ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 848

โฉวซือเส่ากับรองแม่ทัพอวี๋ต่างเป็นคนที่มีสายตาเฉียบคมและรู้งาน ต่างปรึกษาหารือเรื่องแผนการกันอย่างสมเหตุสมผล หลังจากที่โฉวซือเส่านำวิธีการติดต่อของหอซ่อนดาบกับองครักษ์อินทรีมอบให้แก่มู่หรงฉีแล้ว ทั้งสองก็แยกย้ายไป

ภาระบนตัวของมู่หรงฉีนั้นหนักอึ้ง มิสามารถทิ้งไว้ได้นาน เขามิเพียงจะต้องบัญชาการให้องครักษ์อินทรีกับหอซ่อนดาบไล่ตามหัวหน้าเหอและได้รับข่าวสารเป็นคนแรกเท่านั้น ยังต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดในยามวิกฤต และรับมือให้ถูกต้องที่สุดตามสถานการณ์ด้วยเช่นกัน

เมื่อเหลือเพียงสองคน ภายในห้องก็เงียบสงัดขึ้นมาทันที เปลวเทียนสั่นไหว เสียงพระเคาะปลาไม้พลางสวดมนต์ด้านหน้าก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

อวิ๋นเช่อนอนหลับฝันหวานอยู่ในมุ้งในห้อง ใบหน้าเล็กๆ แดงก่ำ และยังมีเสียงกรนเบาๆ

มู่หรงฉีเลิกมุ้งเบาๆ ยังคงอาลัยอาวรณ์มิอยากจาก

ทั้งสองออกมาจากห้อง ก่อนชิงฮวนจะเอ่ยถามเขา “คิดถึงลูกชายของท่านหรือ”

มู่หรงฉีโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน “มิได้คิดถึงลูกชาย คิดถึงเจ้าต่างหาก นอกจากการสู้รบแล้ว ยามพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก และตกในทางทิศตะวันตก หรือท้องนภาเต็มไปด้วยหมู่ดาวระยิบระยับ ตลอดเวลาทุกนาที ความคนึงหา ความห่วงใย ความกังวล ข้าเดินทัพสู้รบมาหลายปี มิเคยพะวงใจกับเมืองหลวงเช่นนี้มากเท่านี้มาก่อนเลย”

เหตุใดชิงฮวนจะไม่รู้สึกเช่นนั้นล่ะ?

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ความกังวลและความยุ่งเหยิงทั้งหมดก็ได้รับการปลดปล่อยและพรั่งพรูออกมาราวกับน้ำป่าไหลหลากภายในชั่วพริบตาในวินาทีที่เห็นเขา

นางเอนกายซบอกของมู่หรงฉีเบาๆ เงี่ยหูฟังเสียงเต้นของหัวใจที่มีชีวิตชีวา และประทับฝ่ามือลงไปบนหัวใจของเขา

ในอ้อมกอดของเขา มีบางอย่างเต้นตึกตัก

ชิงฮวนเพิ่งจะนึกถึงธุระขึ้นมาได้ จึงเงยหน้าถาม “เสด็จพ่อให้ถุงผ้าไหมท่านมาสองถุงมิใช่รึ”

มู่หรงฉีพยักหน้า “ตอนที่ข้าเปิดถุงผ้าไหมถุงแรกถึงจะรู้ว่าในนั้นมีกลอุบายอยู่”

“แล้วอีกถุงหนึ่งเขียนว่าอันใด?”

มู่หรงฉีส่ายหน้า “ในถุงผ้าไหมถุงแรกบอกว่า ห้ามเปิดถุงผ้าไหมถุงที่สองนอกจากจะสุดวิสัยเท่านั้น”

ชิงฮวนกระพริบตาปริบๆ “แล้วหลังจากนั้นท่านก็มิได้เปิดมันจริงๆ หรือ?”

มู่หรงฉีพยักหน้า “ใช่น่ะสิ มิเช่นนั้นมันก็จะเป็นขัดคำสั่ง”

ช่างเป็นเด็กที่ซื่อสัตย์เสียจริง นั่นเป็นเหตุผลว่าเหตุใดชายชราผู้เป็นฮ่องเต้ถึงมอบถุงผ้าไหมให้เขา แทนที่จะให้ตน

ชิงฮวนยื่นมือไปทางเขา “เอาถุงผ้าไหมมาให้หม่อมฉัน”

“จะทำอันใด?”

“ก็ต้องเปิดมันดูน่ะสิ จะได้รู้ว่าข้างในเขียนอะไรไว้”

มู่หรงฉีรีบปรามทันที “มิได้ ถ้าหากเสด็จพ่อรู้เข้า จะต้องกริ้วเป็นแน่”

ชิงฮวนจึงทำมันด้วยตัวเอง โดยการล้วงถุงผ้าไหมออกมาจากอ้อมแขนของมู่หรงฉีที่สวมเสื้อผ้าอาภรณ์อย่างอยู่ดีกินดี

“หม่อมฉันบอกท่านไว้ก่อนเลยว่า ตามที่หม่อมรู้จักเสด็จพ่อมา ในถุงผ้าไหมของเขามิได้เขียนอันใดไว้เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ เดาว่าคงเป็นกลอุบายหลอกเราสองคน จะดีกว่าหากเราเปิดออกมาดูก่อน จะได้เลี่ยงหายนะได้”

มู่หรงฉีส่ายหน้าอย่างช่วยมิได้ “นั่นเสด็จพ่อของข้านะ จะเป็นเช่นนั้นได้เยี่ยงไร?”

ชิงฮวนพูดจบเองด้วยความมั่นใจ ก่อนจะกลัดกลุ้ม

เพราะถุงผ้าไหมของชายชราทำมาให้คนรำคาญใจ

ถุงผ้าไหมตัดเย็บด้วยไหมสีเหลืองเนื้อบางเฉียบ ผนึกด้วยลายปักที่ซับซ้อนและเย็บแบบพิเศษ ถ้าหากจะเปิดเอง จุดประสงค์เพื่อเอาสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา ต้องตัดถุงผ้าไหมที่ผูกไว้ หรือดึงด้ายที่เย็บไว้ด้านบนออก และจะทำให้มันกลับไปเป็นสภาพเดิมได้ยาก

เมื่อกลับไปแล้ว หากชายชราผู้เป็นฮ่องเต้ถามขึ้นมา และเอาถุงผ้าไหมกลับไป แค่มองว่าปากถุงถูกเปิดแล้ว จะว่าตนรีบร้อนหรือไม่?

นางพลิกดูซ้ำไปซ้ำมา ราวกับกำลังถือชิ้นเนื้อที่ใกล้จะเข้าปาก แต่มิรู้ว่าจะเอาเข้าปากอย่างไร อยากจะทิ้ง ก็ทิ้งมิลง

มู่หรงฉีพูดอย่างกระดากอาย “อันที่จริงข้าก็อยากรู้สิ่งที่อยู่ข้างในถุงผ้าไหมถุงที่สองเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่มันเปิดมิได้”

นั่นเป็นความจริง ชิงฮวนเม้มริมฝีปาก หยิบไฟฉายออกมาจากแหวน ส่องไปยังถุงผ้าไหมโดยตรง บิดปลายนิ้วและมองซ้ายมองขวา

ไหมสีเหลืองที่ใช้ทำถุงผ้าไหมบางมาก บางจนตัวอักษรด้านในทะลุออกมาจางๆ ภายใต้แสงที่ฉาย

ชิงฮวนมิพอใจขึ้นมาในทันที ตนในสายตาของเขาเป็นคนที่ขี้หึงขี้หวงขนาดนั้นเชียวรึ?

มู่หรงฉีที่เป็นเด็กผู้ซื่อสัตย์ถูกน้ำเสียงที่เอาจริงเอาจังของชิงฮวนขู่เข้าแล้ว

เขาคิดว่าคนบนโลกทั้งหมดสามารถโกหกเขาได้ ยกเว้นชิงฮวน

เขาพูดจาตะกุกตะกัก “เสด็จพ่อหมายความว่าเยี่ยงไร?”

ชิงฮวนยังคงพล่ามต่อไป “ท่านก็คิดดูสิ เสด็จพ่อตรัสแล้ว ถุงผ้าไหมนี่ ต้องเป็นตอนที่เราจนมุมเท่านั้นถึงจะเปิดได้ ก็พูดได้ว่า อ๋องเฮ่าตัดสินสถานการณ์โดยรวมแล้ว ในฉางอันมิมีพื้นที่ให้เราแล้วอย่างไรเล่า

สมมติว่าท่านสมรสกับบุตรสาวของกษัตริย์มั่วเป่ยแล้ว สงครามของมั่วเป่ยก็จะยุติมิใช่รึ? และท่านก็ยังสามารถยืมกองกำลังจากมั่วเป่ยได้ด้วย แค่นี้ก็สามารถสู้อ๋องเฮ่าได้แล้ว”

ชิงฮวนคุยโวราวกับมีความสมเหตุสมผลบางอย่างอยู่ในนั้น

“เหลวไหล เสด็จพ่อคงจะรู้จักนิสัยข้าดี”

ชิงฮวนตบตรงหัวใจเขาเบาๆ “ลูกผู้ชาย ต้องปรับตัวได้อยู่แล้ว มิเป็นไร เพื่อสถานการณ์โดยรวม หม่อมฉันทนได้”

นางยืนหยัดเช่นนี้ และยังเอาจริงเอาจังด้วย แต่มู่หรงฉีรู้สึกว่ามันผิดปกติ

“เจ้ามิต้องห่วง ข้ามิยอมให้อ๋องเฮ่าทำสำเร็จอย่างแน่นอน ความคิดริเริ่มจะต้องอยู่ในมือของเราแน่”

ชิงฮวนแอบหัวเราะ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกครั้ง “แต่ตราบใดที่เสด็จพ่อมีความคิดเช่นนี้ จะต้องมิยอมรามือเป็นแน่ ท่านลืมน่าจาอี๋นั่วไปแล้วหรือ? ถึงมั่วเป่ยจะแพ้สงคราม เสด็จพ่อก็ยังจะให้มั่วเป่ยเสนอให้องค์หญิงเข้ามาสมรสเพื่อสันติภาพด้วย ถึงตอนนั้นท่านก็ยังหนีมิพ้น”

“ก็นั่นเป็นการตัดสินใจของเจ้า จะพูดอันใดได้เล่า?”

ชิงฮวนถอนหายใจเบาๆ “หม่อมฉันรู้สึกว่า หลังจากสถานการณ์โดยรวมคงที่แล้ว เราควรออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นจุดสนใจจะเป็นการดีที่สุด”

“หนีรึ?”

“จะพูดเช่นนั้นก็ได้” ชิงฮวนยิ้มขำ “ฮิๆ ” “พอองค์หญิงแห่งมั่วเป่ยหมั้นหมายแล้ว ก็ค่อยกลับมา”

มู่หรงฉีหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเอียงศีรษะมองไปที่ชิงฮวน “สามีอยู่มั่วเป่ยมานานขนาดนั้น เหตุใดถึงมิเคยได้ยินเลยว่ากษัตริย์มั่วเป่ยมีบุตรสาวที่ยังมิได้แต่งงาน?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา