ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 629

เหลิ่งชิงฮวนส่ายหน้า

“หรือบางทีอาจเป็นหุ้นส่วนธุรกิจของจิ่งอวิ๋น เป็นหนี้เขา ในที่สุดก็มีมโนสำนึก คืนเงินให้”

เหลิ่งชิงฮวนร้องโอ้ แล้วพูดพึมพำ “ก็ยังรู้สึกว่า มันแปลกๆอยู่นิดหน่อย”

มู่หรงฉีไม่ได้พูดอะไร กินข้าวเงียบๆ ทันใดนั้นก็วางตะเกียบลงแล้วเอ่ยถามขึ้น “ในข้อมูลที่องค์รักษ์อินทรีควบคุม มีเกี่ยวกับขุนนางกรมอาญาหรือไม่?”

เหลิ่งชิงฮวนส่ายหน้า “เหมือนว่าจะมีน้อยมากๆ...ไม่สิ แปลกจัง มีบันทึกมากมายเกี่ยวกับจุดอ่อนของขุนนางทั้งหกกรม ทำไมถึงไม่มีของกรมอาญาล่ะเพคะ? กรมอาญาเป็นกรมที่ดำมืดและโลภมากที่สุดในบรรดาทั้งหกกรม จับจุดอ่อนได้เป็นจํานวนมากไม่ใช่เหรอเพคะ?”

มู่หรงฉียิ้มอ่อน มีความนัยแอบแฝง “งั้นเจ้าคงต้องไปถามองค์รักษ์อินทรีด้วยตัวเองแล้วล่ะ”

ชัดเจนเลยว่าผู้ชายคนนี้รู้เรื่องอะไรมา!

“ทำไมจู่ๆท่านถึงได้ถามเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?” เหลิ่งชิงฮวนถามอย่างงุนงง

มู่หรงฉีดูอารมณ์ดี แล้วยิ้มให้กับเธอเล็กน้อย “เจ้าเดาดูสิ?”

จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินจากไป ร่างกายสดชื่นอารมณ์ดี คล่องแคล่วเป็นพิเศษ

แสร้งทำเป็นเร้นลับ ขี้งก เราเป็นคนถามเองก็ถามเอง! อีกอย่าง ไม่เกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย!

ทำงานอย่างหนัก อีกไม่นานก็เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ฮ่องเต้ได้ลงตราประทับไว้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว

งานเลี้ยงฉลองส่งท้ายปีเก่าในวังหลวงนั้นเริ่มค่อนข้างเร็ว เพราะในช่วงของการไว้ทุกข์ มีข้อห้ามมากมาย งดงานเลี้ยงรับรอง ห้ามดื่มเหล้า ห้ามงานรื่นเริง ห้ามจัดงานแต่งงาน ดังนั้นวันส่งท้ายปีเก่าในปีนี้จึงเป็นเพียงแค่การรับประทานอาหารในราชวงศ์เท่านั้น ทุกอย่างจัดอย่างเรียบง่าย

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว เหล่าจวนต่างๆก็พากันทยอยเข้าวังหลวง ประมาณยามเซินงานเลี้ยงในวังหลวงก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

หลังจากเหลิ่งชิงฮวนเข้าวังก็แยกกับมู่หรงฉีและอวิ๋นเช่อ เธออยากไปถวายพระพรพระสนมฮุ่ยเฟยก่อน ครั้งก่อนที่มู่หรงฉีกลับมาจากวังหลวง บอกว่าพระสนมฮุ่ยเฟยอยากพบเธอ

น่าแปลก

แต่ไหนแต่ไรมาตัวเองไม่เคยพูดดีกับแม่สามีเลยสักครั้ง จู่ๆนางนึกถึงตัวเองนี่สิแปลก

ที่ประตูตำหนักเจียนเจีย ขันทีน้อยสองคนเฝ้าอยู่ที่กลอนประตู ทันทีที่เห็นเธอก็รีบหันหน้ากลับเข้าไปรายงาน แต่ถูกเธอขวางไว้ก่อน

เมื่อยกม่านกั้นก้าวขาข้ามธรณีประตูเข้าไป ด้านในเสียงดังครึกโครม หญิงสาวแต่งตัวหรูหรา คึกคักเหมือนตลาดสด บรรยากาศอึมครึ้มที่เต็มไปด้วยพิษร้าย

นางสนมกลุ่มหนึ่ง ที่ในเวลานี้ก็ไม่แต่งหน้าแต่งตัว ทาแป้ง แต่มารวมกลุ่มอยู่ที่ตำหนักเจียนเจีย...เล่นไพ่นกกระจอก?

จ้องมองคอที่ยืดยาวของแต่ละคน มองไพ่นกกระจอกที่อยู่ในมือ ใบหน้าตึงเครียด

ไม่สิ นอกจากจะตึงเครียดแล้ว ที่บนหน้าก็ยังมีภาพวาด วาดลูกอ๊อดเต็มใบหน้า แต่ละคนเหมือนมีเมล็ดป่านอยู่เต็มใบหน้า น่าตลกเป็นพิเศษ

บรรดากลุ่มมิตรสหายยืนอยู่ด้านหลัง กําลังยุ่งอยู่กับการคิดหาวิธี ถลกแขนเสื้อ ส่งเสียงครื้นเครงเฮฮาเจื้อยแจ้ว

ในวังหลวงนี้ เหลิ่งชิงฮวนมักจะไปมาหาสู่อยู่บ่อย ๆ และยังเคยพักอาศัยอยู่ ก็จะถูกฮองเฮาองค์ก่อนดูแลให้อยู่ในระเบียบเรียบร้อย เหล่านางสนมพบเจอกันด้วยความสุภาพเรียบร้อยและไม่เสียมารยาท อย่างสนิทสนมและไม่เป็นมิตรกัน หัวเราะไม่ให้เห็นฟัน การพูดการกระทำเป็นระเบียบ เข้มงวดมาก ทุกคนล้วนเป็นกุลสตรีจากตระกูลสูงศักดิ์

ทำไมตอนนี้ถึงได้เปลี่ยนเป็นเล้าเป็ดได้ล่ะเนี่ย?

นอกจากนี้ เหล่านางสนมพวกนี้ ทำลายภาพลักษณ์ตัวเอง ไม่กลัวฮ่องเต้จับได้ แล้วปลดลดตำแหน่งเหรอ? มิน่าล่ะตอนที่เข้าตำหนักมา ที่ประตูมีคนดูต้นทางให้อยู่

ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจของเหลิ่งชิงฮวน ยังไม่ทันที่จะได้เปิดปากพูด ก็มีคนเห็นเธอแล้ว

“พอถือตราประทับหงส์แล้วไม่ธรรมดาเลยนะเพคะ พูดจาใหญ่โตเชียว”

พระสนมฮุ่ยเฟยยิ้มให้เหลิ่งชิงฮวนอย่างเอาใจ “พูดความจริงเลยละกันนะ ข้าไม่เสแสร้งละ พวกนางต่างมาขอร้องข้า ให้ข้ามาพูดกับเจ้าแทน”

เหลิ่งชิงฮวนประหลาดใจ “หม่อมฉัน? พูดเรื่องอะไรเพคะ?”

“ขอร้องเจ้าให้ประทานลูกชายแก่พวกนาง”

“เรื่องนี้มาหาหม่อมฉันทำไมเพคะ? นั่นเป็นเรื่องของเสด็จพ่อ คนอื่นช่วยไม่ได้หรอก”

“เจ้าเป็นพระแม่กวนอิมประทานบุตรนะสิ อยากจะให้ใครตั้งครรภ์ก็ใช้ยาเม็ดเดียวของเจ้าไม่ใช่หรือไง มีประโยชน์กว่าผู้ชายอีก”

ไม่บอกว่าตัวเองใช่ ต่อให้ตัวเองเป็น เสด็จพ่อพระชันษามากขนาดนั้นแล้ว ปล่อยให้ต้นไม้แก่ออกดอก ให้กำเนิดลูกชายที่อายุน้อยกว่าหลานๆหลายปี เราก็ต้องมีความสามารถในเรื่องนั้น

เธอมองพระสนมฮุ่ยเฟย “บอกความจริงมา ท่านไปคุยโม้อวดหม่อมฉันอีกแล้วใช่ไหม?”

พระสนมฮุ่ยเฟยเหลือบมองเธอ “เจ้ามีอะไรที่ควรค่าแก่การให้ข้าไปพูดอวด ถ้ามีความสามารถ เจ้าก็มีหลานให้ข้าอีกสักสองสามคนสิ? รักษาอาการป่วยคนอื่นจนหายดีนับว่ามีความสามารถอะไรกัน?”

เริ่มเปลี่ยนลูกเล่นใหม่อีกแล้ว เห็นว่าเราว่างอยู่หรือไง?

“ในส่วนของพี่สะใภ้และพระชายารองเฮ่า ล้วนเป็นเรื่องบังเอิญ ไม่นับว่าเป็นความชอบของหม่อมฉัน สิ่งไหนที่ท่านบ่ายเบี่ยงได้ก็บ่ายเบี่ยงไปเถอะ หม่อมฉันยุ่งมาก แล้วก็”

เหลิ่งชิงฮวนหยิบตั๋วเงินออกมาจากแขนเสื้อ ส่งให้กับพระสนมฮุ่ยเฟย “สิ้นปีแล้ว มีหลายสิ่งที่ต้องจัดการ อย่ามัวอาลัยอาวรณ์อยู่เลย”

พระสนมฮุ่ยเฟยรับตั๋วเงินมาแบบไม่ใส่ใจ เมื่อเหลือบมองดู ก็แทบจะตกใจ ตื่นเต้นจนน้ําตาคลอเบ้า “เยอะขนาดนี้เลย? ฉีเอ๋อร์ไม่เคยเอาใจใส่แบบนี้มาก่อน รู้จักกตัญญูต่อข้า ทว่า ทำไมข้าต้องดูแลพวกเขาด้วย? มีเงินนี้ตัวเองเก็บไว้ใช้กินดื่มเองไม่ดีกว่าเหรอ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา