ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 732

พอส่งฮ่องเต้แล้ว ขุนนางที่รอรออยู่ด้านนอกจวนอ๋องเซวียนก็ทยอยกลับไป

ตอนนี้อ๋องเซวียนถึงจะฟื้นขึ้นมา ท่าทางสะลึมสะลือ พอเห็นมู่หรงฉีและคนอื่นๆ อยู่ครบ จึงพยายามลุกขึ้น ดูถ่อมตนมาก

“ทำไมถึงรบกวนพวกเจ้ามากันหมดเล่า ข้าแค่เวียนหัว ไม่ได้ร้ายแรง พี่สะใภ้ของพวกเจ้าตกใจเกินเหตุใช่หรือไม่”

เหล่าพี่น้องต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครใจแข็งพอที่จะบอกเรื่องไม่คาดฝันนี้กับอ๋องเซวียน

เห็นท่าทางเขาแล้ว ดุเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จริงๆ ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น

อ๋องเซวียนเห็นสีหน้าของทุกคนแปลกประหลาด จึงแปลกใจเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้น โอ๊ย ทำไมแขนของข้าถึงบาดเจ็บล่ะ”

ไม่มีใครเอ่ยปาก และเคลื่อนสายตาไปทางอื่นอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ชิงฮวนยิ้มอย่างเขินอาย “หม่อมฉันทำเอง ภายใต้สถานการณ์อันตรายห้ามปราบไม่ทัน จึงทำได้เพียงลั่นไก”

ลั่นไก? ห้ามปราม?

อ๋องเซวียนเข้าใจทันที “หรือว่าข้าทำร้ายตัวเองอีกแล้ว”

ทุกคนต่างมองหน้ากัน มู่หรงฉีกระแอม ลังเลที่จะพูด “ไม่ใช่ทำร้ายตัวเอง แต่ท่านคิดจะสังหารเสด็จพ่อ ไม่สิ ท่านทำร้ายเสด็จพ่อแล้ว”

อ๋องเซวียนตกใจมาก “อะไรนะ!”

อ๋องรุ่ยเล่าความผิดอันขัดต่อทำนองคลองธรรมอย่างร้ายแรงของอ๋องเซวียนออกมาจนหมด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นกับตา คำพูดรวบรัดแต่ความหมายครบถ้วน และสมจริงไม่พอ แต่ความน่าตกใจนี้เหมือนกับเสียงฟ้าร้อง ทำให้อ๋องเซวียนประหลาดใจมาก

อ๋องเซวียนมองปากที่เดี๋ยวปิดเดี๋ยวเปิดของอ๋องรุ่ยอย่างมั่นคง นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง กลอกตาทั้งสองดวง และเป็นลมไปอีกครั้งด้วยความตกใจ

ทุกคนมองไปทางเหลิ่งชิงฮวนพร้อมเพรียงกัน

ชิงฮวนยิ้มแห้ง “ต้องช่วยไหม”

ถึงแม้ว่าจะฟื้นขึ้นมาแล้ว คาดว่าอ๋องเซวียนคงจะกลัวมาก จึงไม่กล้ามีชีวิตอยู่ต่อแล้ว

กล่าวกันว่าการหมดสติเป็นการปกป้องตัวเองอย่างหนึ่งของการทำงานในร่างกายมนุษย์ คำพูดนี้เป็นความจริง

ทุกคนไม่มีใครช่วยอ๋องเซวียนให้ตื่นขึ้นมา ปล่อยให้เขาแบกรับแรงกระแทกนี้ต่อไป ส่ายหัวไปทางชิงฮวนอย่างช้าๆ แต่แน่วแน่ ปล่อยให้เขาเป็นลมต่อไปเถอะ

ชิงฮวนทำการตรวจอ๋องเซวียนอีกครั้ง รวมถึงตรวจด้วยภาพถ่ายรังสีเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร

โรคภัยไข้เจ็บแบ่งเป็นกลุ่มอาการพร่องกับกลุ่มอาการแกร่ง มีบางโรคที่เกินกำลังของตนเองจริงๆ

เก็บตัวอย่างเลือดเล็กน้อย แล้วนางกับมู่หรงฉีก็ขอตัวกลับ

ผู้ช่วยกรมอาญากับขุนนางศาลต้าหลี่ได้รับความประสงค์แล้ว จึงรออยู่ด้านนอกจวนอ๋องเซวียน

พอเห็นชิงฮวน จึงเข้าไปซักถามนางว่าอ๋องเซวียนเป็นอย่างไรบ้าง รับการไต่สวนได้หรือไม่

ทั้งสองล้วนเป็นคนคุ้นเคยเก่าของชิงฮวน ชิงฮวนหัวเราะเยาะ “พวกเจ้าคิดจะลงโทษอย่างรุนแรงเพื่อให้สารภาพอย่างนั้นหรือ”

สิงซ่างซูรีบโบกมือ “พระชายาพูดขำขัน ต่อให้พวกเรากล้าหาญมากก็มิกล้าอย่างแน่นอน พวกเราแค่เป็นกังวลว่าองค์ชายใหญ่จะรับการแรงกระแทกนี้ไม่ไหว”

ถึงอย่างไรมู่หรงฉีก็คิดถึงความผูกระหว่างพี่น้อง ประกอบกับคราวก่อนอ๋องเซวียนก็ถูกคนวางยาเช่นกัน จึงรีบขอความเมตตาให้อ๋องเซวียนทันที “ปกติเสด็จพี่ของข้าจะเที่ยงตรง ไม่ใช่คนอำมหิตแบบนี้ เรื่องนี้มีเลศนัย รบกวนใต้เท้าทั้งสองคืนความบริสุทธิ์แก่เขาด้วย”

แต่ทว่า ในทางกลับกัน นี่เป็นจุดที่น่าจาอี๋นั่วแตกต่างจากสตรีอื่น หยิ่งทรนง กล้ารับผิดชอบ อ่อนโยนเหมือนน้ำ แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า

ชิงฮวนบอกสิ่งที่ตนเองคาดเดาเอาไว้ในใจกับชิงเจียวตามความจริง “อ๋องเซวียนสังหารฝ่าบาทคราวนี้ น่าจะมีคนวางพิษกู่ใส่อ๋องเซวียน ข้ากับมู่หรงฉีต่างคิดว่าคนคนนี้กับคนที่ฆ่าเชลยศึกมั่วเป่ยเป็นคนเดียวกัน”

“และคดีนี้ ฝ่าบาทมอบให้สิงซ่างซูไต่สวน ข้าสงสัยว่าอีกฝ่ายจะแอบทำอะไรบางอย่างผ่านสิงซ่างซูหรือไม่ ดังนั้นเลยตั้งใจมาหาเจ้า เพื่อให้เจ้าคอยดูว่าระยะนี้สิงซ่างซูคนนั้นมีความผิดปกติอะไรไหม”

ถึงแม้ว่าเหลิ่งชิงเจียวจะติดตามสิงซ่างซู แต่ไม่ได้ทราบเกี่ยวกับคดีนี้อย่างถ่องแท้ พอได้ยินชิงฮวนพูดแบบนี้ แค่ไตร่ตรองเล็กน้อย ก็เข้าใจเกี่ยวกับส่วนได้ส่วนเสียภายในนั้นแล้ว

“พี่หมายความว่า ถ้าหากระหว่างตรวจสอบคดีความนี้ มีเบาะแสหรือมีความคืบหน้าอะไรไม่เอื้อต่อคนที่อยู่เบื้องหลังคนนั้น คนคนนั้นจะใช้สิงซ่างซูทำลายหลักฐาน หรือไม่ก็ฆ่าปิดปาก เหมือนกับคดีคราวก่อนใช่หรือไม่”

ถึงแม้ว่าชิงฮวนจะหมายความแบบนี้ แต่สิ่งที่ออกมาจากปากของเหลิ่งชิงเจียว ชิงฮวนไม่รู้ว่าในใจถูกอะไรกระแทก พอคิดทบทวนอย่างละเอียด ถึงเข้าใจทันที

เรื่องเชลยศึกมั่วเป่ยคราวก่อน น่าจาอี๋นั่วเคยสงสัยว่ามีคนในกรมอาญาฆ่าซุนสือโถว เพราะมีเจตนาทำให้เหลิ่งชิงเจียวหลุดพ้นจากโทษ พอเผชิญหน้ากับการไต่สวนของสิงซ่างซู นางจึงเงียบขรึม หรือว่านางหวาดกลัว

นางรู้อะไรบางอย่างหรือเปล่านะ ถึงปฏิเสธการไต่สวนของสิงซ่างซู

มิฉะนั้น หากรับสารภาพในเบาะแสที่มิควรสารภาพ นางคงจะถูกฆ่าปิดปาก

ชิงฮวนพยักหน้า “บางทีอาจจะมีความเป็นไปได้แบบนี้จริงๆ คนที่สิงซ่างซูติดต่อด้วยในระยะนี้ มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นคนคอยบงการอยู่เบื้องหลัง

ชิงเจียวเผยความดีใจออกมาบนใบหน้า “พี่ใหญ่วางใจ โอกาสแบบนี้หาได้ยากนัก ข้าจะจับตามองเขา และไม่ปล่อยเบาะแสใดๆ ไปแน่นอน”

“สิงซ่างซูมีอิทธิพลในกรมอาญามาก ทั้งภายนอกทั้งภายในล้วนเป็นหูเป็นตาของเขาทั้งนั้น เข้าต้องระวังด้วย”

เหลิ่งชิงเจียวมองซ้ายแลขวา แล้วกล่าวเบาๆ ว่า “ระยะนี้ ตอนไปคุกสวรรค์ข้าจะฉวยโอกาสเข้าใกล้เจ้าหน้าที่ดูแลเรือนจำเดิม ตอนแรกเขาระแวดระวังข้ามาก ไม่พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับซุนสือโถวเลย พี่คิดว่าข้าควรจะเปิดเผยความจริงกับเขาหรือไม่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา