ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 6

ตรวจสอบผ้าหยดเลือด?

มีกฎพิสดารอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ? เรื่องส่วนตัวระหว่างสามีภรรยายังต้องเอาออกมาให้คนอื่นวิจารณ์? หรือว่ายังต้องมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับด้วยหรือ?

ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ไม่ใช่เด็กสาวแล้ว จะไปหาผ้าหยดเลือดมาจากที่ไหน? ไม่สิ เธอกับอ๋องฉีไม่ได้ร่วมหอกันด้วยซ้ำ

เหลิ่งชิงฮวนคุกเข่าลงตรงหน้า ลังเลว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี มู่หรงฉีที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ “เมื่อคืนนางบาดเจ็บ พวกเราจึงไม่ได้ร่วมหอกัน”

เหลิ่งชิงฮวนตกตะลึง เธอคิดว่ามู่หรงฉีเกลียดเธอมาก เมื่อเข้ามาในวังแล้วเขาก็คงหาทางเปิดโปงเรื่องที่เธอไม่บริสุทธิ์ หลังจากนั้นก็ไม่ต้องรอให้เขาเอ่ยปากอะไร ไทเฮาก็จะลงโทษเธออย่างไม่ลังเล วิธีนี้จะทำให้เขาได้สมปรารถนากับเหลิ่งชิงหลาง

แต่เขากลับเป็นฝ่ายเอ่ยปกป้องเธอก่อน เหลิ่งชิงฮวนจึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เธอหันหน้าไปมองใบหน้าด้านข้างของมู่หรงฉีที่ยังคงแสดงความรังเกียจอย่างไม่ปกปิด เขาไม่แยแสและเว้นระยะห่างจากเธอ

เพราะเห็นใจเธอ หรือเพราะชายคนนี้เพียงแค่เห็นแก่ความภาคภูมิใจของตัวเอง และเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของราชวงศ์

“บ่าวขออาจถามอีกครั้ง แล้วชายารองเล่าเพคะ”

พระสนมฮุ่ยเฟยขมวดคิ้ว “เมื่อคืนเจ้าคงไม่ได้พักที่ห้องของคุณหนูรองตระกูลเหลิ่งหรอกใช่ไหม”

มู่หรงฉีส่ายหน้า “เมื่อคืนกระหม่อมเป็นห่วงอาการป่วยของเสด็จยายจึงไปที่จวนอันกั๋วกง ตกดึกถึงได้กลับมาที่จวนแล้วเข้าไปพักที่ห้องหนังสือ”

พระสนมฮุ่ยเฟยส่งเสียงตอบรับในลำคอ “เจ้าเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ แม้ว่าคนอื่นจะสูญเสียศักดิ์ศรีอย่างไร เจ้าก็ควรจะวางตัวให้เหมาะสม เจ้าชอบพอคุณหนูรองตระกูลเหลิ่ง ไทเฮาก็ตอบรับ วันเวลายังอีกยาวไกลอย่าละโมบโลภมาก ละเมิดกฎระเบียบจนทำให้เสด็จยายของเจ้าพิโรธ”

แม้พระสนมฮุ่ยเฟยไม่ได้พูดถึงหรือตำหนิเธอสักคำ แต่เหลิ่งชิงฮวนก็สัมผัสถึงความไม่พอใจที่มีต่อเธอ เธอก้มหัวลงโดยไม่พูดอะไรสักคำ รอให้มู่หรงฉีเป็นคนเอ่ยปากเรื่องขอหย่า

มู่หรงฉีขยับริมฝีปาก “ลูกขอบพระทัยเสด็จแม่ที่สั่งสอน”

พระสนมฮุ่ยเฟยพยักหน้าเล็กน้อย คนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ ก็เข้ามาทันทีพร้อมกับถ้วยอินทผาลัมสองถ้วยและชาเมล็ดบัว โค้งคำนับเล็กน้อย แล้วส่งให้มู่หรงฉีและเหลิ่งชิงฮวน

ชาเป็นพืชที่หลังจากหว่านเมล็ดลงดินแล้วจะไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนได้ จึงเปรียบเสมือนความเป็นหนึ่งเดียวกัน การยกน้ำชาให้กับคู่แต่งงานใหม่ก็เสมือนว่าแม่สามีคนนั้นได้ยอมรับในตัวลูกสะใภ้แล้ว

ดังนั้นเหลิ่งชิงฮวนจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าเธอจะยกหรือไม่ยกน้ำชาถ้วยนี้

มู่หรงฉีเองก็ไม่ได้ยื่นมือออกไป ไม่ได้ลุกขึ้น ถ้วยชาสองถ้วยยังคงวางอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยคำใด

“เสด็จแม่ ลูกมีสิ่งที่อยากจะพูด”

“มีอะไรจะพูดก็ลุกขึ้นมายกน้ำชาแล้วค่อยๆ พูด” พระสนมฮุ่ยเฟยเหลือบมองแม่นมที่อยู่ด้านหลังโดยไม่มีความหมายอื่น

มู่หรงฉีกลืนคำพูดเมื่อครู่ลงไป หันไปรอบๆ และหยิบถ้วยชาเมล็ดบัวชูไว้เหนือหัวด้วยมือทั้งสองข้าง พระสนมฮุ่ยเฟยสอดมือมารับไว้ในมือ ก่อนจะจิบและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

สาวใช้ในวังเลื่อนถาดไปทางเหลิ่งชิงฮวน เหลิ่งชิงฮวนถึงแอบสังเกตเห็นสายตาที่ส่งมาของพระสนมฮุ่ยเฟย รู้ว่าแม่นมฉีมีจุดประสงค์อะไรพระสนมฮุ่ยเฟยถึงได้มีท่าทีเช่นนั้น เธอจึงยื่นมือไปรับถ้วยน้ำชา

ทันทีที่ยื่นมือไปรับ สาวใช้ก็ดึงถาดออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนน้ำไหล เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกกระอักกระอ่วนใจกับถ้วยชาร้อนราวกับน้ำเดือด ไม่สิ ต้องบอกว่าเหมือนเหล็กร้อนที่โดนไฟเผามา เธอไม่ทันตั้งตัวและร้อนจนโยนมันทิ้งออกไปทันที

เธอและมู่หรงฉีคุกเข่าลงทันที ถ้วยชากลิ้งอยู่ระหว่างพวกเขา น้ำชาร้อนสาดกระเซ็นไปทั่วตัวทั้งคู่ ร้อนจนเธอทนไม่ไหวต้องสูดหายใจลึก

นิ้วเรียวขาวราวหยกถูกลวกจนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว

เส้นเลือดบนหน้าผากของมู่หรงฉีกระตุก เขาหรี่ตาเย็นชา "เหลิ่งชิงฮวน เจ้าจงใจงั้นหรือ? "

พระสนมฮุ่ยเฟยตะลึง “เหลวไหล! เป็นสามีภรรยากันมีที่ไหนจะไม่ขัดแย้ง เรื่องแค่นี้ต้องหย่าร้างกันเลย? เจ้าไม่เห็นเสด็จพ่อกับเสด็จย่าของเจ้าอยู่ในสายตาแล้วใช่ไหม?”

หลังจากที่แม่นมฉีจากไป พระสนมฮุ่ยเฟยก็แสดงออกว่าไม่พอใจเธอ เธอจึงคิดว่าพระสนมฮุ่ยเฟยจะตอบตกลงในทันที ไม่คิดว่าพระนางจะคัดค้าน

พระสนมฮุ่ยเฟยไม่พอใจลูกสะใภ้คนนี้มาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรื่องเมื่อวานนี้ เช่นเดียวกับแม่สามีส่วนใหญ่ในโลก ถ้าวันนี้เธอแสดงอำนาจจะต้องสามารถข่มเหลิ่งชิงฮวนให้อยู่หมัดได้แน่นอน

แต่ถึงอย่างไรเธอก็ค่อนข้างพอใจกับฐานะของเหลิ่งชิงฮวนที่เป็นบุตรีคนโตที่เกิดจากภริยาเอก อีกทั้งการแต่งงานครั้งนี้ยังเป็นสิ่งที่ไทเฮาทรงพระราชทานให้ มู่หรงฉีโวยวายอยู่หลายครั้งว่าไม่ชอบดังนั้นไทเฮาก็คงจะไม่ชอบใจเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นการล่วงเกินจวนมหาเสนาบดีอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย วันนี้ก็ถือว่าพระนางไว้หน้าเหลิ่งชิงฮวนต่อหน้าคนของไทเฮาไว้มากแล้ว

“ลูกตัดสินใจแล้ว ขอเสด็จแม่ทรงอนุญาต” มู่หรงฉีกล่าวอย่างหนักแน่น

“แม่บอกว่าไม่ก็คือไม่!” พระสนมฮุ่ยเฟยเอ่ยจนปากเปียกปากแฉะ “เจ้าชอบคุณหนูรองจะรับนางไว้ไม่ว่าจะแบบไหนก็อย่าให้มันอุกอาจมากเกินไป แต่เจ้าเพิ่งจะอภิเษกแล้วจะมาหย่าทันทีมันไร้เหตุและผลเกินไป นี่มันจะไม่เป็นการทำให้เสด็จย่าของเจ้าโกรธหรอกหรือ? เจ้าจะให้ท่านเสนาบดีเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”

“ไร้เหตุและผล” นางเน้นย้ำสี่คำนี้ราวกับต้องการเตือนอะไรบางอย่าง

มู่หรงฉีเหลือบมองเหลิ่งชิงฮวนด้วยสายตาเย็นชา “เราทั้งคู่ต่างก็เต็มใจ เป็นการจากกันด้วยดีมิใช่ทอดทิ้ง”

เหลิ่งชิงฮวนเองก็ขยับปาก “ขอเสด็จแม่ทรงโปรด”

ทั้งสามคนต่างก็มีความคิดของตน มีสิ่งที่ต่างก็พะว้าพะวัง ชั่วขณะนั้นทุกคนก็นิ่งค้างไป

มีคนเข้ามาจากด้านนอกวังพร้อมก้มศีรษะลงและเอ่ยอย่างแผ่วเบา "ทูลพระนาง รัชทายาทจวนกั๋วกงส่งคนมาบอกข่าวว่าต้องการพบชายาอ๋องฉีอย่างเร่งด่วน"

เสิ่นหลินเฟิง? เขามาทำไม?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา