ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 844

ในเวลานี้ชิงฮซนอยู่ในห้องสักการะจริง

ในเวลากลางคืนที่เงียบสงบเป็นเวลาที่จะทำอะไรไม่ดีพอดี

เธอกังวลว่าอ๋องเฮ่าจะส่งคนมาที่จวนอ๋องฉีและลอบสร้างความวุ่นวาย ดังนั้นเธอจึงคิดที่จะสร้างค่ายกลเอาไว้ในโลงศพเอาไว้ล่วงหน้า

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ถ้าหากว่าอ๋องเฮ่าไม่ย่อมแพ้ตัวเธอจะต้องให้คนของเขามาแล้วไม่สามารถกลับไปได้ หรือไม่ก็ทำให้พวกนั้นตกใจกลัวจนฉี่ราด

เธอให้คนที่คอยเฝ้าศพและพระที่สวดมนต์ออกไปข้างนอกแล้วปิดประตู จากนั้นเธอปีนไปบนโลงศพเพื่อติดตั้งค่ายกล เทียนสีขาวที่อยู่ด้านหัวของโลงศพนั้นแกว่งไปมาสองสามครั้งจากแรงลม

เมื่อเงยหน้าขึ้นไปโฉวซือเส่าที่อยู่ในชุดสีแดงก็ได้นั่งลงบนโลงศพแล้ว เขายกขาข้างหนึ่งขึ้นแล้วฉีกน่องไก่ข้างหนึ่งบนโต๊ะบูชาไป

ประตูและหน้าต่างยังคงปิดสนิทเขาต้องมีทักษะดีแค่ไหนกัน อีกทั้งทุกครั้งที่เขามาที่นี่ราวกับว่าเขาไม่เคยเดินผ่านประตูหลักเลย ทำเหมือนกับลอบเข้ามาหาชู้อย่างไรอย่างนั้น

ชิงฮวนโบกมือไล่เขาอย่างไม่เกรงใจ “เจ้าจะนั่งตรงอื่นไม่ได้หรือไง ถึงจะต้องมานั่งบนฝาโลง นี่ไม่เป็นการเคารพผู้ตายเลยนะ”

“เจ้าทั้งวางยาพิษทั้งเลี้ยงแมลงกู่เอาไว้บนฝาโลง ตัวเองก็เป็นยังจะมาว่าคนอื่น” โฉวซือเส่ากินน่องไก่ไปคำเดียวก็คายออกมา เขาเปลี่ยนไปหยิบกล้วยแทน “ถูกรมควันจนเป็นกลิ่นควันหมดแล้ว ไม่อร่อยเลย”

“นี่ไม่ได้มีไว้ให้เจ้ากิน ย่อมต้องไม่ถูกใจเจ้า”

“ข้าวิ่งพล่านไปทั่วเรื่องของเจ้าทั้งวัน น้ำก็ยังไม่ได้กินสักอึก เจ้านี่น้าเห็นข้าแล้วไม่พูดดีกับข้าสักคำ ต่อให้เจ้าจะถามสารทุกข์สุขดิบไม่เป็นก็ควรใส่ใจข้าหน่อย”

“ขอบคุณ”

“ว่าไปเรื่อย”

ชิงฮวนหยัดกายยืนตรง “ซาบซึ้งจริงๆ เรื่องที่ทำเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

โฉวซือเส่ายิ้มออกมาอย่างภูมิใจ “ข้าเป็นคนออกโรงเองจะมีอะไรผิดพลาดได้อย่างไร เป็นอย่างที่เจ้าคิดจริงๆพวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่สุสานหลวง มีทหารในวังคอยอารักขาอยู่ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ก็เลยไม่แน่ใจว่ามีอะไรข้างใน

แต่ว่ามีข่าวร้ายเรื่องหนึ่งคือหลังจากที่เบาแสของหัวหน้าเหอหลุดออกไปก็ไม่มีใครรับหมอคนนั้นไปที่ค่ายทหาร แต่กลับพาเขาไปฆ่าปิดปาก พวกเราช้าไปก้าวหนึ่งก็เลยช่วยเอาไว้ไม่ได้”

พระชายาเฮ่านั้นรู้จักใช้คนจริงๆ น่าสงสารหมอคนนั้นที่ยอมมาทิ้งชีวิตให้พระชายาเฮ่า เพียงแต่หลังจากที่เขาตายไปแล้วเขาคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายเมื่อตัวเองหมดประโยชน์แล้วจะถูกกำจัด

“งั้นผู้นำเหอล่ะ? ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องสำคัญเขาไม่มีทางที่จะอยู่ในสุสานหลวงนานหรอก ถึงแม่ว่าตอนนี้อ๋องเฮ่าจะเผยหางจิ้งจอกของตัวเองออกมาแล้วแต่กลับไม่กล้าที่จะแสดงออกมากเกินไป น่าจะเป็นเพราะเขากำลังรอให้ทหารเข้ามาในเมืองหลวงอยู่”

โฉวซือเส่าส่ายหน้า “อีกฝ่ายหนึ่งอดทนได้ดีมาก พวกเขาไม่เคยเผยโฉมหน้าให้เห็นมาก่อน”

ชิงฮวนเริ่มรู้สึกร้อนใจ “เขาจะต้องเตรียมตัวป้องกันเอาไว้แล้วแน่ พวกเราจะต้องระวังให้มากอย่าให้มีร่องรอยของเราหลุดออกไป อีกอย่างสุสานหลวงก็เข้าถึงได้ง่าย พระสนมหลินวางแผนอยู่ที่นั่นมาตั้งนาน เราจะต้องป้องกันไม่ให้นางหนีออกไปผ่านทางลับ”

“ตรงจุดนี้ข้าได้เตรียมเอาไว้นานแล้ว ข้าสั่งให้คนคอยเฝ้าซุ่มโจมตีตามทางแยกต่างๆเอาไว้แล้ว ต่อให้เขาแปลงร่างเป็นหนูก็ไม่สามารถหนีพ้นสายตาของพวกเราไปได้ อีกอย่างข้ายังยืมสุนัขตำรวจมาจากเสิ่นหลินเฟิงอีกครั้ง”

ชิงฮวนรู้สึกเสียดายเล็กน้อย “ถ้าหากว่าฉีจิ่งอวิ๋นยังอยู่ก็ดี นกอินทรีทองที่เขาเลี้ยงไว้เข้าใจมนุษย์จึงเหมาะสมในการสะกดรอยระยะไกลที่สุด ต่องให้เสด็จลุงรองซ่อนทหารเอาไว้ในภูเขา อินทรีทองจะต้องหาเจอแน่”

โฉวซือเส่ารู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของเธอมาก เขาค่อยๆถอนหายใจออกมา “ก็จริง ผู้หญิงคนนี้นี่ ของที่เจ้าไม่มีคือสิ่งที่ดีที่สุด ข้าอยู่ต่อหน้าต่อตาเจ้านะ เจ้ายังไปคิดถึงผู้ชายคนอื่นอีก ตอนนั้นข้ายอมให้เจ้าได้ตัวข้าไปง่ายเกินไป ข้าน่าจะไม่ยอมอย่างหัวเด็ดตีนขาดและต่อต้านเจ้าจนถึงที่สุด ”

ชิงฮวนชินชากับคำพูดที่ดูน่าสงสารของเขาแล้ว นางจึงทำเพียงแค่กลอกตาและไม่สนใจเขาอีก นางลอบครุ่นคิดในใจ ในบรรดาลูกน้องเก่าของฉีจิ่งอวิ๋นองครักษ์อินทรีทองจะต้องมีคนที่ใช้อินทรีได้เก่งอยู่แน่ๆ เธอจะเอาอินทรีทองให้พวกเขาเพื่อตามรอยหัวหน้าเหอได้ไปไหมนะ

อย่างไรเสียเธอก็เคยประมือกับเขามาก่อนจึงรู้ว่าแม้ภายนอกเขาจะเป็นคนดีแต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ตอนนี้เธอได้หาทางป้องกันไว้ก่อนและระมัดระวังตัวแล้ว ถ้าหากว่ามีคนลอบกลายเป็นทหารก็อาจไม่ปลอดภัยได้

ความรู้สึกคุ้นเคยนี้ไม่สามารถคุ้นมากไปกว่านี้ได้แล้ว มันเป็นความผวาที่ได้ซึมลึกเข้าไปในกระดูกแล้ว ในเวลานี้เองมันไดขยายมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวและค่อยๆกลายเป็นความยินดีผุดออกมาทุกรูขุมขนของเธอ

ฟังของชิงฮวนกำลังสั่นกระทบกัน เธอเค้นคำสามคำผ่านลอดไรฟันออกมาอย่างยากลำบาก “มู่หรงฉี!”

ชื่อแซ่นี้ไม่คุ้นเลยสักนิด เมื่อก่อนมู่หรงฉีไม่พ่อใจกับคำเรียกนี้ของชิงฮวน แต่วันนี้ได้ยินแล้วกลับรู้สึกระรื่นหู

น้ำเสียงของเขายังคงทุ้มต่ำและสากเล็กๆ “ข้ากลับมาแล้ว เจ้าสบายดีไหม”

ไม่ดี ไม่ดีเลยสักนิด ต่อหน้าคนอื่นนางทำตัวเข้มแข็ง วินาทีที่เธอได้เห็นมู่หรงฉีเธอก็รู้สึกเป็นทุกข์และอยากจะร้องไห้ออกมา เธออยากจะบอกเขาว่ามีคนมารังแกเธอ เธออยากจะให้เขาให้ความเป็นธรรมกับเธอ

จมูกของเธอฟึดฟัด หยาดน้ำตาไหลรินลงมา ลำคอของเธอก็ตีบตันจนพูดไม่ออก เธอหันไปทางมู่หรงฉีแล้วกระโจนเข้าใส่เขาราวกับว่าได้กลับมาสู่ที่ปลอดภัยของตัวเอง ใจของเธอสงบลงทันที

มู่หรงฉีเหยียดแขนออกไปแล้วรับชิงฮวนเข้าสู่อ้อมกอดแล้วจูบลงที่จอนผมของเธอจากนั้นก็บนเส้นผม

“ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าเป็นกังวล”

ชิงฮวนดีใจจนน้ำตาไหล “ท่านกลับมาได้อย่างไร รู้หรือไม่ว่าหม่อมฉันเป็นห่วงท่านขนาดไหน”

“ข้าไม่เป็นอะไรและปลอดภัยดี เพียงแต่ว่าไม่สามารถปลีกตัวมาได้ทันที มีเรื่องที่ข้าต้องทำ ขอโทษ ขอโทษ!”

เขาใช้นิ้วเช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลรินของชิงฮวน พวกเขาพลอดรักกันอย่างลึกซึ้ง

โฉวซือเส่าซึ้งจนนวดจมูกของตัวเองแล้วกระแอมออกมาสองทีเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขายังอยู่ “อะแฮ่ม อีกนิดก็จะได้กันแล้วนะ ที่นี่ยังมีคนอื่นอยู่นะ ทำตัวติดกันในห้องสักการะอย่างไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร เดี๋ยวพี่ชายที่อยู่ในโลงจะทนดูไม่ได้แล้วถีบแผ่นโลงศพหรอก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา