ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 643

การวิพากษ์วิจารณ์ครั้งนี้ผ่านไปไม่กี่วันก็เงียบลง ฮ่องเต้ชราเองก็ให้ลู่กงกงเอาของขวัญมาให้เสี่ยวอวิ๋นเช่อโดยเฉพาะเพื่อให้เขาประหลาดใจ

คนงามทั้งหก

แต่ละคนเอวเล็กบางและสะโพกใหญ่ ผิวสีขาว ลำขาเรียวยาว อีกทั้งยังกรูกันเข้ามา

ดูเหมือนว่าชายชราจะเลือกมาจากความงามที่ตัวเองชอบเลือกให้อวิ๋นเช่อ และบอกว่าส่งมาให้เป็นหญิงรับใช้ของอวิ๋นเช่อเพื่อให้เอาไว้ใช้คอยปรนนิบัติข้างกายของอวิ๋นเช่อ

คงต้องบอกว่าชายชรามีความพยายามเสียจริงในการซื้อใจ อวิ๋นเช่อมองตาค้างและน้ำลายไหล

ชิงฮวนขบกรามแน่น

ล้อเล่นอะไรกัน? ตาเฒ่ากลัวอวิ๋นเช่อโตไปนิสัยเสียไม่พอหรือ? เขาให้สวัสดิการเฉยๆเหมือนกับในสวนของเจี่ยเป่าอวี้เพื่อบ่มเพาะผู้มีความสามารถออกมางั้นหรือ

เสี่ยวอวิ๋นเช่อที่โตขึ้นมาในกองเครื่องสำอางในอนาคตข้างหน้านอกจากการขโมยชาดบนริมฝีปากของผู้หญิงแล้วเขายังทำอะไรป็นอีก

อีกอย่างท่านแน่ใจนะว่าผู้หญิงพวกนี้มอบให้กับอวิ๋นเช่อไม่ใช่มอบให้พ่อของเขา?

อวิ๋นเช่ออาศัยอยู่ในตำหนักเฉาเทียน เห็นผู้หญิงจำนวนมากเดินเตร่อยู่ในตำหนักเฉาเทียน ถ้าหากเตร็ดแต่ไปมาจนเกิดเรื่องขึ้นล่ะ?

อีกทั้งยังคอยรับใช้อย่างไม่ห่างกาย ถ้าหากว่าเสี่ยวอวิ๋นเช่ออยากมานอนกับเธอ พวกคนงามจะมาเบียดบนเตียงของเธอด้วยไหม?

เหลิ่งชิงฮวนปวดหัวจริงๆ เธอเข้าใจว่าหากผู้ใหญ่ทำไม่ดี ผู้น้อยก็จะพลอยทำไม่ดีไปด้วยนั้นมีที่มาจากไหนกันแน่ การสั่งสอนในบ้านนั้นสำคัญมากจริงๆ! ถึงแม้ว่าการสืบทอดทางพันธุกรรมก็สำคัญมาก การได้รับกรรมพันธุ์แบบข้ามรุ่นนั้นพบได้สูง

ลู่กงกงที่รับผิดชอบในการมอบราชโองการนั้นก็หัวเราะอย่างเบิกบาน

ใบหน้าของเหลิ่งชิงฮวนยิ้มแต่ภายในนั้นไม่ เธอถามมู่หรงฉีว่า “สวยมั้ย?”

มู่หรงฉีพูดอย่างจริงจังว่า “ต่อให้มีมามากกว่านี้ นอกจากเจ้าแล้วพวกนางก็เหมือนซากศพที่เหี่ยวแห้ง!”

“อย่างพูดประโยคนั้นออกมาทั้งที่ไม่กระพริบตาได้ไหม”

“งั้น...พวกฝืนทำตัวมีชีวิต ส่วนมากก็ดูดีอยู่”

เหลิ่งชิงฮวนคำรามเสียงเย็นในลำคอ “ก็รู้อยู่ว่าท่านปากไม่ตรงกับใจ ตาท่านไม่กระพริบเลยนะ”

มู่หรงฉีถูกใส่ความ “งั้นต้องตอบอย่างไรถึงจะตรงใจเจ้า?”

“จะตอบอย่างไรก็ไม่ถูกใจหม่อมฉันหรอกเพคะ”

“งั้นเจ้าถามข้าทำไม”

“คิดว่าหม่อมฉันกำลังหาเรื่องอย่างไม่มีเหุผลหรือเพคะ รังเกียจว่าหม่อมฉันแก่แล้วไม่สดใหม่เหมือนหญิงงามพวกนี้?”

“เจ้าหาเรื่องอย่างไม่มีเหตุผลอยู่”

ลู่กงกงที่ยืนอยู่ด้านข้างมองทั้งสองคนโต้ตอบกันก็พูดอย่างยิ้มๆว่า “เมื่อตอนที่กระหม่อมมาฝ่าบาทได้สั่งเอาไว้ว่าถ้าหากท่านอ๋องกับพระชายาทะเลาะกันขึ้นมานั่นก็เพื่อแสดงละครให้กระหม่อมดู ต่อให้ถึงขั้นลงไม้ลงกันขึ้นมาก็สั่งไว้ว่าไม่ให้กระหม่อมสนใจ ทำงานให้เสร็จแล้วก็กลับ”

ความคิดของเธอถูกมองออก เหลิ่งชิงฮวนเบ้ปาก “ลู่กงกงเหนื่อยในการมามอบราชโองการแล้ว ตามกฎแล้วปีใหม่นี้ข้าควรไต่ตรองสักหน่อย แต่ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่งมาก เอาแบบนี้ดีกว่าไหมรางวัลที่ฝ่าบาทประทานมาข้าจะรับไว้แต่จะคืนให้ท่านส่วนหนึ่ง ท่านเลือกสักสองคนกลับไป?”

มุมปากของลู่กงกงกระตุก “ผู้คนต่างพูดว่าพระฉายาฉีปากคอเราะร้าย เมื่อก่อนกระหม่อมไม่เชื่อ ตอนนี้เชื่อแล้ว ท่านด่าคนออกมาโดยไม่มีคำหยาบสักคำ กระหม่อมจะเอากลับไปทำอะไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ เอาไปก็เท่านั้น แถมเอาไปก็กินไม่ได้”

แต่เสี่ยวอวิ๋นเช่อยังเด็ก เขาเองก็ยังไม่มีสาวนาจะมีความสุขกับพวกนาง

อวิ๋นเช่อเมื่อได้ยินว่าเหลิ่งชิงฮวนจะมาขัดขวางโชคลาภที่มาถึงของเขา เขาก็ไม่ค่อยพอใจ “ท่านพ่อ ท่านแม่กลัวว่าผู้หญิงของข้าจะมากแล้วนางจะสู้ข้าไม่ได้ขอรับ”

คำพูดนี้มีเหตุผล

ในฐานะที่มู่หรงฉีเชี่ยวชาญด้านการฝึกยุทธ์แค่มองเขาก็รู้ว่าในบรรดาผู้หญิงพวกนี้มีฝีมือไม่ธรรมดา น่าจะเคยผ่านการฝึกมาโดยเฉพาะ คนเดียวสามารถสู้กับคนสิบถึงยี่สิบคนได้

ถ้าหากว่าพวกนางปกป้องเสี่ยวอวิ๋นเช่อ เหลิ่งชิงฮวนอยากจะลงมือย่อมลำบากแน่

เสี่ยวอวิ๋นชื่อส่ายมือไปมาอีกครั้ง “ท่านพ่อช่วยข้าขอร้องท่านแม่ทีขอรับว่าให้พวกนางอยู่ต่อที ถ้าหากว่ากลับไปแล้วท่านแม่รังแกท่านข้าจะให้พวกนางไปช่วยท่านดีไหมขอรับ”

“กระหม่อมคิดว่าสนมในวังนั้นมีมากแล้ว ทุกวันกระหม่อมพบพวกนางต้องคำนับและคุกเข่าจนหัวเข่าบวม ลูกไก่ที่กำลังจิกข้าวอยู่ยังไม่เร็วเท่ากระหม่อม”

ประโยคนี้ก็ไม่ได้พูดเกินจริง หญิงงามสามพันคนในวังหลังหากไม่มีเรื่องอะไรก็มักจะไปหาฮ่องเต้ชรา ในฐานะที่เขาเป็นขันทีใหญ่ที่รับใช้ชายชราแล้ว ลู่กงกงเองก็น่าสงสารเสียจริง

มู่หรงฉีตบบ่าของเขาอย่างเห็นใจ

“ที่จริงแล้วข้าอยากจะบอกว่าถ้าหากว่าเสด็จพ่อไม่ไหว ชิงฮวนสามารถคืนความอ่อนเยาว์ให้ได้เพื่อให้ท่านมีกำลังอีกครั้ง ของดีควรเก็บไว้กับตัว คนงามควรเก็บไว้ให้ตัวเองได้ชื่นชม เอามามอบให้อวิ๋นเช่อก็เสียของ”

ลู่กงกงมองเหลิ่งชิงฮวนและมองมู่หรงฉีอีกครั้งด้วยสายตาเห็นใจ “อา เห็นกับความลำบากของท่านอ๋องฉี กระหม่อมจะช่วยท่านสักครั้งแล้วกลับไปเตือนฝ่าบาทสักหน่อย ที่จริงแล้วกระหม่อมเป็นพวกรักษาความลับได้ดี ท่านอ๋องฉีไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้อย่างอ้อมค้อมด้วยสีหน้าจริงจังหรอกพ่ะย่ะค่ะ คนอื่นเห็นแล้วรู้สึกสงสาร”

มู่หรงฉีแตะไปที่ปากและลูบจมูกตัวเองโดยไม่อธิบายอะไรออกมา

ดวงตาของทุกคนที่มุงอยู่ก็เป็นประกาย ทุกคนรู้เรื่องทั้งหมดดี อธิบายไปก็เท่านั้นใครให้ท่านอ๋องฉีใช้ชีวิตอย่างลำบากกันล่ะ

เป็นถึงท่านอ๋อง แต่ไม่มีแม้แต่สาวใช้ข้างห้อง น่าสงสาร

“งั้นลู่กงกงก็พาพวกนางกลับไปก่อนเถิด ข้าจะลองคุยกับเสด็จพ่อดูสักหน่อย”

ลู่กงกงยิ้มตาหยี

“รู้ไหมว่าทำไมฝ่าบาทถึงให้กระหม่อมมา”

มู่หรงฉีสายหน้า

“เนื่องจากฝ่าบาทตรัสว่าพระชายาฉีจะต้องมีลูกไม้มากแน่ คนธรรมดาคงเอาไม่อยู่ รางวัลกระหม่อมก็ได้เอามาให้แล้วงั้นก็ขอตัวกลับวังก่อน ฝ่าบาทเองก็ช่วยท่านได้เท่านี้”

ใบหน้าของมู่หรงฉีมีเงาดำพาดผ่าน นี่เรียกว่าช่วยเขางั้นหรือ

วันข้างหน้าถ้าเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น ท่านคงเห็นเป็นเรื่องสนุกใช่ไหม?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา