ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 719

ชิงฮวนพึมพำ “เรื่องนี้เจ้าบอกเสด็จพ่อหรือเสด็จแม่หรือยัง?”

หรูอี้ส่ายหน้า “นี่เป็นเพียงแค่การคาดเดาของข้า ยังไงซะอาการของเขากับจินอู่ก็ไม่เหมือนกัน ทางฝั่งเสด็จพ่อ ข้าไม่กล้าที่จะพูด...”

จินอู่พูดเสริมขึ้น “เรื่องนี้ข้าก็ต้องรับผิดชอบด้วย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หรูอี้จะไม่ถูกลงโทษ ดังนั้น พวกเราเลยปรึกษากัน ทำได้เพียงมาขอความช่วยเหลือจากท่านเท่านั้น

ท่านคุ้นเคยกับน่าจาอี๋นั่ว เข้าใจวิธีการของนาง บางทีสามารถช่วยหรูอี้ได้ ตอนนี้สถานการณ์ทำให้เป็นอย่างนี้ นางเองก็เสียใจเป็นอย่างมาก”

ด้วยนิสัยของจินอู่ กลับดีกว่าจินเอ้อร์ไม่ใช่น้อยๆ แม้ว่าในใจของเขาจะมีอุปสรรค ไม่สามารถยอมรับหรูอี้ได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความผิดที่หรูอี้ก่อไว้ ความใจกว้างเช่นนี้ ก็หาได้ยากเช่นกัน

ชิงฮวนพยักหน้า “พอดีเลย สองวันนี้ข้าต้องไปที่จวนอ๋องเซวียน ดูอาการป่วยของเสด็จพี่ใหญ่ ที่เจ้าพูดมา ข้าจะจับตาดูให้ ถ้าเจอน่าจาอี๋นั่ว ข้าจะถามนางให้”

เวลานี้หรูอี้เหมือนยกภูเขาออกจากอก “มีพี่สะใภ้สามอยู่ด้วย ข้าเชื่อว่า พี่ใหญ่จะต้องไม่เป็นอะไร”

ชิงฮวนจนปัญญา “ในใจข้านั่นว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย พวกเจ้าเองก็อย่าตั้งความหวังไว้มาก พูดแค่ว่าจะทำให้ดีที่สุด วางใจได้ เรื่องนี้ข้าจะช่วยเจ้าเก็บเป็นความลับ ไม่ให้ใครรู้”

หรูอี้ซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก

เมื่อทั้งสองกำลังจะจากไป ชิงฮวนก็ถามจินอู่เกี่ยวกับเรื่องจินเอ้อร์

ตอนนี้จินเอ้อร์เหี่ยวเฉาไปมาก ตื่นขึ้นมาก็เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายทั้งวัน อีกทั้งยังด่าว่าต้องการที่จะแก้แค้นคนพวกนั้น

ตอนนี้เจ้ากรมการนครก็คือเสิ่นหลิงเฟิง มีจวนกั๋วกงเป็นแบ็คอัพ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับจวนรองเสนาบดี ประกอบกับเพิ่งเข้ารับตําแหน่ง เรื่องจุกจิกมีมากมาย สำหรับเรื่องจินเอ้อร์ถูกทิ้งไปก็เป็นเรื่องแบบขอไปที

พวกลูกน้องกำลังอยู่ในขั้นตอนสืบสวน ยังจับคนร้ายไม่ได้ ความผิดของจินเอ้อร์กับยิ่งสะสมมากขึ้น จินซ่างซูรู้สึกว่าตัวเองเสียหน้า ไหนเลยยังจะกล้าทวงถาม?

โดยพื้นฐานแล้วสุดท้าย ก็คือกลัวจะจบอย่างค้างคา

จินซ่างซูรับเรื่องร้องเรียนคำสารภาพความผิดของจินเอ้อร์ก็ตำหนิเขาอย่างรุนแรง หลังจากจินเอ้อร์พักฟื้นได้ไม่กี่วัน รู้ว่าชั่วชีวิตนี้ของตัวเองถูกทิ้งแล้ว ก็เหี่ยวเฉา

ช่าวนี้ที่ชอบอกชอบใจจริงๆ ชิงฮวนไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ความผิดของจินเอ้อร์เสิ่นหลินเฟิงจงใจส่งคนมาเก็บรวบรวมเอง ต้องการให้จินซ่างซูรู้จักถอยยามลำบาก

ข้าราชการนี้ เสิ่นหลินเฟิงสามารถทำหน้าที่ได้ดีมากจนเหลือเฟือ

หลังจากที่หรูอี้ไปแล้ว ชิงฮวนก็ย้อนภาพเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดตั้งแต่หลังจากที่น่าจาอี๋นั่วเดินทางมาถึงเมืองหลวงในหัวของเธอเอง

ในสายตาของคนอื่น น่าจาอี๋นั่วมีเจตนาที่ยากแท้หยั่งถึง ดังนั้น เรื่องราวหลังจากนั้นเป็นไปตามจังหวะและขั้นตอน ทั้งหมดเป็นเพ่ะเธอเป็นกว้างขวางคอ แอบลอบใช้วิธีการต่างๆ

สิ่งนี้ ตัวเองก็เคยเอ่ยถามเธอ ว่าทำไมถึงต้องทำอย่างนี้ ทำลายอ๋องเซวียน

คำตอบของน่าจาอี๋นั่วนั้นคลุมเคลือ ไม่ได้ปฎิเสธแล้วก็ไม่ได้ยอมรับ

แต่ชิงฮวนมีข้อสงสัยอยู่ในใจ ตั้งแต่ที่เริ่มเข้าใกล้อ๋องเซวียนโดยไตร่ตรองไว้ก่อนแล้ว เธอคิดยังไงก็คิดไม่ออก เรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนหลัง ชิงฮวนยิ่งรู้สึกว่าไม่สามารถหาเหตุผลที่เหมาะสมได้

เธอลุกขึ้นเตรียมกล่องยา จากนั้นก็พาเทียนซื่อไปที่จวนอ๋องเซวียน

พระชายาเซวียนเห็นนางเป็นฝ่ายมาหาก่อน โดยเฉพาะกล่องยาที่เทียนซื่อถือให้นางอยู่ในมือ เกินความคาดหมายเล็กน้อย เดินเข้าไปต้อนรับอย่างมีความสุข

ชิงฮวนเข้าเรื่องทันที เพื่อทำการตรวจอ๋องเซวียน

พระชายาเซวียนมองด้วยความดีใจอย่างคาดไม่ถึง พานางเข้าไปในห้องของอ๋องเซวียน

ครั้งแรกที่เห็นอ๋องเซวียน ชิงฮวนประหลาดใจเล็กน้อย

ในช่วงเวลาไม่กี่วัน อ๋องเซวียนซูบผอมลงไปเยอะมาก แม้แต่โหนกแก้มก็นูนขึ้นมา เสื้อคลุมตัวใหญ่โคร่งอยู่บนตัว แกว่งไปมาเล็กน้อย จิตใจก็ห่อเหี่ยวลงเล็กน้อย ไม่มีกระฉับกระเฉงเหมือนแต่ก่อนเลย

เหมือนใบไม้ที่โดนแดดเผา ที่จู่ๆก็ขาดน้ำเหี่ยวเฉาไป

รวมไปถึงต่อมา หลังจากที่ตื่นแล้วก็รู้สึกเวียนหัวมาก แม้แต่อาหารเย็นกินไปได้ไม่กี่คำก็กินไม่ลงแล้ว จากนั้นตอนที่ซือเอ๋อร์ถูกวางยา ก็เวียนหัวจนรับไม่ไหว

ประกอบกับโกรธพี่สะใภ้ของเจ้า รังเกียจที่นางมักจะเอาลูกสองคนมาเป็นฉากบังหน้าเพื่อแย่งชิงความโปรดปราน จึงได้เมินเฉยไม่สนใจ ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้ว รู้สึกว่าตัวเองเป็นพ่อที่เลว”

“ถ้วยชานั้นใครเป็นคนเอาเข้ามาให้ที่ห้องหนังสือ?”

“ปกติเวลาอารมณ์ร้อน บนโต๊ะก็จะมีชาอุ่นเตรียมไว้ให้อยู่บ่อยครั้ง เวลากระหาย ก็จะเป็นคนเทดื่มเอง ชาถ้วยนั้นวางอยู่บนโต๊ะมาหลายชั่วโมงแล้ว ต่อมาเมื่อข้านึกถึงต้นตอนี้ เวลาไปไต่ถามอีก คนมากมายที่จัดการ คนที่มีโอกาสสัมผัสก็มีมาก ทุกคนต่างก็พูดว่าไม่เข้าใจ”

ชิงฮวนไม่ได้เบาะแสอะไรจากสิ่งที่เขาพูดออกมาเลย รวมไปถึงถ้วยชานี้มีเงื่อนงำอะไรก็ไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้

หลังจากอ๋องเซวียนพูดจบ ก็มองชิงฮวนตาปริบๆ หวังว่าเธอจะให้ความไว้วางใจกับตัวเองสักเล็กน้อย

ชิงฮวนไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร เพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เปิดแหวนนาโน และทำการตรวจเอ็มอาร์ไอและซีทีสแกนบริเวณศรีษะให้กับอ๋องเซวียน ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร ความดันเลือดก็ปกติ ตัดสาเหตุออกไปหลายจุด

“อาการตอนที่อาการปวดหัวของท่านกำเริบคืออะไร บ่อยครั้งแค่ไหน?”

อ๋องเซวียนส่ายหน้า “ไม่สามารถกำหนดได้เลย ไม่แน่ว่ามันจะกำเริบขึ้นเมื่อไหร่ เวลาปวดจะรู้สึกเหมือนเส้นเลือดที่หัวขยายตัว เหมือนแทบจะระเบิด ทนไม่ไหวจริง ๆ อดไม่ได้ที่จะกระแทกกับผนัง เช่นนั้นความปวดก็จะทุเลาลง

และหลังจากที่อาการปวดหายไป วิธีที่ข้าทำร้ายตัวเองในช่วงเวลานั้น ใครเป็นคนดูแลข้า ข้าก็จะลืมหมด เหมือนกับว่า หมดสติไป แต่ร่างกายจะตอบสนองมากเกินไปโดยไม่ได้ตั้งใจ”

อาการป่วยแบบนี้ ในทางการแพทย์นั้นพบได้น้อยมาก และมีความแตกต่างกับโรคลมบ้าหมู ไม่แปลกใจเลยที่เทียนอีจะบอกว่าอาการปวดหัวของเขามีความประหลาด แม้ว่าจะมีอาการปวดหัว ไม่มีความสอดคล้องกัน แต่ก็ไม่ถึงขั้นสูญเสียความทรงจำในช่วงเวลานั้นเลยนี่?

ไม่ค่อยเป็นในทางวิทยาศาสตร์ ก็เหมือนถูกผีสิง

เทียนอีได้สร้างปัญหาใหญ่ให้กับตัวเองจริงๆ

ไม่รู้สาเหตุของโรค แล้วจะจ่ายยาได้ยังไง?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา