ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 833

จวนอ๋องฉี

ถึงเวลาอาลัยไว้ทุกข์แล้ว

รถม้าและม้าเร็วจำนวนมากจอดอยู่หน้าประตูจวน น่าจะได้ยินข่าวร้ายจึงมาเคารพระศพ ส่งมู่หรงฉีเป็นครั้งสุดท้าย

ทหารอารักขาเห็นเหลิ่งชิงฮวนลงจากรถม้ามาแต่ไกล ก็รีบหันหลัง วิ่งกลับไปรายงาน มีกระดาษเงินกระดาษทองที่เผาไปแล้วครึ่งหนึ่ง เหมือนกับผีเสื้อสีดำ โดยลมที่ใต้เท้าพัดปลิวลอยตกลงมา

ชิงฮวนรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างนั้นไม่ใช่ของตัวเองแล้ว สั่นไหว เหลิ่งชิงเจียวประคองลงมาจากรถ เดินก้าวเข้าจวนไปทีละก้าว

คนคุ้นหน้าคุ้นตามากมายทยอยเดินออกมาจากในจวน พระชายาเซวียน อ๋องรุ่ย พระชายารุ่ย ลี่ว์อู๋ หรูอี้ เสนาบดีเหลิ่ง และยังมีเหล่าทหารที่คุ้นเคยมากมาย ดวงตาของพวกเขาแดงไปหมด มองที่ชิงฮวน อยากจะปลอบใจทว่าลำคอนั้นแหบแห้ง พูดไม่ออกสักคำ

มีเพียงเสี่ยวอวิ๋นเช่อ ไม่สนเรื่องทางโลก ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เมื่อเห็นชิงฮวน ก็ยิ้มอย่างดีใจ กางปีกออก บินถลาเข้ามาหา

“ท่านแม่ อวิ๋นเอ๋อร์คิดถึงท่าน!”

ชิงฮวนตัวสั่น นั่งยองตัวลง จับมือเล็กๆเจ้าเนื้อของอวิ๋นเช่อ ในใจเหมือนถูกมีดกรีดอย่างอดไม่ได้

“แม่เองก็คิดถึงอวิ๋นเช่อเหมือนกัน”

อวิ๋นเช่อเงยหน้ามอง เห็นเธอน้ำตาไหลเหมือนฝนตก สีหน้าตกใจ “โอ้โห! ท่านแม่ ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก คิดถึงข้าจนร้องไห้เลยเหรอ? ดูเหมือนว่าการสอนของเสด็จปู่จะได้ผล ขังอยู่ในคุกหลายวัน ในที่สุดมโนธรรมก็ถูกค้นพบแล้ว!”

...

เป็นไปอย่างที่คิดมารดาเมตตา บุตรกตัญญูไม่ถึงสามวินาที เพียงพริบตาก็จะกลายเป็นความวุ่นวายไปเสียแล้ว

ชิงฮวนปวดหัว ร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม

มู่หรงฉีจากไปแล้ว เหลือไว้เพียงเจ้าตัวก่อความวุ่นว่าย ตัวเองจะจัดการได้ยังไงกัน? โตขึ้นมาแล้วจะไม่เป็นกบฏหรือยังไง?

ทำไมตัวเองถึงได้ลำบากขนาดนี้นะ?

อวิ๋นเช่อช่วยเช็ดน้ำตาแม่ตัวเองอย่างจริงจัง ยิ่งเช็ดก็ยิ่งมากขึ้น ยิ่งเช็ดท่านแม่ก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังกอดตัวเองแน่น ราวกับกลัวว่าตัวเองจะวิ่งไล่ตีไม่ไหว ก็ว้าวุ่น รีบปรับตัวตามสถานการณ์เข้าไปประจบทันที

“ท่านอย่าร้องไห้ไปเลย สองวันก่อนข้าเข้าวังไปพูดกับเสด็จปู่แล้ว เป็นลูกไม่ควรรังเกียจพ่อแม่ ต่อให้ท่านจะดุข้าอีกก็ตาม ข้าก็จะไม่มีทางรังเกียจท่าน ต่อให้เอาทองมาแลกท่านแม่ข้าก็ไม่ยอม เสด็จปู่ตรัสว่า ท่านก็แค่ขู่ท่านแม่เท่านั้นเอง ขอเพียงแค่ท่านไม่ตีข้าอีก ก็จะไม่ขังท่านอีกแล้ว”

ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ชิงฮวนเท่านั้น คนที่อยู่รอบข้าง ต่างก็พากันกุมขมับ หากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่สมควร ในก็ยิ่งเป็นทุกข์มาก เกือบจะเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นหัวเราะแทนแล้ว

เสนาบดีเหลิ่งก้าวไปข้างหน้าอย่างจนปัญญา จับมืออวิ๋นเช่อ สั่งให้คนมาชวนเขาออกไปเล่น

“เด็กดี แม่เห็นเช่อเอ๋อร์ย่อมดีใจมากอยู่แล้ว เจ้าไปเล่นที่อื่นก่อนนะ พอแม่เจ้าไม่เห็นเจ้า ก็ไม่ร้องไห้แล้วล่ะ”

อวิ๋นเช่อตบไหล่ของชิงฮวนอย่างจริงใจ “งั้นเช่อเอ๋อร์ไปก่อนนะ อีกเดี๋ยวท่านหาที่ๆไม่มีคนอยู่ เวลาที่อยากจะร้องไห้ค่อยเรียกหาข้า ไม่เช่นนั้นร้องไห้น่าเกียจเช่นนี้ จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้”

พาเจ้าหูลูวาของตัวเองจูงหมาเดินส่ายก้นออกไปแล้ว

ลี่อู๋ว์ก้าวมาข้างหน้า ประคองแขนชิงฮวน ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก รู้สึกได้ว่ามือของเธอสั่นอยู่ตลอดเวลา

แต่ชิงฮวน เมินเฉยต่อสายตาที่วิตกเป็นห่วงเป็นใยของพวกนาง เธอมองเข้าไปในจวนอย่างแน่วแน่ ร่างกายสั่นไหว จะล้มมิล้มแหล่

รองแม่ทัพอวี๋ออกมาต้อนรับ สวมเสื้อไว้ทุกข์ เมื่อเห็นชิงฮวน ฉีกยิ้มก็จะร้องไห้แล้ว

“พระชายา ท่านกลับมาแล้ว!”

ดูท่าทางแล้ว ยังอยากลากเสียงยาวต่อ กูถูกอ๋องรุ่ยที่อยู่ด้านหลังกระทุ้งเข้าที่เอวอย่างแรง

รองแม่ทัพอวี๋เหมือนกับเด็ก เบะปาก ไม่กล้าร้องไห้เสียงดังออกมา

ชิงฮวนกระพริบตาอย่างแรง “เขาอยู่ไหน? พาข้าไปหน่อย”

ลี่ว์อู๋สะอื้น “พี่สะใภ้สาม ท่านอย่าเพิ่งกระวนกระวายไป กลับไปพักที่ตำหนักฉาวเทียนก่อนเถิด”

จะพักได้ยังไง? จะทำใจสงบได้ยังไง?

ชิงฮวนจับมือเธอแน่น : “ไป!”

ชิงฮวนสูดหายใจเข้าลึกๆ มือสั่นระรัว ค่อยๆเปิดผ้าขาววออกอย่างช้าๆ

หน้าตาเปลี่ยนไปจริงๆ หรือความหมายก็คือสภาพน่าสังเวชนั่นเอง

ถึงแม้ว่าหมอทหารได้พยายามอย่างมากในการฟื้นฟูบาดแผล พยายามเย็บให้ดูดีขึ้น แต่ว่าบาดแผลนั้นบวมซีดเล็กน้อย แม้แต่ตำแหน่งอวัยวะทั้งห้าล้วนมองเห็นไม่ชัดเจนแล้ว

ทันใดนั้นเหมือนมีดบาดในใจ น้ำตาพรั่งพรูดั่งสายฝน กลับสะกดกั้นเอาไว้ ไม่ได้ร้องไห้ส่งเสียงออกมา

เสนาบดีเหลิ่งตบที่ไหล่เหลิ่งชิงเฮ่อ ในใจเองก็รู้สึกแย่เหมือนกัน “ดูแลน้องสาวเจ้าให้ดี อย่าให้นางทำร้ายร่างกายตัวเอง”

หลังจากนั้นส่งสายตา ให้ทุกคนออกไปอย่างเงียบๆ เหลือเพียงแค่เหลิ่งชิงเฮ่อ เสิ่นหลินเฟิงและลี่ว์อู๋ ปล่อยให้ชิงฮวนได้มีพื้นที่ในการระบายอารมณ์ ไม่เช่นนั้นอัดอั้นตันใจแย่

เหลิ่งชิงเฮ่อกัดฟันแน่น “อยากร้องไห้ เจ้าก็ร้องออกมาเถอะ บางทีอาจจะดีขึ้นบ้าง”

ชิงฮวนหายใจอย่างยากลำบาก ในใจยังมีความหวังสุดท้ายอยู่ พยายามประคับประคองตัวเอง “ท่านพี่ ช่วยข้าถอดเสื้อผ้าท่านอ๋องที เผยให้เห็นแผ่นหลังของเขา”

เหลิ่งชิงเฮ่อตะลึง ไม่เข้าใจความหมาย

“ชิงฮวน เจ้า...”

ชิงฮวนดึงมุมปากขึ้นอย่างยากลำบาก “ท่านอ๋องสัญญากับข้าไว้ ว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย ข้าไม่เชื่อ ว่าเขาจะตายในสนามรบ”

เหลิ่งชิงเฮ่อค่อนข้างลำบากใจ พูดแล้วไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่ มู่หรงฉีถูกระเบิดฟ้าคำรณจนได้รับบาดเจ็บ ไม่เพียงแต่ใบหน้าที่เปลี่ยนไป แม้แต่บนเนื้อตัว นอกจากตำแหน่งเกราะหัวใจด้านหน้าและด้านหลัง กลัวว่าจะเหลือชิ้นดีอยู่ไม่เท่าไหร่ แต่เสื้อเกราะและตราคำสั่งบนตัวของเขา ก็เพียงพอที่จะยืนยันตัวตันของเขา

ความจริงอันโหดร้าย เปลี่ยนเป็นคนอื่นก็ยากที่จะรับไหว

เหลิ่งชิงเฮ่อสงสารน้องสาว ทำตามที่ชิงฮวนสั่ง ปลดเข็มขัดของมู่หรงฉี เปิดคอเสื้อ เสิ่นหลินเฟิงก้าวขึ้นมาช่วยด้วย ทั้งสองคนออกแรกพลิกศพ เผยให้เห็นแผ่นหลังมู่หรงฉี

เป็นจริงดังนั้น นอกจากตำแหน่งเสื้อเกราะหัวใจด้านหลังที่ยังคงสภาพเหมือนเดิม ทั้งตัวก็แทบจะแตกกระจายเป็นจุดๆ มองไม่เห็นผิวหนังที่สมบูรณ์

ชิงฮวนเบิกตากว้าง มองดูอย่างละเอียด หลังจากนั้น รอยยิ้มค่อยๆปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก ยิ่งลึกขึ้นเรื่อยๆ จนถึงดวงตา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา