ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 771

ความรักของผู้เป็นพ่อที่มีต่อตัวเองมาอย่างกะทันหันดูแล้วค่อนข้างจะผิดปกติไปหน่อย ท่านอ๋องฉีได้รับความเอ็นดูจนรู้สึกตกใจรับไม่ได้เล็กน้อย

ชิงฮวนนำมือปิดปากแล้วยิ้ม ๆ “เสด็จพ่อตรัสไว้ว่าหลังจากที่ท่านไปถึงมั่วเป่ยแล้วค่อยเปิดถุงใบนี้ออก ข้างในถุงไหมมีกลยุทธ์อันแยบยลที่พระองค์ได้จัดเตรียมไว้ให้”

ลึกลับขนาดนี้เชียวหรือ?

มู่หรงฉีเอ่ยถามอย่างไม่ได้ใส่ใจ “มีอะไรที่ไม่สามารถพูดออกมาตรง ๆ ให้ชัดเจนได้ ต้องแสร้งทำเป็นมีลับลมคมในลึกลับขนาดนั้นเชียว?”

ชิงฮวนส่ายศีรษะ “ความลับทางการทหาร หม่อมฉันจะรู้ได้อย่างไรเพคะ?”

“ครั้งก่อนที่เจ้าเข้าวังไปก็ปิดประตูพูดคุยกระซิบกระซาบอยู่นานสองนาน และยังให้ลู่กงกงเฝ้าหน้าประตูเอาไว้ไม่ยอมให้ใครเข้าไปอีก มีหลายคนถึงกับตกใจและคิดว่าพวกเจ้ากำลังวางแผนการใหญ่อะไรกันอยู่”

นี่เป็นสิ่งที่ตาเฒ่าฮ่องเต้คาดการ์ณเอาไว้อยู่แล้ว

ผนังวังหลวงไม่ได้ทำขึ้นจากทองแดง ส่วนกำแพงก็ไม่ได้ทำด้วยเหล็ก มีผู้คนมากมายที่เฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของตาเฒ่าฮ่องเต้ ดังนั้นการที่ตาเฒ่าฮ่องเต้พระราชทานความตายให้น่าจาอี๋นั่ว จึงจำเป็นต้องตรัสสั่งลับ ๆ แบบนั้นกับตัวเองไม่สามารถเอ่ยพูดออกไปได้

ชิงฮวนหัวเราะเบาๆ “วันนั้นเมื่อได้ฟังสิ่งที่เสด็จพ่อตรัสก็รู้ได้เลยว่าท่านกอบโกยผลประโยชน์ได้มากจริง ๆ และเรื่องนี้ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเสด็จพ่อ ในถุงไหมนี้จะต้องมีแผนการทั้งหมดอยู่ขอแค่ท่านทำตามแผนการ ส่วนหม่อมฉันกับอวิ๋นเช่ออยู่ทางนี้มีเสด็จพ่อคอยคุ้มครองอยู่ ท่านไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลให้เสียสมาธินำทัพออกรบอย่างสบายใจและดูแลตัวเองให้ดี ๆ”

มู่หรงฉีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็นำถุงผ้าไหมใส่ไว้ในอก และลดศีรษะลงมองก็เห็นเอวที่หนาขึ้นของชิงฮวนในใจรู้สึกอึดอัดอย่างมาก จึงจับฝ่ามือของนางไว้และบีบฝ่ามือที่นุ่ม ๆ นั้นด้วยสีหน้ากังวล

“ทันทีที่ข้าจากไป เจ้าก็ต้องปกป้องอวิ๋นเช่อและต้องเผชิญหน้ากับมือมืดคู่นี้ตามลำพังอีกครั้ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าสนามรบก็อันตรายเฉียดเป็นเฉียดตายเช่นกัน ข้าคงไม่มีทางอนุญาตให้เจ้าอยู่ห่างจากข้าเด็ดขาด

หลังจากที่ข้าจากไป จงจำไว้ว่าคดีนี้ยังไม่ต้องสืบสวนต่อในตอนนี้ เจ้าอยู่ในที่มืด ส่วนอีกฝ่ายอยู่ในที่สว่าง ขอเพียงมีเบาะแสและความคืบหน้าเพิ่มเติม อีกฝ่ายจะต้องเป็นสุนัขจนตรอกอย่างแน่นอน และข้าก็ได้เล่ารายละเอียดและเรื่องราวความเป็นมาของเรื่องนี้ทั้งหมดให้เสิ่นหลินเฟิงแล้ว เขาจะระวังคนนั้นและคอยปกป้องเจ้ากับอวิ๋นเช่อเป็นอย่างดี”

ชิงฮวนยกมือขึ้นและค่อย ๆ ลูบคิ้วที่ขมวดของเขาให้ผ่อนคลายลง ผมหงอกสองเส้นที่ข้างจอนยังคงขัดลูกตาจนรู้สึกเจ็บปวดใจ

การจากลาครั้งสุดท้ายคราวนั้น ทั้งสองคนก็ต้องเจ็บปวดถึงห้าปีและครานี้หนทางยังอีกยาวไกล ได้แต่หวังว่าหลังจากที่พบกันอีกครั้ง จะไม่มีเรื่องอะไรที่พลิกผันแปรเปลี่ยนไป ไม่มีศึกสงคราม ใต้หล้าสงบสุขร่มเย็นและอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบไม่มีเหตุให้ทะเลาะเบาะแว้งซึ่งกันและกันอีก

นอกเรือนมีเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้น อวิ๋นเช่อวิ่งมาพร้อมกับตุ๊กตาน้ำเต้าหกตัวของเขามาด้วยความเร็วราวกับพายุ เมื่อเห็นเขากับชิงฮวนก็หน้าบานเป็นกระด้ง

“ท่านพ่อ ข้าอยากไปทำสงครามด้วย! พาข้าไปด้วยนะฮะ!”

มู่หรงฉีก้มตัวลงไปกอดอวิ๋นเช่อ ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เพราะเดิมทีก็ไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่เป็นเพื่อนลูกนาน ๆ ตอนนี้ลูกก็อยู่ในช่วงที่ต้องการให้ตัวเองอยู่เป็นเพื่อนแต่ตนเองก็ต้องไปออกรบเสียแล้ว

“อวิ๋นเช่อของข้าโตขึ้นมากแล้ว กลายเป็นเด็กชายผู้กล้าหาญแล้ว แต่ว่าหลังจากพ่อออกเดินทางไปแล้ว หากเจ้าจะไปด้วยแล้วใครจะเป็นคนปกป้องท่านแม่ของเจ้าล่ะ?”

อวิ๋นเช่อกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความประหลาดใจ และกระซิบพูดข้างหูของมู่หรงฉีเบา ๆ “ท่านพ่อ ท่านคิดว่าท่านแม่ยังต้องการให้ผู้ชายมาปกป้องด้วยเหรอขอรับ?”

คำพูดที่กระแทกกระทั้นเช่นนี้ มู่หรงฉีถึงกลับพูดไม่ออกเลยทีเดียว

เขากระแอมไอเบา ๆ สองครั้งและกระซิบเบา ๆ เช่นกัน “พ่อไม่ได้กลัวว่าท่านแม่ของเจ้าจะถูกใครรังแก แต่เป็นห่วงว่าจะมีคนมาแย่งท่านแม่ของเจ้าจากพ่อไป เจ้าต้องช่วยพ่อจับตาดูให้ดีๆ”

อวิ๋นเช่อส่ายศีรษะอย่างเอือมระอา “ลูกคิดว่าท่านพ่อกังวลมากเกินไปแล้ว ตอนนี้ท่านพ่อโฉวมีสติตื่นขึ้นมาแล้ว และได้ขอท่านพี่เหล่ยอวี้แต่งงานไปแล้ว มีเพียงแค่ท่านที่ยังสายตาไม่ดี คนอื่นไม่มีใครทนได้หรอก? หากมีใครไม่เชื่อฟังคำพูดของลูก ลูกก็จะเอาท่านแม่ออกไปขู่เขา พวกเขาต้องยอมจำนนยอมเชื่อฟังแต่โดยดีแน่นอน”

มู่หรงฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย “ขู่อย่างไร?”

อวิ๋นเช่อเอ่ยพูดด้วยท่าทีจริงจัง “เมื่อก่อนตอนที่อยู่ที่เจียงหนาน ข้าไปที่ถนนเส้นไหน ขอเพียงบอกว่าตัวเองเป็นลูกชายของฮูหยินเหลียงเจียงก็สามารถกินจนพุงกางได้ ไม่มีใครกล้าเรียกเก็บเงินลูกสักคน แต่ถ้าลูกบอกว่าตัวเองเป็นลูกชายของท่านพ่อโฉว พวกเขาก็จะลาภปากและเรียกเก็บเงินเป็นสองเท่า

อวิ๋นเช่อพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ แต่ก็รู้สึกโล่งใจอยู่บ้าง จากนั้นก็โพล่งเข้าไปคล้องคอมู่หรงฉี ปากเล็ก ๆ จุ๊บ ๆ ไม่หยุดด้วยความโศกเศร้าที่ต้องจากลาเล็กน้อย

คำสั่งทางทหารเปรียบเสมือนภูเขา สถานการณ์ทหารเสมือนการผจญเพลิง แม้ว่ามู่หรงฉีจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์แค่ไหน แต่ก็รู้ดีว่านี้เป็นหน้าที่ของตัวเอง

เขาเก็บสัมภาระเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็กระโดดควบม้าและมุ่งตรงไปที่สนามรบทันที เพื่อสั่งการกองทัพโจมตีมั่วเป่ย

ชิงฮวนไม่ได้ไปส่งเขาที่ค่ายทหาร เพราะเกรงว่าความโศกเศร้าของการจากลาจะทำให้ความฮึกเหิมของมู่หรงฉีหดหายไป

เสิ่นหลินเฟิงกับเหลิ่งชิงเฮ่อต่างพากันรีบมา คนที่เสิ่นหลินเฟิงมาส่งคือลุงสามส่วนคนที่เหลิ่งชิงเฮ่อมาส่งคือน้องเขยและลุง ๆ ทั้งสามคน

ครั้งนี้ที่ส่งทหารไปสู่รบกับมั่วเป่ย ตาเฒ่าฮ่องเต้ไม่กล้าดูแคลนกองกำลังของมั่วเป่ยมากนัก จึงออกคำสั่งให้นายพลฉู่และพี่น้องทั้งสามคนของตระกูลฉู่ติดตามกองทัพไปด้วย และกำชับว่าต้องทำศึกให้จบโดยเร็วที่สุด และกลับมาอย่างมีชัยเร็ว ๆ

ทุกคนล้วนเข้าใจดีว่า การส่งทหารไปในครั้งนี้ สงครามที่ต้องเผชิญหน้านั้นอันตรายกว่าครั้งก่อน ๆ มาก อาจจะเฉียดเป็นเฉียดตายเลยทีเดียวก็ว่าได้ ดังนั้นตาเฒ่าฮ่องเต้ถึงได้ทุ่มเทกองกำลังทหารมากมายขนาดนี้

แต่เหล่าทหารกลับไม่มีความเกรงกลัวใด ๆ ในทางตรงกันข้าม หลายปีที่ฝึกฝนสะสมและพัฒนาทักษะขึ้นมาจนเฉียบไวเสมือนกับการลับคมดาบมานาน ทำให้พวกเขากระตือรือร้นที่จะลองของอยู่นานแล้ว และหวังว่าจะได้แสดงฝีมือบนสนามรบและประสบความสำเร็จ

นายพลที่ไม่สามารถเดินทางไปสนามรบได้ รวมถึงรองแม่ทัพอวี๋ต่างก็ยื่นเหล้าเลี้ยงส่งให้และยังคงเต็มไปด้วยความอิจฉาและไม่เต็มใจ

มู่หรงฉีดื่มเหล้าขาวฤทธิ์แรงในชามรวดเดียวหมดและขว้างลงบนพื้นด้วยอารมณ์ฮึกเหิม

ทำให้เหล่านายพลทั้งหลายฮึกเหิมขึ้นมา และรอให้ท่านอ๋องฉีกล่าวคำพูดที่องอาจด้วยน้ำเสียงทรงพลังออกมาเพื่อปลุกระดมอารมณ์ให้ทุกคนตื่นตัว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา