“มีเงินจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ทั่วทั้งวังหลวงนั้น ล้วนเป็นคนของฮองเฮา ไม่จัดการให้เรียบร้อย แม้ก้าวเดียวก็เดินลำบาก”
พระสนมฮุ่ยเฟยหัวเราะเยาะ “เจ้าคิดว่าข้าโง่จริงๆเหรอ? การดูแลตราประทับหงส์เดิมทีเป็นงานที่เหนื่อยไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะหลายวันมานี้ ช่วงงานพระศพประกอบกับช่วงวันสิ้นปี ข้ายุ่งจนหัวหมุนไปหมด ข้ายังต้องเพิ่มเรื่องเงินทองเข้าไปอีก ข้าจะลำบากไปเพื่ออะไร?”
เหลิ่งชิงฮวนลองเอ่ยถาม “เมื่อกี้ท่านอยากจะย้ายรังไม่ใช่หรือไง?”
“ความคิดนี้ใครไม่มีบ้างล่ะ?” พระสนมฮุ่ยเฟยถอนหายใจ “เมื่อก่อนข้าก็อยากจะใช้ชีวิตประพฤติตัวไม่เหมาะสม ให้คนในวังอิจฉา แต่ว่าตอนนี้ ลูกชาย หลานชาย ลูกสะใภ้ของข้า ก็เพียงพอให้ข้าโอ้อวดแล้ว จะเปลืองแรงให้ลำบากทำไม? ตราประทับหงส์ใครอยากได้ก็เอาไป ข้าไม่สนใจ”
แม่สามีตัวเอง แท้จริงแล้วฉลาดหรือว่าโง่กันแน่ เวลานี้เหลิ่งชิงฮวนไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี
“คิดได้แล้วจริงเหรอเพคะ?”
“ไม่คิดก็คงไม่ได้หรอกนะ” พระสนมฮุ่ยเฟยเก็บตั๋วเงินเข้าไปในอ้อมแขนอย่างลื่นไหล หน้านิ่วคิ้วขมวด “เรื่องวุ่นวายพวกนี้ ข้าฟังแล้วก็ปวดหัว ในแต่ละวันแก่งแย่งไม่ยอมกันใช้ชีวิตไม่ราบรื่นก็ช่าง แล้วก่อนหน้านี้ยังมีเรื่องที่เยี่ยนผินตกน้ำ ผู้คนหวาดกลัว จะข่มไว้ก็ข่มไม่ลง เสด็จพ่อของเจ้าก็ทรงกริ้ว”
“ยังไม่มีต้นสายปลายเหตุอีกเหรอเพคะ?” เหลิ่งชิงฮวนถามอย่างสงสัย
“จะมีเงื่อนงำอะไรล่ะ? ตอนนี้ คนในวังหลวงต่างก็ไม่กล้าไปที่นั่น คำพูดมากมายต่างก็พูดกันเป็นตุเป็นตะ ช่วงเวลานี้ผิวน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง มีคนบอกว่า ตกกลางดึกจะได้ยินเสียงใต้ผิวน้ำแข็ง ตึงตึง ทำเอาคนหวาดกลัว เจ้าว่า ในน้ำคงไม่ได้มีของเล่นสกปรกอะไรจริงๆใช่ไหม?
ข้าวางมาดนิ่งเวลาอยู่ต่อหน้า ไม่อนุญาตให้พวกนางพูดจาเพ้อเจ้อ จริงๆแล้ว ในใจนึกสงสัย อยากจะไปรวมกลุ่มฟังด้วย แต่เมื่อพวกนางเห็นข้า ก็หยุดพูดทันที”
เดิมทีพระสนมฮุ่ยเฟยชอบจับกลุ่มนินทา ตอนนี้ดูแลตราประทับหงส์ ทำให้นางและเหล่านางสนมในวังมีช่องว่างระหว่างกัน ถูกปล่อยให้โดดเดี่ยว ไม่รู้สึกเสียใจเลยเหรอ? มิน่าล่ะถึงได้ถูกฮ่องเต้ขับไล่
เกี่ยวกับเรื่องครั้งก่อนที่เยี่ยนผินตกน้ำ แน่นอนว่าเหลิ่งชิงฮวนไม่คิดว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ ตอนนั้นยังคิดว่า ฮองเฮาลงจากม้า คนที่อยู่เบื้องหลังก็จะโผล่ออกอาศัยความขัดแย้งของคนคนเพื่อตักตวงผลประโยชน์ใส่ตัว ใครจะไปคิด พระสนมหลินเฟยก็ไปแล้ว ตอนนั้นทั้งวังหลัง แม่สามีของตัวเองก็กระโดดโลดเต้นอย่างสนุกสนาน
มองไปที่ตำหนักของฮองเฮา เผลอๆบางทียังรู้สึกว่าพระสนมฮุ่ยเฟยทำร้ายนางเพื่อแย่งชิงตำแหน่ง
ผลักดันความโปรดปรานนี้ก็เป็นเรื่องที่ดี
“คนอื่นพูดจาเหลวไหลก็ช่าง ท่านสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงแล้วอย่าเข้าไปข้องเกี่ยวก็แล้วกัน”
“ข้ารู้อยู่แล้วน่ะ” พระสนมฮุ่ยเฟยเศร้าซึมและพูดขึ้นอย่างลึกลับ “สำหรับเรื่องนี้ จริงๆแล้วข้ายังนั่งพิจารณาคดีอยู่ในศาล ผลสุดท้ายเจ้าเดาดูสิว่าเป็นยังไง มันมีความผิดปกติเล็กน้อยจริง ๆ"
“ความผิดปกติอะไรเพคะ?”
“นางกำนัลรับใช้ที่ปรนนิบัติใกล้ชิดเยี่ยนผินยอมับ เยี่ยนผินรู้ตั้งแต่ก่อนตายว่าตัวเองอาจจะประสบอุบัติเหตุ แม้แต่งานศพก็เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว”
“อะไรนะ?” เหลิ่งชิงฮวนตกใจ “เพราะอะไรเพคะ?”
พระสนมฮุ่ยเฟยเห็นเธอคาดไม่ถึง ก็พอใจอย่างมาก “คิดไม่ถึงใช่ไหมล่ะ? นางกำนัลรับใช้คนนั้นบอกว่า เหมือนเยี่ยนผินจะบังเอิญไปรู้จุดอ่อนของใครเข้า ก็ตกใจ และเครียด แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไร และยังเอาเงินเก็บที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยของตัวเองที่อยู่ในวัง ฝากคนสนิทให้ออกจากวังเอาไปมอบให้กับพี่ชายแท้ๆเพียงคนเดียวของตัวเอง นี่ไม่ใช่เตรียมตัวหลังตายแล้วคืออะไร? แม้แต่ทางหนีทีไล่ของตัวเองก็ไม่เหลือ”
“ถ้านางไปล่วงรู้ความลับที่ไม่ควรรู้เข้า และยังกลัวว่าอีกฝ่ายจะฆ่าปิดปาก ทำไมถึงไม่รายงานให้ฮ่องเต้ทราบ เพื่อที่จะปกป้องตัวเอง? จะมีความกลัวอะไรสําคัญไปกว่าการเอาชีวิตรอดอีก”
พระสนมฮุ่ยเฟยเบ้ปาก ตั้งใจเตรียมการมาอย่างดี “ดังนั้น ข้าว่า คดีนี้ แปดสิบเปอร์เซ็นต์หนีไม่พ้นเกี่ยวข้องกับฮองเฮา นางอยากฆ่าปิดปากเยี่ยนผิน จึงหาข้ออ้างสุ่มสี่สุ่มห้า ลงโทษให้นางคุกเข่าริมทะเลสาบ จากนั้นก็สั่งให้นางกำนัลรับใช้ของตัวเองหาโอกาสตอนที่ไม่มีใครลงมือผลักนางลงไปในทะเลสาบจนจมน้ำตาย โกหกว่านางตกลงไปในน้ำเอง”
เยี่ยนผินไม่เคยหวาดกลัวฮองเฮามาตั้งแต่ไหนแต่ไร หากในมือมีจุดอ่อนของฮองเฮา กลัวว่าจะเปล่าประกาศจนรู้กันไปทั่วนานแล้ว
“ไม่อนุญาตแน่นอน!”
“เสด็จพ่อให้ความสำคัญกับท่านขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ให้ความสำคัญบ้าบอนะสิ ทุกคนต่างก็รู้ว่ามันเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยาก ไม่มีใครอยากรับ พระองค์คงไม่สามารถเอากลับไปคืนให้ฮองเฮาได้ ไม่สิ ตอนนี้ควรเรียกว่าพระชายาซูเฟย”
ได้ยินว่าตราประทับหงส์เป็นสมบัติล้ำค่า ทุกยุคทุกสมัย บรรดาสนมต่างก็แย่งชิงกันอย่างดุเดือด วางทิ้งไว้ที่นี่ไม่มีใครต้องการ? ทำให้ฮ่องเต้ทนต่อการโจมตีได้ยังไงกัน?
พูดถึงฮองเฮา เหลิ่งชิงฮวนก็นึกได้อีกเรื่อง “ในงานพระศพของไทเฮา หม่อมฉันเห็นนางสนิทสนมกับน่าจาอี๋นั่ว”
“นั่นนะสิ องค์หญิงหนานจ้าวคนนั้นมีวิธีการจริงๆ ในช่วงเวลาอันสั้น ได้ยินพวกนางสนมในจวนอ๋องเซวียนทุกวันนี้ล้วนถูกนางบีบคั้นจนตาย พระชายาเซวียนเข้าวังด้วยความโมโห หาฮองเฮาเพื่อร้องเรียน ขอร้องให้ฮองเฮาตัดสินแทนนาง
เดิมทีฮองเฮาก็โกรธมาก เรียกน่าจาอี๋นั่วเข้าวัง ขอแค่ตั้งกฎเกณฑ์ ผลสุดท้ายไม่รู้ว่าน่าจาอี๋นั่วพูดอะไร อย่างไรก็ตาม ฮองเฮาไม่เพียงแต่ชวนนางทานข้าว ต่อมาก็ยังใกล้ชิดสนิทสนมกับองค์หญิงหนานจ้าวอีก
ตอนนี้พระชายาเซวียนมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก คนที่มีจิตใจสูงขนาดนั้น จะสามารถทนฝืนได้ไหม? ดูความกระตือรือร้นนี้ ไม่แน่วันหนึ่ง อ๋องเซวียนโกรธขึ้นมา ก็สลัดพระชายาคนนี้ทิ้ง”
ความเป็นไปได้นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อย่างไรเสียตระกูลของพระชายาเซวียนก็เป็นขุนนางเก่าแก่ สถานะของน่าจาอี๋นั่วก็ทำอะไรพระชายาเซวียนไม่ได้ ขอบเขตนี้อ๋องเซวียนควรจะมีอยู่
เมื่อเห็นว่างานเลี้ยงในวังใกล้จะเริ่มแล้ว ทั้งคู่หยอกเย้าอีกนิดหน่อย หลังจากสระผมเสร็จ พวกเขาก็ไปที่ห้องโถงด้านหน้าด้วยกัน
เหลิ่งชิงฮวนนึกถึงเรื่องหนึ่งอยู่ตลอด วันนี้ชิงเหยาก็เข้าวังมาร่วมงานเลี้ยงด้วย เซวียอี๋เหนียงก็ไม่วางใจ กำชับกับตัวเองว่าหากเจอชิงเหยา ช่วยนางตรวจวัดชีพจรด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...