ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 731

และน่าจาอี๋นั่วก็ไม่มีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้เลยสักนิด รวมถึงของมีพิษรุนแรงที่ป้อนให้กับอ๋องเซวียนกิน ในฐานะที่ตนเองเป็นหมอ สามารถเข้าใจและเชื่อได้ แต่คนอื่นอาจจะไม่เชื่อ และคงจะคิดว่าเหลวไหล

แล้วก็อีกอย่าง ถ้าหากตนเองพูดเพื่อน่าจาอี๋นั่วว่า ไม่ต้องสงสัย ตนเองวินิจฉัยโรคให้อ๋องเซวียนผิดพลาด จ่ายยาแก้ปวดผิด จนทำให้เรื่องที่พิษกู่สร้างความเสียหายภายในร่างกายเขาแพร่งพรายออกมา ชัดเจนว่านั่งเป็นการยอมรับว่าฝีมือของตนเองด้อยกว่าคนอื่น และแพ้ให้แก่น่าจาอี๋นั่ว

ระหว่างตนเองกับน่าจาอี๋นั่ว ไม่ถือว่าสนิทกัน แถมยังมีความขัดแข้งกัน คงไม่คุ้มค่าที่ตนเองจะขอความเมตตาให้แก่นางกระมัง

พอเห็นว่าถ่ายพลาสมาเสร็จแล้ว ชิงฮวนจึงปลดถุงพลาสมาออก ขณะที่ปลดเข็ม ฮ่องเต้ก็ฟื้นขึ้นมา

“เสด็จพ่อ ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง”

ฮ่องเต้เหลือบมองเหลิ่งชิงฮวนอย่างสะลึมสะลือเหมือนกับมึนงง ผ่านไปนานถึงจะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ขึ้นมาได้ แล้วสะดุ้งโหยงทันที เหมือนขณะป่วยหนักใกล้ตายตกใจมากจนลุกขึ้นนั่ง

“บาดแผลของข้าเป็นอย่างไรบ้าง เย็บเสร็จหรือยัง บาดแผลยาวเท่าไหร่”

ชิงฮวนแอบยิ้ม “เสด็จพ่อวางใจเถอะ ฝีมือการเย็บปักของหม่อมฉันท่านยังไม่ทราบหรือ”

มู่หรงฉียกมุมปากยิ้มอยู่ทางด้านหลังนาง หากนี่เป็นผ้า แล้วให้เหลิ่งชิงฮวนเย็บรอยขาด คงจะเย็บจนกลายเป็นซาลาเปาแน่ รูบนศีรษะของเสด็จพ่อ คงจะดีขึ้นได้ไม่เท่าไหร่แน่

ฮ่องเต้เจ็บจนร้องออกมาว่า ‘ซี๊ด’ “ไม่เพียงแต่เจ็บแผล ยังเจ็บหัวด้วย”

“ท่านไม่ยอมให้หม่อมฉันพันเอาไว้ จึงเสียเลือดมาก จะไม่เจ็บได้อย่างไรเล่า โชคดีที่ท่านอ๋องของข้าถ่ายเลือดให้ท่านตั้งหนึ่งกะละมังใหญ่ มิฉะนั้นท่านคงจะฟื้นขึ้นมาไม่ได้แล้ว”

เหลิ่งชิงฮวนแกว่งถุงพลาสมาภายในมือ และขอให้ฮ่องเต้จดจำความดีความชอบ

“เลือดหนึ่งกะละมังใหญ่หรือ” ฮ่องเต้ชะงักด้วยความตกใจ ขมุบขมิบปาก แล้วเหลือบมองมู่หรงฉี “ข้าดื่มเลือดของเจ้าไปเยอะขนาดนั้นเลยหรือ ก็ว่าทำไมในปากถึงมีกลิ่นคาวเลือดอยู่เล็กน้อย”

พลังจินตนาการของฮ่องเต้นี้ เขาคิดว่าตัวเองเป็นค้างคาวดูดเลือดหรืออย่างไร

ชิงฮวนอธิบายว่า “หากท่านดื่มเลือดของเขาจริงๆ มันจะเข้าไปในท้อง ขึ้นไปไม่ถึงหัวหรอก การถ่ายเลือดที่หม่อมฉันพูดถึงคือการนำเลือดของเขาลำเลียงเข้าเข้าไปในหลอดเลือดของท่าน แบบนี้ท่านร่างกายของท่านถึงจะมีกำลังวังชา บาดแผลถึงจะหายเร็ว”

ฮ่องเต้เหลือบมองมู่หรงฉีอีกครั้ง มู่หรงฉีก้มหน้ากลั้นหัวเราะ ความสามารถในการพูดจาเรื่องไร้สาระของเหลิ่งชิงฮวนเก่งกาจมาก ตนเองอายมาก ดังนั้นจึงไม่กล้าเงยหน้าขึ้น

สายตาของฮ่องเต้เปลี่ยนเป็นรักใครเอ็นดูทันที

ดังคำกล่าวว่า : ลมพัดแรงทำให้รู้ความแข็งแกร่งของหญ้า กาลเวลาทำให้รู้ใจคน

ตนเองมองเจ้าลูกชายคนนี้ส่งคนออกไปทำงานตามอำเภอใจและอารมณ์เสียอยู่ทุกวัน พอเกิดเรื่อง นึกไม่ถึงว่ายังเป็นลูกคนที่สามจะกตัญญู ถ่ายเลือดในร่างกายให้ตนเองอย่างไม่เสียดาย

คาดไม่ถึงว่าจะตื้นตันจนน้ำตาคลอเบ้าอยู่พักหนึ่ง

เหลิ่งชิงฮวนเห็นแบบนั้น ก็รู้สึกว่าตนเองทำไม่ค่อยเหมาะสมจริงๆ หลอกลวงฮ่องเต้อย่างเขา และดูเขาเจ็บปวดใจ

พอฮ่องเต้เอ่ยปาก ก็ทำการก่นด่าอย่างโกรธเคืองว่า “เขาโง่ เจ้าก็โง่ตามด้วยหรือ นึกไม่ถึงว่าจะถอนขนแกะจากแกะตัวเดียว ข้ามีลูกชายตั้งหลายคน แต่ให้ฉีเอ๋อร์ถ่ายเลือดแค่คนเดียวหรือ ตั้งหนึ่งกะละมังใหญ่ เจ้าไม่กลัวว่าฉีเอ๋อร์จะเป็นอะไรไปหรือ”

ต่อไปจะมีหลานให้ข้าได้อย่างไรกัน

มู่หรงฉีรู้สึกว่าหากได้ยินฮ่องเต้ตำหนิตนเองแบบสบายๆ ผิวหนังผ่อนคลาย และไม่คันกระดูกแล้วน่าจะดีกว่า สายตาห่วงใยเป็นพิเศษเมื่อสักครู่ทำให้ตนเองทนไม่ไหวจริงๆ รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง

เหลิ่งชิงฮวนกระแอมอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “เพราะร่างกายท่านอ๋องของหม่อมฉันยอดเยี่ยมที่สุดมิใช่หรือเพคะ ท่านยังบอกว่า คนมีความสามารถควรทำงานหนักกว่าคนอื่น อันที่จริงพวกพี่สองเองก็แย่งกันถ่ายเลือดให้ท่านนะเพคะ”

ชิงฮวนถอนหายใจ “พรุ่งนี้ชิงฮวนจะเข้าวังไปเปลี่ยนยาให้พระองค์ หลังจากบาดแผลหายสนิทแล้ว หม่อมฉันจะนำยาลบเลือนรอยแผลเป็นไปให้พระองค์อีกที หมั่นทาทุกวัน ต้องไม่กระทบต่อใบหน้าอันโดดเด่นและหล่อเหลาของพระองค์แน่นอน”

มองขาดเรื่องนับหมื่นพัน เว้นเพียงประจบสอพลอ ฮ่องเต้รู้สึกดีกับคำเยินยอของเหลิ่งชิงฮวนมาก เขาทำเสียงหึเบาๆ เอาม่านลง แล้วเสด็จกลับวัง

มู่หรงฉีกับคนอื่นๆ ส่งฮ่องเต้ออกจากประตูใหญ่ ทหารกองเกียรติยศที่ส่งราชรถมังกรส่งสายตามองเขาจากไป

เสนาบดีเหลิ่งขยับมาตรงหน้าเหลิ่งชิงฮวน และพูดเบาๆ อย่างลึกลับว่า “ฝ่าบาทเห็นท่านฉีอ๋องถ่ายเลือดให้เขาเลยตื้นตันใจใช่ไหม”

เหลิ่งชิงฮวนเห็นท่านพ่อยิ้มด้วยใบหน้าปลิ้นปล้อน จึงเข้าใจเจตนาอันแท้จริงที่เขานำกลุ่มคนคร่ำครึขัดขวางตนเองเจาะเลือดจากร่างกายองครักษ์ทันที อดไม่ได้ที่จะก่นด่าในใจว่า ‘จิ้งจอกเฒ่า’

ไม่ว่าวันนี้มู่หรงฉีหรือว่าอ๋องเฮ่าถ่ายเลือดให้แก่ฮ่องเต้ อย่างไรเสียท่านพ่อของตนเองล้วนมีแต่ได้

ชิงฮวนแบะปากและไม่พูดอะไร

เสนาบดีเหลิ่งกล่าวเบาๆ ต่อไปว่า “พ่อรู้ว่าทักษะการแพทย์ของเจ้าดี แต่วันนี้หากเจ้าไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ได้ก็อย่าเข้าไปยุ่งเรื่อง เกี่ยวพันธ์ถึงอ๋องเซวียน อีกทั้งยังพัวพันไปถึงหนานจ้าว ประมาทเพียงเล็กน้อย เกรงว่าเข้าไปเกี่ยวข้องโดยปริยาย”

“ในเมื่อฝ่าบาทมอบเรื่องนี้ให้แก่กรมอาญากับศาลต้าหลี่แล้ว เจ้าก็ถอยออกมา และรอผลสุดท้ายก็พอแล้ว”

คำตักเตือนของเสนาบดีเหลิ่งมีเหตุผลมาก ถึงแม้ตนจะทราบเหตุการณ์ภายในนิดหน่อย แต่ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ของตนเองกับน่าจาอี๋นั่ว หรือว่าตำแหน่งของตนเองในตอนนี้ เรื่องนี้ยืนมองอยู่ห่างๆจะเหมาะสมกว่าจริงๆ

การที่ท่านพ่อไตร่ตรองเพื่อตนเองนั้นหาได้ยากมาก มันไม่ง่ายเลย

ดังนั้นเหลิ่งชิงฮวนจึงไม่ได้ตอบกลับ และรับปากอย่างคลุมเครือ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา