคที่รักษามิหายขอรับ”

ประโยคนั้นทำให้เสียงครวญครางโหยหวนของจินเอ้อร์ที่กำลังร้องไห้อย่างต่อเนื่องหยุดลงทันที ชีวิตมนุษย์มันช่างเป็นเรื่องตลกอันใดกัน

จินซ่างซูพูดขึ้นมาอย่างกังวล “มิมีวิธีป้องกันอันใดเลยรึ”

คนเป็นหมอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “มันก็มิใช่ว่าจะมิมีวิธี ในตำราแพทย์ทมีบันทึกไว้ว่า หากถูกสุนัขดุร้ายกัด ก็ให้เอาสมองของสุนัขดุร้ายตัวนั้นมาทาที่บาดแผล เช่นนี้ก็สามารถป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้ ทว่ามันก็ยังป้องกันได้มิสมบูรณ์นัก พูดอีกอย่างก็คือ...”

หมอชำเลืองมองไปยังศพของสุนัขดุร้ายที่นอนอยู่บนพื้นที่ถูกคนรับใช้ตีเข้าตรงกลางศีรษะไปเมื่อครู่นี้ เลือดและหนองไหลนองพื้น ใช้แล้วใครจะรู้ล่ะว่ามันจะได้ผล?

จินซ่างซูมองไปตามสายตาของเขา แล้วก็ร้อนรนใจจนเหงื่อออกหน้าผาก ตีอกชกหัวด้วยความเจ็บใจ “แล้วจะทำเยี่ยงไรดี”

“เหตุใดจะมิช่วยกันเล่า? ถึงจะบอกว่าเขาถูกกัดแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะติดเชื้อร้อยเปอร์เซ็นต์นี่ การช่วยชีวิตคนใกล้ตายกับดูแลรักษาคนที่บาดเจ็บ มันเป็นหน้าที่ของหม่อมฉันอยู่แล้ว หม่อมฉันจะนิ่งดูดายปล่อยให้คนป่วยตายไปได้เยี่ยงไรกันเล่า?”

มู่หรงฉีส่ายหน้าอย่างช่วยมิได้ “เรื่องปั้นน้ำเป็นตัวช่างสมเป็นเจ้าดี พูดจาดีมีเหตุผลฉะฉานเช่นนี้ มิใช่สิ คงจะเป็นการคุยโวโอ้อวดได้อย่างมิรู้สึกกระดากอายเสียมากกว่า”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้ม “แหะๆ ” “หัวใจของคนเป็นหมอ ฉันในฐานะแม่ ถ้ามิบีบบังคับชีวิตเขา แล้วจะสามารถทำให้เขาเชื่อฟังได้เยี่ยงไรเล่า? อย่าเพิ่งมาพูดกับหม่อมฉันที่นี่เลย ท่านมองหาหญิงสาวที่เล่นกลผู้นั้นมาแสดงละคร มิกลัวว่าจินซ่างซูจะมาสืบสวนแผนการด้วยรึ?”

มู่หรงฉียิ้มอย่างใจเย็น “ถ้านับว่าเรื่องนี้ก็เป็นกับดักที่ข้าสร้างขึ้นมาล่ะ? หากมิใช่เพราะความมิมีขื่อมิมีแปของจินเอ้อร์และคนอื่นๆ มันจะเกิดเรื่องวุ่นวายนี้ขึ้นรึ? ตอนนี้พระชายาของข้าช่วยชีวิตนักร้องหญิงผู้นั้นฟื้นขึ้นมาจากความตายได้ ข้าออกหน้าจัดการแทนพวกเขา พวกเขาจะมาขอบคุณข้ามันก็สายไปแล้ว ส่วนนักร้องสาวคนนั้นถูกส่งไปเมืองหลวงแล้วหลังจากที่ได้เงินไป และมิพบร่องรอยใดๆ ”

ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัย และมิได้เอื้อนเอ่ยวาจาใด

แน่นอนว่าในวันรุ่งขึ้น จินซ่างซูก็มาแสดงความขอบคุณมู่หรงฉีด้วยตนเองถึงที่

เขาถามจินเอ้อร์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และจินเอ้อร์ก็จะต้องถูกตำหนิอย่างมิต้องสงสัยเลย มู่หรงฉีออกหน้ามาจัดการเรื่องนี้ แม้ว่าจะทำไปเพื่อเหลิ่งชิงเจียว แต่จินเอ้อร์ก็มีผลพลอยได้ไปด้วย ฉะนั้น จะเสียมรรยาทมิได้

มู่หรงฉีมิได้พูดอันใดมากนัก และมิได้โอ้อวดว่าตนเปลืองแรงจัดการเรื่องนี้แค่ไหนเช่นผู้อื่น ทำเพียงพูดอย่างเฉยเมยว่า “เรื่องเล็กน้อยน่ะ ใต้เท้ามิต้องกังวล”

จินซ่างซูจึงขอบคุณเป็นยกใหญ่อีกครั้ง และขาดมิได้ที่จะทบทวนดู ก่อนจะพูดถึงอาการบาดเจ็บของจินเอ้อร์ ทั้งกระดูกหัก ทั้งถูกสุนัขกัดจนเป็นแผล ก็ถือว่าได้บทเรียนราคาแพงแล้ว และมิสามารถมาขอประทานอภัยได้ด้วยตนเอง

มู่หรงฉียังคงพูดอย่างประหยัด “มิจำเป็น”

จินซ่างซูดึงความกล้าของตัวเองออกมา “ได้ข่าวมาว่าทักษะการแพทย์ของพระชายานั้นสูงมาก สามารถทำให้ฟื้นมาจากความตายได้ ข้าน้อยอยากจะขอคำแนะนำเรื่องหนึ่ง ไอ้ลูกหมามันโดนหมาบ้ากัด หมอในจวนก็บอกว่ามีโอกาสติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้ พอจะมีวิธีป้องกันหรือไม่?”

เหลิ่งชิงฮวนอธิบายอาการและความรุนแรงของโรคพิษสุนัขบ้าอย่างถี่ถ้วน จากนั้นก็ทำหน้าตาลำบากใจ “มันก็มิใช่ว่าจะป้องกันมิได้ ข้าออกใบสั่งยาให้ได้ เพียงแค่ทำการฝังเข็มภายในสามวันหลังจากถูกสุนัขกัด ก็สามารถช่วยคุณชายหัวแก้วหัวแหวนได้โดยมิต้องกังวล”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา