ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 641

“งั้นใครที่รู้กันล่ะ ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่ชอบพระชายาฉีมาโดยตลอดหรือ แล้วยังเคยเอาแต่พูดจาไร้สาระต่อหน้านางอยู่หลายครั้ง...”

“พอได้แล้ว!” ฮ่องเต้ชราตัดบทของอ๋องเซวียนอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ไม่พอใจเขานัก “ฉีเอ๋อร์ ชิงฮวน เรื่องนี้พวกเจ้าเห็นเป็นเช่นไร”

เห็นอะไรกันเล่า? เมื่อมองจากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แล้ว ถ้าหากว่าจะวางยาฆ่าองค์หญิงน้อยล่ะก็พิษนี้ค่อนข้างอ่อนไปหน่อย เห็นว่าเธอท้องเสียครึ่งค่อนคืน ถึงแม้ว่าฟ้าจะสว่างแล้วแต่ก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต

ต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นแน่ ทำไมถึงได้วางยาอย่างโจ่งแจ้ง นั่นก็เพื่อต้องการที่จะล่อเสืออกจากถ้ำ

มู่หรงฉีพูดตามความจริงว่า “เรื่องนี้ลูกกับชิงฮวนได้ปรึกษากันแล้วก็อยากที่จะตามสืบถึงฆาตรกรที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง ก่อนอื่นต้องสืบหาต้นตอของพิษที่หมิงซือเอ๋อร์โดนเสียก่อน ถ้าหากว่าเป็นอย่างพี่ใหญ่บอกว่าพระชายาเซวียนเป็นคนจงใจวางยาพิษ งั้นเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยแล้ว ถ้าหากว่าไม่ใช่เช่นนั้นคนที่วางยาพิษก็น่าสงสัยเป็นอย่างมาก”

ฮ่องเต้พยักหน้า “พระชายาเซวียน เจ้าลองย้อนนึกดูหน่อยสิ เมื่อคืนนี้ซือเอ๋อร์กินอะไรเข้าไปกันแน่หรือพูดอีกอย่างว่าอาหารมือนั้นนางกินคนเดียวหรือเปล่า”

พระชายาเซวียนน้ำตาอาบแก้ม “หม่อมฉันนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืนอยู่หลายครั้ง โจ๊กกับเกี๊ยวกุ้งเมื่อวานที่เป็นอาหารเย็นรวมถึงแป้งม้วนหยินซือพวกเราสามคนแม่ลูกกินกันทุกคน หม่อมฉันไม่ค่อยหิวจึงไม่ได้กินเค้กข้าวเหนียวเข้าไปเพคะ ส่วนเด็กสองคนกินกันไปคนละสองก้อน แม้แต่เครื่องเคียงเองเด็กสองคนอยู่ในช่วงฟันแท้กำลังขึ้น เป็นเพราะว่าปวดฟันพวกแกก็เลยไม่ได้กินหน่อไม้อบแห้ง ส่วนซือเอ๋อร์กับข้านั้นกินหน่อไม้แห้งนี้ไปเพคะ”

นั่นหมายความว่าอาหารทั้งหมดนั้นไม่มีพิษ

งั้นทำไมอยู่ดีๆซือเอ๋อร์ถึงได้ถูกพิษได้

“ที่นั่นไม่มีหญิงรับใช้หรือไง”

พระชายาเซวียนส่ายหน้า “มีเพคะ แต่ว่าไม่มีใครกล้าเข้ามารับใช้ เด็กสองคนกินข้าวกันอย่างว่าง่าย ไม่จำเป็นต้องดูแล”

ชิงฮวนพึมพำออกมาว่า “เรื่องนี้ยังมีจุดบอดอยู่”

“จุดบอดอะไร” สายตาของทุกคนต่างเลื่อนมองไปที่เธออย่างไม่นัดหมาย

“มองเผินๆแล้วดูเหมือนว่าอาหารเย็นทั้งหมดนั้นทุกคนจะได้ลิ้มลองกันหมด ทั้งหมดนั่นไม่มีพิษจริงเพคะ แต่ว่าในนั้นมีอยู่สองอย่างที่องค์หญิงซือเอ๋อร์กินมันเข้าไปคนเดียว อย่างแรกคือเค้กข้าวเหนียว อย่างที่สองคือหน่อไม้แห้งเพคะ”

พระชายาเซวียนพยักหน้าอย่างพนักแน่น “ใช่แล้ว”

“จวนอ๋องนั้นละเอียดละออในเรื่องของอาหาร ก่อนที่เหล่าเจ้านายจะกินอาหารข้ารับใช้จะใช้เข็มเงินในการตรวจสอบเพื่อไม่ให้โอกาสคนมาลอบทำร้าย คนที่ลงมือวางยาพิษยังสามารถใช้อีกวิธีหนึ่งในการวางยาพิษได้โดยการใช้อาหารสองชนิดที่ไม่เป็นอันตรายใส่เข้าไปในสำรับ อีกทั้งถ้าหากกินอาหารสองชนิดนั้นเข้าไปพร้อมกันนั้นจะเป็นเหตุให้เกิดพิษขึ้นมาได้

พ่อครัวและข้ารับใช้ที่คอยดูแลอาจจะรู้ถึงนิสัยในการกินและความชอบของพวกท่าน พี่สะใภ้ใหญ่สามารถไปสอบปากคำข้ารับใช้ที่จัดการเรื่องอาหารเมื่อคืนได้ ดูว่าอาหารสองชนิดนี้ใครเป็นคนจัดการและมีอะไรน่าสงสัยหรือไม่”

ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ไม่รู้เรื่องการวางยาพิษ แต่ว่าเมื่อได้ฟังเหลิงชิงฮวนพูดแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผลมาก เนื่องจากฮ่องเต้ชราได้ออกคำสั่งลงมาให้ตรวจสอยทันที จึงต้องตรวจสอบ

ตั้งแต่เสี่ยวอวิ๋นเช่อกลับมาที่เมืองหลวงก็เจอแต่ปัญหา ทุกครั้งที่ไม่สามารถตามจับเบาะแสของคนที่อยู่เบื้องหลังได้ เขารู้สึกรำคาญเสียจริง

ในฐานะที่เป็นผู้นำของประเทศเขาจะต้องกำจัดไปให้หมด จะให้เกิดเหตุใดๆกับลูกหลานของตัวเองไม่ได้

พระชายาเซวียนกังวลบวกกับการถูกสอบปากคำ สุดท้ายจับคนที่วางยาพิษนี้ออกมาได้

ไม่ใช่ข้ารับใช้ข้างกายของพระชายาเซวียน แต่เป็นแม่ครัวคนหนึ่งในห้องครั้วที่ทำงานอย่างขันแข็งมาสิบกว่าปี

เนื่องจากเมื่อคืนนี้การจัดสำรับนั้นทั้งหมดเป็นแม่ครัวคนนี้ที่จัดการ อีกทั้งนางยืนกรานที่จะเพิ่มเค้กข้าวเหนียวลงไปในสำรับอาหารและบอกว่าเป็นสิ่งที่องค์หญิงน้อยทั้งสองชอบ

อ๋องเซวียนยกชายเสื้อขึ้นแล้วเดินเข้าไปเตะแม่ครัวเข้าที่หน้าอก “ข้าให้เจ้าพูดไรสาระหรือไง!”

แม่ครัวไม่กล้าสู้กลับและยิ่งไม่กล้าที่จะหลบ นางรับฝ่าเท้านั้นเต็มๆแล้วกุมบริเวณหน้าอกเอาไว้ นางพยายามประคองลมหายใจอยู่สักพักไม่นานใบหน้าของนางก็ซีดขาว

อ๋องเซวียนยังคงวางก้าม ฮ่องเต้ชราจึงว่าเขาเสียงดังด้วยความโกรธว่า “หยุดเดี๋ยวนี้ อย่ามาเหิมเกริม!”

อ๋องเซวียนมีสีหน้าลำบากใจ “ยายแก่นี่พูดจาเลอะเทอะ! ต่อให้ลูกเลอะเลือนอย่างไรจะทำร้ายลูกสาวของตัวเองได้อย่างไร”

แม่ครัวประคองลมหายใจได้อย่างยากลำบาก “เห็นๆอยู่ว่าเมื่อวานนี้ท่านอ๋องมาที่ห้องครัวเมื่อวานนี้แล้วลอบนำผงยามาให้กับหม่อมฉัน แล้วสั่งให้หม่อมฉันวางยาลงไปในอาหารเย็นของพระชายา อีกทั้งยังกำชับให้หม่อมฉันเพิ่มอาหารเข้าไปในสำรับเย็นสองอย่าง

หม่อมฉันเองก็รู้สึกแปลกและกลัวว่าจะเป็นยาพิษจึงไม่ได้รับปากท่านอ๋อง แต่ท่าอ๋องนั้นบอกว่าได้คิดเอาไว้ ท่านไม่คิดที่จะทำร้ายลูกของตัวเอง แต่เพื่อให้บทเรียนกับพระชายาเซวียนเท่านั้น และยังกำชับกับหม่อมฉันไม่ให้นำเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นด้วยเพคะ

หม่อมฉันทำตามคำสั่งของท่าน จนถึงเมื่อคืนถึงเพิ่งรู้ว่าในผงยานั้นเป็นพิษและทำร้ายองค์หญิงน้อยไปไม่เบา บ่าวมีความผิดที่ไม่ควรรับปาก ฝ่าบาทโปรดอภัยให้ด้วยเพคะ”

ประโยคนี้ทำให้ใบหน้าของอ๋องเซวียนบึ้งตัง “ช่างพูดไรสาระ เจ้าได้รับอะไรมจากใครกันแน่ถึงได้มาโดยนความผิดให้กับข้า เมื่อวานตอนบ่ายข้าไปที่ห้องครัวเมื่อไรกัน อีกทั้งได้พบกับเจ้าเมื่อไรกัน”

“ก็เมื่อวานประมาณช่วงบ่าย ในเวลานั้นที่ห้องครัวไม่มีคน มีเพียงแค่บ่าวที่เฝ้าหม้อน้ำแกงอยู่”

“หึ หึ” อ๋องเซวียนหัวเราะเสียงเย็น “เมื่อวานตอนบ่ายข้าดื่มแหล้าไปนิดหน่อย พอกลับมาก็งีบหลับอยู่ในห้องตำราและไม่ได้ออกจากห้องตำราไปไหนเลย! พวกองครักษ์ล้วนเป็นพยานให้ข้าได้ เจ้าคิดที่จะใส่ร้ายข้าก็ต้องคิดให้มันรอบคอบหน่อย!”

เมื่อเทียบกับคำสารภาพของแม่ครัวแล้ว ฮ่องเต้ย่อมเข้าข้างลูกชายของตัวเอง เขาเรียกองครักษ์ที่เป็นเวรเฝ้าหน้าห้องตำราเมื่อวานมาแล้วสิบถามถึงความเคลื่อไหวของอ๋องเซวียนเมื่อวานช่วงบ่าย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา